กลุ่มประชาชนที่ใช้ชื่อว่า "ศูนย์กลางประสานนักศึกษาอาชีวะ ประชาชนปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์" หรือ ศอปส. ระบุจะร่วมสังเกตการณ์การชุมนุมของแนวร่วมประชาชนปลดแอกในวันนี้ (16 ส.ค.) ชี้หากมีการพาดพิงหรือก้าวล่วงต่อสถาบันฯ จะนำหลักฐานทั้งหมดให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการ โดยจะปักหลักสังเกตการณ์จนกว่าการชุมนุมจะสิ้นสุด
"เราแค่มาดูว่าเขาจะมีการจาบจ้วงหรือไม่ และยืนยันว่ายึดแนวทางอหิงสา ไม่ใช้ความรุนแรง.... "ทุกคนออกมาเพื่อทำให้คนที่ยังไม่รู้จักคำว่ารักสถาบันฯ เป็นอย่างไร" แกนนำกล่าว
กลุ่มประชาชน ศอปส. ได้ทยอยรวมตัวที่บริเวณทางเท้าด้านหน้าร้านอาหารเมธาวลัย ศรแดง และหอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ตั้งแต่เวลาประมาณ 10.30 น. โดยเป็นการนัดหมายแสดงพลังปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ในเวลา 4 ชม. ก่อนที่นักเรียน นักศึกษา และประชาชนอีกกลุ่มที่ใช้ชื่อว่า "ประชาชนปลดแอก" จะเริ่มชุมนุมต่อต้านรัฐบาลในบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเช่นเดียวกัน
แถลงการณ์ฉบับที่ 4 ของ ศอปส. ซึ่งแถลงต่อสื่อมวลชนในบริเวณการรวมตัว อ้างอิงถึงการประชุมจากกลุ่มต่าง ๆ 21 กลุ่ม เมื่อวันที่ 14 ส.ค. ที่ผ่านมา ว่า ศอปส. จะเข้าสังเกตการณ์ "ด้วยแนวทางสันติวิธี" และถ้ามีการกระทำที่พาดพิงต่อสถาบันฯ จะมีมวลชนเก็บหลักฐานให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการ โดยเข้ายื่นหนังสือต่อ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ในวันที่ 17 ส.ค.
นายสุเมธ ตระกูลวุ่นหนู แกนนำ ศอปส. ระบุว่าในการชุมนุมวันนี้ ได้แจ้งการจัดชุมนุมต่อสถานีตำรวจนครบาลสำราญราษฎร์แล้ว เขาได้แสดงจุดยืนว่าการชุมนุมของเยาวชนนักศึกษาที่กล่าวถึงเรื่องสถาบันกษัตริย์เป็นเรื่องไม่เหมาะสม พร้อมยืนยันว่าการออกมารวมตัวจะไม่เกิดความรุนแรง และทางกลุ่มจะไม่มีการเคลื่อนย้ายออกจากบริเวณที่ตั้ง
ขณะเดียวกันอีกฟากหนึ่งของอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย บริเวณหน้าโรงเรียนสตรีวิทยา กลุ่มประชาชนแนวร่วมประชาชนปลดแอก ได้เริ่มรวมตัวในเวลาไล่เลี่ยกัน ก่อนเวลานัดหมาย 15.00 น. มีการจัดแสดงเหตุการณ์สลายการชุมนุมในวัดปทุมวนาราม เมื่อปี 2553
ก่อนการนัดหมายชุมนุมของประชาชนสองกลุ่ม วานนี้ (15 ส.ค.) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามความเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการทำงานของสภาผู้แทนราษฎรและการชุมนุมประท้วงของนิสิตนักศึกษา โดยเห็นว่าในสถานการณ์ปัจจุบัน ทุกฝ่ายควรใช้เหตุผลในการนำเสนอ หลีกเลี่ยงการยั่ว ยุ ปลุกปั่น อันจะเป็นเหตุในการสร้างความไม่พอใจให้อีกฝ่าย ก่อให้การปะทะและเผชิญหน้ากัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ประชาชนคนไทยไม่อยากเห็น
รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เคยคิดว่าอยู่เหนือการเมือง และพยายามหารือทุกภาคส่วนเพื่อร่วมกันหาทางออกผ่านกระบวนการเปิดรับฟังความคิดเห็นของเยาวชนคนรุ่นใหม่
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar