söndag 30 september 2012

วรเจตน์ ภาคีรัตน์: เหตุใดจึงควรแก้ไขรัฐธรรมนูญในหมวดสถาบันกษัตริย์

30 กันยายน 2555
ประชาไท "วรเจตน์ ภาคีรัตน์: เหตุใดจึงควรแก้ไขรัฐธรรมนูญในหมวดสถาบันกษัตริย์"

สรุปการอภิปรายของวรเจตน์ ภาคีรัตน์ กลุ่มนิติราษฎร์ ระบุว่า ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของรัฐประหาร 2490 คือ การฝังสำนึกห้ามแตะต้องรัฐธรรมนูญหมวดสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่เพื่อให้สังคมไทยเดินไปข้างหน้าเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงความเป็นจริงที่ ดำรงอยู่ต่อหน้าได้ ถ้าเราต้องการการปรองดองที่สมานฉันท์อย่างแท้จริง อย่างน้อยรัฐธรรมนูญต้องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ สถาบันการเมือง ศาล และกองทัพ


วรเจตน์ ภาคีรัตน์ กล่าวว่ากิจกรรมต่อไปของนิติราษฎร์คือการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ

ใน ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเวทีเสวนา วรเจตน์กล่าวว่า รัฐประหาร 2490 โดยผิน ชุณหวัณ เป็นต้นแบบของการทำรัฐประหารปัจจุบันคือ ล้มลางการปกครองแล้วเขียนรัฐธรรมนูญชั่วคราว และจัดทำรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่ รัฐประหารครั้งที่เปลี่ยนแปลงการเมืองไทยไปโดยสิ้นเชิงคือจอมพลสมัยสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ปี 2500 ตามด้วย รัฐประหารอีกครั้ง 2501 ใช้เวลายาวนานก่อนจะก่อให้เกิดรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2511 รัฐประหารอีกครั้งที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อกฎเกณฑ์ตามกฎหมายในส่วนสถาบันพระ มหากษัตริย์ คือ รัฐประหารปี 2534 โดยพล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ ก่อให้เกิดรัฐธรรมนูญชั่วคราวพ.ศ. 2534 ขึ้นมา

รัฐประหารที่สำคัญๆ นั้นส่งผลกระทบต่อรัฐธรรมนูญอย่างไร แม้บางช่วงหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองจะปกครองไปในเชิงอำนาจนิยมบ้าง แต่ก็มีกฎหมายเหนี่ยวรั้งอยู่จนถึง พ.ศ. 2489 แต่หลังรัฐประหาร โดยผิน ชุณหวัณ  เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 2490ได้เปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์เกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ มีผลเป็นการสถาปนาการปกครองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข

ก่อน รัฐประหารปี 2490 กฎเกณฑ์การถ่วงดุลของสถาบันทางการเมืองได้มาตรฐานสากลพอสมควร แต่หลังรัฐประหารครั้งนั้นได้เปลี่ยนแปลงอย่างสำคัญหลายเรื่อง

ประการ แรก คือ การจตัดตั้งให้มีคณะอภิรัฐมนตรี ถ้าครม. จะเปลี่ยนแปลงนโยบายจากเดิมที่ทำไว้ ต้องได้รับพระบรมราชานุญาตจากพระมหากษัตริย์ก่อน

รัฐธรรมนูญปี 2492 ก็ได้เป็นต้นแบบให้รัฐธรรมนูญต่อๆ มาจนถึงปัจจุบัน คือ การกำหนดให้มีองคมนตรี และในกรณีที่ไม่มีผู้สำเร็จราชการฯ ให้ประธานองคมนตรีเป็นผู้สำเร็จราชการแทนฯ กำหนดห้ามยกเลิก-แก้ไขกฎมณเฑียรบาลว่าด้วนการสืบสันตติวงศ์ และอำนาจในการวีโต้กฎหมายของสถาบัน ซึ่งกฎเกณฑ์เหล่านี้ได้สืบต่อมาถึงรัฐธรรมนูญปัจจุบัน

นี่จึงเป็น ที่มาที่คณะนิติราษฎร์เสนอให้กลับไปใช้แนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตามแนวทางก่อนปี 2490 เพราะเป็นการจัดวางความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันกษัตริย์กับองค์กรทางการเมือง ที่สอดคล้องกับหลักประชาธิปไตยมากที่สุด

แม้ปี 2517 รัฐธรรมนูญได้ถูกแก้ให้พระราชธิดาสืบสันตติวงศ์ได้ แต่หลายท่านก็ไม่ทราบยว่าหลังรัฐประหารปี 2534 ได้เปลี่ยนแปลงสาระสำคัญ 2 เรื่อง คือ ในกรณีที่มีการแต่งตั้งแล้ว ให้เชิญรัชทายาทที่แต่งตั้งไว้โดยให้รัฐสภารับทราบ ต่างจากเดิมที่ให้รัฐสภาเห็นชอบ อีกประการคือ แม้ว่ารัฐธรรมนูญบางช่วงเช่น ปี 2492 จะถึงขนาดห้ามแก้ไขกฎมณเฑียรบาล แต่ปี 2517 ให้แก้ไขเปลี่ยนแปลงได้โดยวิธีเดียวกับการแก้รัฐธรรมนูญ แต่กฎเกณฑ์นี้ได้รับการยกเลิกไปปี 2534 เพราะหลังรัฐประหาร รัฐธรรมนูญถาวรปี 34 เพิ่มเติมว่าการแก้ไขกฎมณเฑียรบาลเรื่องการสืบสัตติวงศ์กระทำได้โดยพระมหา กษัตริย์เท่านั้น และหลักดังกล่าวรับกันต่อมาถึงรัฐธรรมนูญปี 2540-2550 คงไว้เหมือนเดิมทุกตัวอักษร

ขณะนี้กำลังมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับ ใหม่ มีข้อห้ามในทางสาธารณะว่าจะไม่แตะต้องกฎเกณฑ์ในหมวดพระมหากษัตริย์ทั้งๆ ที่ไม่มีการห้ามไว้ในรัฐธรรมนูญ

ประเด็นสำคัญในการวินิจฉัยของศาล รัฐธรรมนูญก็มีการพูดถึงการแตะหรือเปลี่ยนแปลงหมวดสถาบันพระมหากษัตริย์ คำถามคือ การที่รัฐบาลยกร่างฯ แล้วไม่ให้แตะหมวดกษัตริย์ทั้งหมวดนั้นมากเกินกว่าที่รัฐธรรมนูญ 2550 กำหนดไว้ เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดห้ามแก้แค่ 2 ประเด็นคือ ห้ามแก้ไขรูปของรัฐ การห้ามแก้เรื่องพระมหากษัตริย์เป็นประมุข กับกับห้ามแก้ไขเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองแบบประชาธิปไตย ไม่ได้ห้ามแก้ไขหมวดพระมหากษัตริย์ ไม่มีการห้ามไม่ให้แก้ไขเรื่ององคมนตรี

การห้ามแก้ไขดังกล่าวในร่างแก้ไขฯ ที่กำลังจัดทำนั้น จึงเป็นสิ่งที่มากกว่าที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้

วร เจตน์ พบว่าการรัฐประหารในระบบกฎหมายไทย ส่งผลในทาง tradition (จารีต) ในหมู่นักกฎหมายไทยตั้งแต่ปี 2490 เป็นต้นมาว่า เมื่อผู้ใดยึดอำนาจรัฐแล้วสามารถใช้อำนาจนั้นได้อย่างมั่นคง เขาก็เป็นรัฏาธิปัตย์ ศาลและวงการกฎหมายก็เดินตาแนวคิดแบบนี้ แต่อย่างน้อยที่สุดการเดินตามแนวคิดแบบนี้ได้ก็ต้องมีการรัฐประหารสำเร็จ ไม่ได้แยกแยะการปฏิวัติในแง่การเปลี่ยนแปลงระบอบกับการแย่งชิงอำนาจรัฐออก จากกัน

อ.หยุด แสงอุทัย ได้เสนอไว้และตนมีความเห็นต่างคือ ประเด็นเรื่องความเป็นรัฎฐาธิปัตย์จากการทำรัฐประหาร โดยอ้างอิงจากศาลเยอรมันหลังสงครามโลกที่มีการสถาปนาอาณาจักรไรซ์ เปลี่ยนเป็นสาธารณรัฐไวมาร์ ตอนเกิดสาธารณรัฐไวมาร์ มีปัญหาว่าตอนเปลี่ยนระบอบ ตัวอำนาจที่ก่อตั้งใหม่จะถูกโต้แย้งไม่ได้ เพราะได้ตั้งอำนาจขึ้นสำเร็จแล้ว เป็นผู้ทรงอำนาจ เป็นรัฏฐาธิปัตย์ในระบอบการปกครองแบบใหม่ เป็นการเปลี่ยนรูปแบบรัฐ การปกครองไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ใช่การแย่งชิงอำนาจจากรัฐบาลดังที่เกิดขึ้นในไทย ซึ่งมีความแตกต่างกัน

ถาม ว่าของเรามีคราวไหนที่เป็นการเปลี่ยนระบอบอย่างสิ้นเชิง ก็คือ การอภิวัฒน์ 2475 ในทางรัฐศาสตร์ชัดเจนว่าเป็นการปฏิวัติ แม้ไม่ได้เกิดจากการลุกฮือแต่ทำโดยกลุ่มคนคือคณะราษฎร เปลี่ยนระบอบและตั้งมั่นระบอบใหม่ขึ้น แต่การรัฐประหารโดยผิน ชุณหวัณ ไม่ได้เปลี่ยนความคิดผู้ทรงอำนาจรัฐ หรือระบอบการปกครอง แต่เป็นการแย่งชิงอำนาจรัฐบาล แต่นักกฎหมายไทยมักจะเอามาเทียบในระนาบเดียวกัน

เคยมีคนเสียดสีเมื่อ ครั้งนิติราษฎร์เสนอให้ลบล้างผลพวงรัฐประหารว่า ทำไมไม่เสนอให้ล้มล้างการอภิวัฒน์ 2475 เสียเลย นั่นเพราะเขาไม่เข้าใจว่า 2475 คือการเปลี่ยนตัวระบอบรัฐ มีคุณค่าที่แตกต่างไปจากการยึดอำนาจหรือล้มอำนาจรัฐบาลเฉยๆ เพื่อเปลี่ยนตัวรัฐบาล

วรเจตน์ กล่าวต่อว่า แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ความคิดนี้ก็ฝังแนบแน่นในทางกฎหมาย ทำให้เมื่อมีการจัดทำรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่ต้องห้ามเปลี่ยนแปลงหมวดสถาบันฯ ส่งผลให้แก้ไขในประเด็นที่เกี่ยวข้อง เช่น เรื่ององคมนตรีไม่ได้ นี่เป็นความสำเร็จอย่างสูงสุดของการรัฐประหารปี 2490 และรัฐธรรมนูญปี 2492 ที่ได้ทำให้กฎเกณฑ์เกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ในรัฐธรรมนูญปักหลักฝังแน่น ไม่มีใครตั้งคำถามว่าสอดคล้องกับหลักประชาธิปไตยมากน้อยแค่ไหน อย่างไร ไม่มีใครตั้งคำถามนี้อีกจนถึงปัจจุบัน แนวคิดนี้ก็ดำรงอยู่และจะดำรงอยู่ต่อไปตราบเท่าที่เราไม่สามารถพูดให้มีการ แก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งหมด โดย strict แค่การไม่แตะต้องรูปแบบการปกครอง

วร เจตน์ กล่าว่า สิ่งที่ปรากฏทุกวันนี้มันรุนแรงกว่า หรือมากกว่าการเขียนห้ามแก้รัฐธรรมนูญเสียอีก เพราะถึงแม้ทุกวันนี้จะไม่ได้ห้ามแก้ในเชิงลายลักษณ์ แต่ที่สุดแล้วทุกคนจะไม่กล้าพูดอย่างตรงไปตรงมา ว่ารัฐธรรมนูญให้แก้ไขหมวดสถาบันฯ ได้อย่างสันติ ผลคือการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ให้เหนือการเมืองก็จะปรากฏเป็นจริงไม่ได้ เพราะถูกล็อกไว้โดยสำนึกที่สืบทอดมาตั้งแต่รัฐธรรมนูญปี 2492

เขา กล่าวว่า สิ่งที่นิติราษฎร์เสนอลบล้างผลพวงการรัฐประหารนั้นเป็นเพียงเทคนิค แต่เราไม่ได้เสนอเลยไปถึงเรื่องสำนึกเพราะไม่สามารถเขียนเป็นลายลักษณ์อักษร ความสำเร็จของการทำรัฐประหารในสังคมไทยไม่ได้สำเร็จเพียงแก้ไขเปลี่ยนแปลงกฎ เกณฑ์รัฐธรรมนูญ แต่ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของรัฐประหาร 2490 ก่อเกิดธรรมนูญชั่วคราว และรัฐธรรมนูญปี 2492 คือ การฝังสำนึกห้ามแตะต้องรัฐธรรมนูญหมวดสถาบันพระมหากษัตริย์

“เพื่อ ให้สังคมไทยเดินไปข้างหน้า เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงความเป็นจริงที่ดำรงอยู่ต่อหน้าเราได้ ถ้าเราต้องการการปรองดอง ที่สมานฉันท์อย่างแท้จริง อย่างน้อยรัฐธรรมนูญต้องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ สถาบันการเมือง ศาล และกองทัพ” วรเจตน์ กล่าว

เขากล่าวว่า แต่ตราบที่สำนึกเช่นนี้ยังมีอยู่ การเปลี่ยนแปลงโดยการเปลี่ยนผ่านรัฐธรรมนูญใหม่จึงไม่ได้ทำได้ง่ายนัก การรัฐประหารไม่ได้สำเร็จได้ด้วยอำนาจทหาร แต่สำเร็จได้โดยการไม่ต่อต้านหรือมองเห็นกฎเกณฑ์ที่เป็นผลผลิตของการ รัฐประหาร

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ข้อเสนอของนิติราษฎร์ให้ย้อนไปสู่กฎเกณฑ์ก่อนปี 2490 คือ ต้องเปิดโอกาสให้คนที่เขาเห็นเป็นอย่างอื่นได้มีโอกาสพูดในที่สาธารณะ และมาอภิปรายกันว่า อะไรดีกว่า แล้วให้คนส่วนใหญ่ได้เลือกทางของเขาที่จะเดินต่อไปในวันข้างหน้าอย่างดี ที่สุดกับสังคมและประเทศชาติ

“ผมตั้งใจพูดกับท่านเป็นประเด็นหลักประเด็นเดียวเพราะผมเห็นว่าเป็น เรื่องสำคัญที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ต่อไปในอนาคตอันใกล้นี้”วรเจตน์ กล่าว

"ชาวนากับรัฐบาล" จงร่วมจับมือกันต่อสู้กับเผด็จการอำมาตย์นายทุน โดยรัฐบาลทำหน้าที่ช่วยเหลือชาวนา ช่วยหาตลาด หาลูกค้าให้ชาวนาผู้ผลิตข้าวให้ขายข้าวได้ราคาดี ไม่ให้ตกเป็นเบี้ยล่างของนายทุนหน้าเลือดเห็นแก่ตัว รัฐบาลควรมีกฎหมายคุ้มครองชาวนา ชาวนาผู้ผลิตข้าวก็มีสิทธออกมาต่อต้านเรียกร้องถ้าไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยเฉพาะออกมาต่อต้านพวกนักวิชาการหน้าโง่ทาสรับใช้อำมาตย์เผด็จการที่ออกมาขัดขวางการประกันราคาข้าว เป็นการร่วมมือกันกับรัฐบาลเพื่อไทย เป็นการต่อสู้ที่เป็นประชาธิปไตยไม่ผิดกฎหมาย....อีกอย่างน่าเศร้าใจกับสังคมไทยที่ยังมีพวกทาสหลงยุคเหล่านี้หลงเหลืออยู่ในสังคมทั้งๆที่มีการเลิกทาสมานานหลายร้อยปีแล้ว!. สุดท้ายอยากจะถามคนไทยว่าท่านรู้ไหมว่าใครเป็นเจ้าของที่นาและที่ดินมากมายมหาศาลให้คนเช่าที่นารายใหญ่ของประเทศ คำตอบคือสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ของหัวหน้าศักดินาเจ้าของระบอบเผด็จการที่กดขี่ขูดรีดชาวนา เจ้าของศาลโจรเถื่อนศาลรัฐธรรมนูญที่ตัดสินคดี "ถูกเป็นผิดผิดเป็นถูก" ครอบงำสังคมไทยอยู่ในเวลานี้ อย่าปล่อยให้พวกโจรลอยนวลช่วยกันออกมาขับไล่มัน.


โดย  Nongkatoo
สมาคมชาวนาโวยนักวิชาการยื่นฟ้องจำนำข้าว อุปนายกสมาคมชาวนาโวยนักวิชาการยื่นศาลรัฐธรรมนูญยุติโครงการจำนำข้าว ยันโครงการมีประโยชน์ต่อคุณภาพชีวิตชาวนานายวิเชียร พวงลำเจียก อุปนายกสมาคมชาวนาไทย กล่าวว่า กลุ่มชาวนาเตรียมทำหนังสือเปิดผนึกถึงนักวิชาการสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และรัฐบาล
ฯลฯ

"สิ่งที่นักวิชาการที่คัดค้านต้องเร่งดำเนินการ ควรเป็นการทำอย่างไรให้เกิดการผลักดันในการแก้กฎหมายเรื่องการถือครองที่ดิน การจัดรูปที่ดิน การเช่าที่ดิน รวมถึงการเข้ามาของนายทุนต่างชาติ ที่เข้ามาเช่าพื้นที่ดินเพื่อการเกษตรในประเทศไทย ทำการเกษตรแทนเกษตรกรคนไทย และการที่นายทุนเจ้าของที่ดินบอกเลิกการเช่าที่ดินที่เป็นที่นาทั้งประเทศ โดยเฉพาะในภาคกลางจำนวนมาก ทำให้ชาวนาจะไม่มีที่นาเพื่อทำกินแล้วในปัจจุบัน"นายวิเชียรกล่าว

........................................ ตีแสกหน้านักวิชาการที่วันๆแม่ง!กัดรัฐบาลอยู่แต่ในห้องแอร์ อยากให้ชาวนาดาหน้ากันออกมาปกป้องในสิทธิและรายได้อันพึงได้ของตนเอง

โดยเฉพาะนักวิชากวยหัวคานที่สังกัดม.นิด้าหลายๆตัวที่เป็นทำตัวมีนัยยะแอบแฝงคอยเตะต​ัดขารัฐบาล ผิดกับสมัยปชป.เป็นรัฐบาลที่ไม่มีไอ้ตัวไหนออกมาเสนอหน้าซักตัว

คงยิ่งดูน่าทุเรศมากขึ้นไปอีกหากคณะตลก.เสร่อรับเรื่องนี้ไปพิจารณา เพราะนั่นย่อมเท่ากับว่า ศาลได้เข้ามาแทรกแซงการทำหน้าที่บริหารบ้านเมืองของรัฐบาลอย่างเต็มรูปแบบ

เพราะมันมีคนจำพวกนี้อยู่เกลื่อนประเทศจนกลายเป็นสิ่งโสโครกที่สลัดเท่าไรก็ไม่พ้นตั​วซักที

วงจรอุบาทว์เริ่มทำงาน เพื่อต่อยอดและเลียไข่บรรดาชนชั้นสูง วันๆหาแต่ช่องจะฟ้องรัฐบาลเพื่อโค่นล้ม มันเริ่มกลายเป็น "ระบบยุติธรรมอุบาทว์" ส่อแสดงให้เห็นชัดเจนมากขึ้น

โดย จิตร  ภูมิศักดิ์

เปิบข้าวทุกคราวคำ จงสูจำเป็นอาจิณ
เหงื่อ กู ที่ สู กิน จึงก่อเกิดมาเป็นคน
ข้าวนี้นะมีรส ให้ชนชิมทุกชั้นชน
เบื้องหลังสิทุกข์ทน และขมขื่นจนเขียวคาว
จากแรงมาเป็นรวง ระยะทางนั้นเหยียดยาว
จากรวงเป็นเม็ดพราว ล้วนทุกข์ยากลำเค็ญเข็ญ
เหงื่อหยดสักกี่หยาด ทุกหยดหยาดล้วนยากเย็น
ปูดโปนกี่เส้นเอ็น จึงแปรรวงมาเป็นกิน
น้ำเหงื่อที่เรื่อแดง และน้ำแรงอันหลั่งริน
สายเลือด กู ทั้งสิ้น ที่สูซดกำซาบฟัน

Posted Image

"จิตใจโสโครกกว่าน้ำในท่อระบายน้ำ" จากคำพูดของ นาย ธีระชน พูดออกมาได้อย่างไรกันว่า “อาจมีใครแอบเอาไปซุกไว้รอสร้างภาพสาดโคลน” เป็นถึงดอกเตอร์ใช้นำหน้าชื่อ อีกทั้งเป็นถึงรองผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ไม่น่าจะพูดได้โง่ๆอย่างนี้เลย...อย่างนี้ต้องเรียกว่าสมองทึบ "โง่กว่าท่อระบายน้ำกทม.".....


วันเสาร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2555


ทีมผู้ว่าฯกทม. มามุกเก่า โทษท่อตัน เพราะ ทักษิณ

ดร.ธีระชน มโนมัยพิบูลย์ ทีมงาน "หม่อมเอ๋อ"
go6TV (29 กันยายน 2555) ดร.ธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรงเทพมหานคร ได้เขียนข้อความลงเฟสบุ๊คส่วนตัว ตอบโต้กรณีที่ กรมราชทัณฑ์ ได้ขุดลอกท่อตามคำสั่งของรัฐบาล โดยมีภาพข่าวพบอิฐ หิน และกระสอบทรายลงไปอุดอยู่ในท่อน้ำเป็นจำนวนมาก

นายธีระชน   นายธีระชน ได้ปฏิเสธเหตุการณ์ดังกล่าว โดยระบุว่า “อาจมีใครแอบเอาไปซุกไว้รอสร้างภาพสาดโคลน”  โดยมีรายละเอียดข้อความดังต่อไปนี้
"ถุงทรายใหม่ๆเขตมีนบุรีเบามากขนาดลอยไปอุดกลางท่อเป็นร้อยลูก" 

ถ้าเห็นว่าเป็นประโยชน์ ช่วยกันแชร์ ความจริงให้ปรากฏด้วยนะครับ เห็นข่าวเช้านี้ในมติชนแล้วอดไม่ได้ที่จะเอาความจริงทางวิศวกรรมมาเปรียบเทียบแบบง่ายๆให้คนกรุงเทพได้ฉุกคิดว่าความจริงคืออะไร
 ครับ

ประเด็นแรก ต้องถามชาวบ้านในซอยตามภาพข่าวว่า บ้านไหนทำ แล้วซอยนี้ฝาบ่อพักมันเบามากขนาดชาวบ้านเปิดได้ง่ายๆเลยนะเนี่ย

ประเด็นที่สอง อยากให้ชาวบ้านลองเอาทรายแค่สิบถุงหย่อนลงบ่อพักดูว่าด้วยน้ำหนักตัวถุงทรายจะเกิดอะไรขึ้น เพราะที่บ้านผมปีที่แล้วตอนน้ำท่วมหนึ่งเมตรผมล้อมบ้านแล้วใช้ถุงทรายอุดบ่อพักกันน้ำย้อนเข้าบ้านครับ ไม่เห็นถุงทรายจะไหลตามน้ำไปง่ายๆ แถมถุงทรายท่ีอยู่หลังบ้านตะไคร่ขึ้นดำหมดแล้วครับ
ประเด็นที่สามถุงทรายเป็นร้อยๆลูกไปอยู่กลางท่อน้ำแถมพอเอาขึ้นมากองให้ถ่ายภาพดูใหม่มากมันไหลตามน้ำหรือมีใครแอบเอาไปซุกไว้รอสร้างภาพสาดโคลนใส่คนทำงานครับ

ประเด็นท่ีสี่งานของหน่วยงานท่ีรับผิดชอบตรง แถมผู้บังคับบัญชาสูงสุดเป็นรุ่นน้องคนสนิทของคนท่ีอยู่ดูไบจากประวัติการศึกษาทำให้อดคิดไม่ได้ว่าใคร fake ใคร fact ครับ”

จากนั้น แฟนคลับได้เข้าไปให้กำลังใจสนับสนุนมากมากโดยอ้างว่า รัฐบาลเสกถุงทรายลงท่อเพื่อใส่ร้าย จากนั้น ดร.ธีระชน ได้เขียนเพิ่มเติมอีกว่า

อยากให้คน กทม. ลองไปทดสอบเปิดฝาท่อหน้าบ้านดูครับว่ามันง่ายขนาดที่จะเอาทรายไปใส่กลางท่อมั้ย และอยากฝากนักข่าวให้ช่วยเป็นปากเสียงแทนคนกทมในการเปิดเผยความจริงด้วยครับไม่งั้นพวกเราก็คงต้องอาศัยสังคมออนไลน์ของเรากันมากขึ้นครับ”

ถัดจากนั้น นายธีระชน ก็มาโพสท์เพิ่มเติม โดยอ้างอิงพาดพิงถึงบุคคลต่างประเทศ ความว่า
“นึกถึงยันตระท่ีทำให้คนเป็นล้านบูชากราบไหว้แต่ที่สุดความจริงก็ปรากฏเมื่อสังคมช่วยกันใช้สติครับ วันนี้นายคนนี้ถอดผ้าเหลืองหนีไปอยู่ต่างแดนแต่ก็ยังมีคนไปกราบไหว้อยู่ อีกมุมนึกถึงท่านพุทธทาสที่ถูกหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์ วันนี้ UNESCO ยกย่องท่านเป็นบุคคลสำคัญของโลก พวกเรามารักกรุงเทพฯแบบมีสติและใช้ปัญญากันนะครับ
             สส.พรรคประชาธิปัตย์   ณัฏฐ์'  บรรทัดฐาณ  อีกคนหนึ่งที่สมองทึบโง่กว่า     " ท่อระบายน้ำกทม."


        Posted Image 


อย่าทำหินแตก อย่าแยกแผ่นดิน ชาติไทยจักสิ้น แผ่นดินจะสูญ อย่าอ้างเบื้องฟ้า เพื่อหาบุญคุณ อย่าอ้างธรรมนูญ ค้ำบุญตัวเอง ....... จากบางวรรคของลำนำบทกลอนที่น่าจะเป็นคติเตือนใจพี่น้องเพื่อนร่วมอุดมการณ์ทุกคนที่กำลังต่อสู้กับเผด็จการอำมาตย์ .....

โดย  ขุนเขาจากแดนไกล

ขุนเขาบอก :

รอชาติหน้าค่อยกลับมา......

อย่าทำหินแตก อย่าแยกแผ่นดิน
ชาติไทยจักสิ้น แผ่นดินจะสูญ
อย่าอ้างเบื้องฟ้า เพื่อหาบุญคุณ
อย่าอ้างธรรมนูญ ค้ำบุญตัวเอง

เกิดเป็นคนไทย จิตใจห้าวหาญ
ใครมารุกราน ได้คลานเอ๋งๆ
แต่นี่กระไร คนไทยฟัดกันเอง
ไอ้อีเส็งเคร็ง มันเร่งฟืนไฟ

มันเอามาแจก เพื่อแลกความเขลา
ไอ้อีหูเบา รีบเอาไปใส่
เสื้อยืดคอกลม หวังล่มประเทศไทย
รักใครชอบใคร เขียนได้ถ้าไม่อาย

คำเขียนดูโก้ อพิโธ่โง่บรม
รักปานจะสูดดม ก็เพียงลมที่เขาฝาย
ความคิดโสมม หวังถล่มเขาให้ตาย
เพียงแค่ดูบูตะกาย เป็นผู้ร้ายไปทันที

น้ำลดตอผุด กลัวหลุดเรื่องเก่า
กลัวผีไม่เผา กลัวเขาเห็นหมี
หมีเล็กหมีใหญ่ พลาดเมื่อไหร่ตายทันที
จึงรีบยกหีบหนี กลัวคดีอาญา

เท่าที่เห็นเป็นเช่นนี้ หยุดเสียที “ ประชาจะวิบัติ”
ก่อนจะตายกลายเป็นสัตว์ วิ่งไล่กัดฟัดกับหมา
เขาแข่งเรือเขาแข่งพาย แต่อย่าหมายแข่งบุญญา
เรื่องถนัดคือกราบหมา อย่าริมานำพาคน..........รอชาติหน้าค่อยกลับมา......

"โง่กว่าควายและรถไถนา"..คือ นายอดิศร์ อาจมนิด้า.... เรื่องจำนำข้าว.... ขายข้าวได้ราคาดี...ทำไมพวกนักวิชาการที่ไม่เคยทำนาไม่รู้จักอาชีพของชาวนาต้องเดือดร้อนออกมาต่อต้าน? เป็นคำถามที่มีคำตอบ เพราะพวกเขาเป็นทาสรับใช้นายทุนที่ขูดรีดเอารัดเอาเปรียบประชาชนกลัวจะเสียผลประโยชน์!








ภาพจาก  Thai  E- News
ทุนผูกขาดศักดินาเหนือรัฐ ที่มีอิทธิพลอเมริกาครอบงำ บรรยาย
ภาพ--จะกดขี่บีบคั้น และ ขูดรีด ไปถึงไหน?


 
โดย   Beesam

เรื่องจำนำข้าวนี่มันต้องดีแน่ ๆ ไม่งั้นพวกอัปรีย์คงไม่ดิ้นกันขนาดนี้หรอก

ไม่ได้มองทางหลักการอะไรหรอกนะครับ เพราะไม่ต้องเถียงอะไรกับพวกที่ดิ้นพราด ๆ กันอยู่ตอนนี้มากสักเท่าไหร่

เนื่องจากได้เห็นข้อมูลที่พยายามอ้างเอามาดิ้นต่อต้านการจำนำข้าวกันนั้น มันไม่เข้าท่า ไม่มีเหตุผลซักอย่าง

อย่างพวกอาจารย์นิด้า แหล่งรวมพวกนักวิชาการเผด็จการนี่ ออกมาประกาศจะฟ้องศาลปกครองบ้าง ผู้ตรวจการบ้าง ศาลรัฐธรรมนูญ บ้าง อ้างว่าผิดรัฐธรรมนูญ ขัดกับหลักการค้าเสรีที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ผมก็ไม่เห็นเขาไปบังคับชาวนาทุกคนว่าต้องจำนำข้าวนี่ครับ ใครไม่อยากจำนำก็ไม่ต้องไปจำนำ เก็บข้าวเอาไว้เองก็ได้ มันขัดกับหลักการค้าเสรีตรงไหนวะ หรือเป็นอาจารย์นิด้านี่มันต้องแสดงความเห็นแบบห่วยแตกอย่างนี้เท่านั้นใช่ ไหม ถึงจะได้เป็นคณบดี ศ. รศ.กัน เพราะหัวหน้าใหญ่ที่นั่นสั่งไว้ว่า ต้องกวนตีนชาวบ้านแบบนี้แล้วจะได้ดี

หรือพวกที่ชอบออกมาโวยวายว่า ไทยจะเสียตำแหน่งผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดของโลกไป ถามว่ามันจะตายหรือ ถ้าไม่ได้เป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดของโลกน่ะ ไทยเคยส่งออกน้อยกว่าประเทศอื่นอย่างอินเดีย จีน มาหลายปีแล้วในสมัยก่อน ไม่เห็นจะมีใครโวย แล้วทำไมไม่พูดให้ครบล่ะ ว่าถึงแม้จะไม่ได้ส่งออกข้าวมากที่สุดในโลก แต่รายรับเป็นเงินดอลล่าร์ หรือยูโร ที่ผู้ส่งออกไทยจะได้รับนั้นมันยังมากกว่ารายรับจากการขายข้าวของเวียดนาม เยอะ เพราะเราขายแพงกว่า และแพงกว่าอย่างนี้มานานแล้วด้วย แต่ก็ยังดันทะลึ่งขายได้ ขนาดแพงกว่าข้าวเวียดนามตันละหลายสิบเหรียญสหรัฐมาตลอด จะบอกให้ว่าสหรัฐขายข้าวได้แค่ปีละสามล้านตัน แต่ข้าวอเมริกันนั้นราคาสูงที่สุดในโลก ราคาที่ขายสามล้านตันนั้นเกือบเท่าราคาที่ไทยขายสี่ล้านตัน และเวียดนามขายเกือบห้าล้านตัน ( ไปดูได้จากเวบไซท์เรื่องราคาข้าวในตลาดโลก ถามอากู๋ได้เลย)

นี่หมดมุขก็หันมาด่าชาวนาก็ยังมี ว่าขี้เกียจ ให้รัฐบาลช่วยเป็นหลัก รัฐบาลช่วยเกษตรกรชาวนานี่พ่อแม่พวกมึงจะตายโหงตายห่ากันหรือ เวลาราคายางตกเห็นวิ่งมาด่ารัฐบาลว่าไม่มีฝีมือ ตอนนี้ราคายางสูงขึ้นมาเกินร้อยบาทแล้ว ยังไม่เห็นหมาสักตัวที่เป็น สส. ปชป.ทั้งกลุ่มยกขบวนมากวนตีนนายก ฯ แม่งออกมาของคุณรัฐบาลสักคำว่าทำได้
เรื่องของเรื่องมันก็แค่ พวกสลิ่ม อำมาตย์ ปชป มันกลัว ว่าชาวนาจะรักนายกรัฐมนตรี รักพรรคเพื่อไทย รักรัฐบาล ที่มีนโยบายทำให้ชาวนาหายจน ไม่ต้องทนโดนตกเขียวจากพ่อค้าที่พวกนั้นมันช่วยอยู่ เลือกตั้งครั้งต่อ ๆ ไปมันกลัวว่าจะจมดินมากกว่านี้เท่านั้นแหละ แม่งถึงได้ดิ้นกันพราด ๆ แบบนี้


เพิ่มเติมครับ

ผมเข้าใจท่านที่กังวลกับบทบัญญัติเรื่องการประกอบกิจการที่เป็นการแข่งขัน กับเอกชน แต่อยากนำเสนอว่า การรับจำนำข้าวนั้น ไม่ใช่การประกอบกิจการที่เป็นการแข่งขันกับเอกชนแน่นอน

การจำนำนั้นกฎหมายระบุว่า คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่า ผู้จำนำ ส่งมอบ สังหาริมทรัพย์ให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่งเป็นผู้ครอบครองเรียกว่า ผู้รับจำนำ เพื่อประกันการชำระหนี้ ทรัพย์สินที่จำนำได้คือ ทรัพย์สินที่สามารถเคลื่อนที่ได้ ข้าวนั้นเป็นสังหาริมทรัพย์ที่เคลื่อนที่ได้และที่รัฐบาลรับจำนำนั้น ก็เป็นเมล็ดเรียบร้อยแล้ว

ดังนั้น ต้องดูว่าปัจจุบันเอกชนทำกิจการอะไร เขารับจำนำเมล็ดข้าวหรือเปล่า ปรากฏว่าไม่มีการดำเนินกิจกรรมนี้ หรือมีแต่ไม่เปิดเผยก็ไม่ทราบ แต่ถ้ามีจริง ๆ พวกเขาเท่านั้นที่จะฟ้องร้องรัฐบาลว่าแข่งขันกับเอกชนได้ ไม่ใช่พวกอาจมที่นิด้าและที่อื่น ๆ ซึ่งรับจ๊อบพ่อต้าข้าวมาจะเสือกมาฟ้องครับ ไม่ได้เป็นผู้เสียหายแต่ประการใด

เพราะกิจการของเอกชนคือการรับซื้อข้าวขาดเลยจากชาวนา การปล่อยเงินกู้เพื่อตกเขียวนั้น เป็นสัญญากู้ยืมเงินทั่วไปครับ ไม่ใช่การรับจำนำข้าว เพราะมันยังไม่ได้มีสังหาริมทรัพย์คือเมล็ดข้าวเกิดขึ้น ยังเป็นต้นข้าวอยู่ แต่การรับจำนำข้าวนั้น คือการเอาเมล็ดข้าวเก็บเกี่ยวแล้วมาจำนำเป็นประกันการชำระหนี้ โรงสัทั่วไปของเอกชนไม่ได้รับจำนำข้าว แต่รับซื้อข้าวขาดจากชาวนาเลย

ธกส.ก็ไม่ได้รับจำนำข้่าว แต่ปล่อยกู้ตามสัญญากู้ยืมเงินทั่วไป โดยมีที่นาเป็นประกันการกู้ยืม เมื่อชาวนาขายข้าวให้โรงสีได้ก็เอาเงินไปไถ่ถอนที่นาคืนจาก ธกส. เรื่องจำนำข้าวนี้จึงไม่ได้เข้าข้อห้ามเรื่องการแข่งขันกับธุรกิจเอกชนที่ รับซื้อข้า​วซึ่งกลุ่มอาจมนิด้าและอีกร้อยกว่าคนมันเอามาอ้างแต่ประการใด



                     บุคคลที่สังคมรังเกียจไม่ควรเอาเป็นตัวอย่าง 

                                                       ภาพจากThai  E -News



 
อดิศร์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ลูกหลานอำมาตย์ไม่อยากเห็นชาวนาเงยหน้าอ้าปาก ให้ชาวนาขายข้าวให้อำมาตย์ และนายทุนเกียนละ 8 พัน พวกอำมาตย์ฟันฟรีๆไป 7 พัน ถ้าจำนำข้าว ชาวนาจะได้มากกว่า 1.5 หมื่น มีโอกาสปลดหนี้ มีอนาคตบ้าง อดิศร์ อิศรางกูร ณ อยุธยา เป็นนักวิชาการเห็นแก่นายทุนหน้าเลือดขูดรีดชาวนา ถึงเวลาแล้ว ที่ชาวนาต้องปฏิวัติ อย่าให้อำมาตย์นายทุนกดขี่อีกต่อไป


หมายเหตุ-   น่าจะให้ควายและรถที่ใช้ไถนาไปสอนหนังสือเป็นนักวิชาการ  เพราะฉลาดกว่าอาจารย์นิด้าคนนี้    ที่ไม่มีสมองไม่รู้จักหน้าที่ของตนเองไปเสือก(ขออนุญาติใช้คำไม่สุภาพ)เรื่องคนอื่นที่ตนเองไม่รู้และไม่ใช่หน้าที่ของตนเอง"โง่กว่าควายและรถไถนา" ที่รู้จักหน้าที่ของตนเองในการทำนา.

ท้ายนี้ขอนำ  จดหมายลูกศิษษ์สอนอาจารย์ มาให้อ่านเปรียบเทียบ.  

จดหมายถึงอาจารย์ 

อาจารย์ครับ ผมหงุดหงิดกับอาจารย์มากเลยครับ อาจารย์ลอง ใช้หัวแม่เท้าด้านขวา คิดต่างสมอง ดูว่าจะไปร้องศาลขั้นตอนไหนดีกว่ากันครับ ผมเอาแค่ตัวอย่างข้าวขาวนะครับ
ต้นทุนการผลิตข้าวนาปี
ที่ รายการ จำนวนเงิน (บาท/ไร่)
1 ค่าเมล็ดพันธุ์ 300
2 ค่าเตรียมดิน 350
3 ค่าปุ๋ยเคมี 980
4 ค่าเช่าที่ดิน 450
5 ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง / หล่อลื่น 150
6 สารกำจัดแมลง / วัชพืช 350
7 ค่าซ่อมแซมอุปกรณ์ 200
8 ค่าดอกเบี้ยเงินกู้ 170
9 ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ 250 หว่านข้าว,หว่านปุ๋ย,ฉีดยา,ขนส่งข้าว
10 ค่าเก็บเกี่ยว 400
รวม 3,600 /ไร่

ต้นทุนการผลิตข้าวนาปรัง
ที่ รายการ จำนวนเงิน(บาท/ไร่)
1 ค่าเมล็ดพันธุ์ 300
2 ค่าเตรียมดิน 350
3 ค่าปุ๋ยเคมี 980
4 ค่าเช่าที่ดิน 450
5 ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง / หล่อลื่น 300
6 สารกำจัดแมลง / วัชพืช 350
7 ค่าซ่อมแซมอุปกรณ์ 200
8 ค่าดอกเบี้ยเงินกู้ 170
9 ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ 200 หว่านข้าว,หว่านปุ๋ย,ฉีดยา,ขนส่งข้าว
10 ค่าเก็บเกี่ยว 400
รวม 3,750 /ไร่
ที่มา กรมส่งเสริมการเกษตร http://www.newwavefarmer.com/forum/index...opic=309.0

เอาแบบสุดๆ ให้ชาวนา กำไรเยอะๆไปเลยนะ ตัดค่าเช่า ค่าดอกเบี้ย เหลือ 3,000 บาท/ไร่
แล้วทำได้ 1 ตัน/ไร่ (ธรรมดาประมาณ 800-880 กก.ต่อไร่)

ต้นทุนข้าว 5 กก = 15 บาท (เอาแบบโปรโมชั่น ไม่มีค่าขนส่งด้วย)
ชาวนาขายข้าวโครงการรับจำนำ 15,000 บาท/ตัน
ข้าว 5 กิโล ขายได้ = 75 บาท
มีกำไรจากการปลูกข้าว 5 กิโล = 60 บาท ต่อ 4 เดือน (แบบสุดๆ ปีละ 3 ครั้ง)
(ชีวิตต้องขึ้นกับโชคชะตา ทั้งภัยจากธรรมชาติ จากสัตว์ วันดีคืนดีอาจเจองูกัดอีก ชีวิตช่างบัดซบจริงๆ)


เจ้าของโรงสีขายข้าว
รับจำนำ 15,000 บาท/ตัน เท่ารัฐบาล (กล้าไหมละ)
ลงทุนค่าสีข้าว ตันละ 500 บาท รวม 15500 บาท /ตัน
ค่าบรรจุถุงข้าว 5 กก. / ถุง = 5 บาท ค่าการตลาด 10 บาท/ถุง
ลงทุนข้าว 5 กก. = 92.5 บาท
ขายข้าวในประเทศ ถุง 5 กก. ถุงละ 120 บาท (จะปรับอีกแล้วนี่)
มีกำไรจากการขายข้าว 5 กิโล = 27.5 บาท ขายได้ทุกวันทั้งปี
(พวกคุณลงทุนกันก็แค่ช่วงแรก ตอนนี้ก็นอนกางพุงกันหมด ชีวิตช่างมีความสุขฉิบหาย)

เจ้าของร้านขายอาหาร
ข้าว 1 กิโล = 15 จาน ขายจานละ 5 บาท (หายากมากแล้ว) = 75 บาท/กิโล
ข้าวถุง 5 กิโล = 75 จาน ขายจานละ 5 บาท = 375 บาท/ถุง
ลงทุนข้าวถุง 5 กิโล 120 บาท +100 (ค่าหม้อ+ไฟหุง+ค่าล้างจาน) = 220 บาท
มีกำไรจากการขายข้าว 5 กิโล = 155 บาท ขายได้ทุกวัน
( วันดีคืนดีท่านก็ขึ้นราคาข้าวราดแกง ทั้งที่ต้นทุนมันไม่ได้พุ่งขึ้นเลย )

เป็นไงครับ อาจารย์ ท่านทานข้าวหรือแดกหญ้าครับ ถึงจะไปร้องศาล ปล่อยให้เขามีชีวิตที่ดีขึ้นบ้าง แค่เศษของพวกท่านเถอะครับ

ป.ล. หากท่านถูกชาวนากระทืบตาย ผมขอไม่เสียน้ำตาให้อาจารย์นะครับ

ด้วยความห่วงใยในสุขภาพ ปากจะทำให้ร่างกายส่วนอื่นเดือดร้อนนะครับ

โกมินทร์

lördag 29 september 2012

....."ควันหลง" หลังจากข่าวคุณหมอตำแย "โยนหินถามทาง"... อย่ากระพริบตา..."เตรียมพร้อมล้อมสุวรรณภูมิ" ..จากสภาพการณ์ขณะนี้ สถาบันกษัตริย์ตกต่ำเสื่อมโทรมลงมาก ไม่ได้รับความนิยมจากประชาชนเหมือนในอดีดที่ผ่านมา ต่างจากฝ่ายประชาชนที่ตาสว่างเกือบทั้งประเทศ ทุกหมู่เหล่า ทุกชนชั้น ที่รวมตัวกันก้าวผ่านการยึดติดกับระบอบสมมุติเทพ เพราะประชาชนได้รับข่าวสารความจริงต่างๆ ทำให้มีการตื่นตัวเตรียมพร้อมตลอดเวลา คงไม่ง่ายที่พวกเผด็จการอำมาตย์จะกล้าลงมืออย่างเปิดเผย พวกเราอย่าประมาทความโหดเหี้ยมอำมหิตผิดมนุษย์ของหัวหน้าอำมาตย์ อำมาตย์และทาสรับใช้จะไม่ยอมคืนอำนาจให้ประชาชนอย่างแน่นอน เมื่อมีโอกาสพวกเขาจะลงมือทันที ถ้าเขาลงมือก่อนก็เป็นสิทธิที่เราจะออกมาต่อสู้ขับไล่พวกเผด็จการอำมาตย์ให้หมดไปจากสังคมไทย เราคิดว่าคงเป็นวันสิ้นสุดของอำมาตย์เผด็จการและพรรคพวกอย่างแน่นอน....


 โดย  คุณดวงจำปา
ดิฉันคิดว่า การที่คุณหมอตำแยออกมาแจ้งข่าวแบบนี้ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี:

1. สำรวจเรื่อง fire alarm หรือ การแจ้งข่าวด่วนให้ทางพี่น้องสมาชิกได้ทราบถึงสภาวะเหตุการณ์ และใช้เวลานานเท่าไรกว่าจะรวมตัวกันได้ อย่าลืมว่า ถ้าเป็นเรื่องที่พวกนี้เขากระทำ ท่านไม่สามารถติดตามข่าวได้จาก Internet อย่างแน่นอน เพราะ Gateways จะต้องถูกปิดแน่ๆ ค่ะ

2. คุณหมอเข้ามาโพสต์หลายชั่วโมงแล้ว จาก Number of Views ทีเห็น รวมไปทั้งที่เข้ามาบ่อยครั้ง เป็นจำนวนที่ดีค่ะ เพราะแสดงว่า การกระจายข่าวของพี่น้อง ไม่เหมือนกับเมื่อครั้งที่ นายกฯ ทักษิณ ถูกยึดอำนาจไป

3. ข่าวแบบนี้ เป็นการคุมเชิงของทางฝ่ายประชาธิปไตยว่า พวกเผด็จการควรระวังไว้ เพราะเรามองดูอยู่ข้างสนามด้วยใจจดใจจ่อ คือ ให้พวกนี้กระดิกไม่ได้

4. พวกนี้จะทราบว่า มีวงในที่สามารถทำการรั่วไหลได้อย่างโดยง่าย เนื่องจากมีบุคคลซึ่งเต็มไปด้วยความยุติธรรมทางจิตใจอยู่อีกมากมาย เพียงแต่ว่า เขาไม่แสดงออกแค่นั้นเอง

5. ถ้าเรื่องนี้ไม่เกิดขึ้น ดิฉันถือว่าเป็น fire drill หรือ การซ้อมการหนีไฟ นั่นเอง มีแต่ประโยชน์ค่ะ รวมไปถึง การวิเคราะห์จากแง่มุมต่างๆ จากเพื่อนๆ หน้าบอร์ดด้วย

ดิฉันเชื่อว่า เรื่องการรัฐประหาร มันเป็นเรื่องที่ต้องเตรียมการอย่างละเอียด และมีความรู้สึกว่า มันจะต้องคว่ำอย่างไม่เป็นท่าอีกแน่นอน ไม่ว่าจะมี เมพ หรือ ใครก็ตามหนุนหลังอยู่

และที่ประการสำคัญคือ ฝ่ายอำมาตย์อาจจะยังไม่ทราบดีว่า ระบบการจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นนั้น มันเป็นรูปร่างขึ้นมาแล้ว ถ้าขืนมีคนจัดตั้งและมีผู้รับรองจากอีกอย่างน้อย 2-3 ประเทศ คณะรัฐประหารไปไม่รอดแน่ค่ะ โดยเฉพาะเรื่องการปล้นอำนาจจากประชาชนอีกครั้งหนึ่ง

สิ่งที่ดิฉันอยากให้เพื่อนๆ เตรียมตัวกับคำตอบเป็นอย่างมากว่า เรามีแผนการอย่างไร ถ้ามีการตัด internet เกิดขึ้น เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทางฝ่ายผู้รักประชาธิปไตยของอียิปต์ ต้องเผชิญมาแล้ว แต่เราน่าจะมีแผนการสำรองเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยค่ะ

ทางที่ดีเพื่อให้ประชาชนเอาคืน:

1. ขอให้ประชาชนผู้รักประชาธิปไตย ทราบถึง การซ้อมหนีไฟ เป็นอย่างดี ขอให้รวมตัวกันได้ เมื่อถึงเวลาเสียงปืนแตกว่า รัฐประหารเมื่อไร พี่น้องจะออกไปรวมตัวกันที่จุดนัดหมาย

2. ประกาศอย่างแจ้งชัดเลยว่า จะมีการตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นเกิดขึ้นแน่ๆ แต่จะเป็นภายใต้การดำเนินงานของใครนั้น อยู่ที่การเตรียมพร้อมและติดต่อ ดิฉันคิดว่า กลุ่มนั้น เขาเตรียมแถลงการณ์ไว้เรียบร้อย แบบเกิดรัฐประหารเมื่อไร จะมีแถลงการณ์ออกมาอย่างรวดเร็ว โดยใช้สื่ออินเตอร์เนทและสื่อมวลชนจากทั่วทุกมุมโลก ขอให้การรับรองโดยทันท่วงที เรื่องนี้ ทางฝ่ายอำมาตย์สู้ไม่ได้ ไม่ว่าจะมี เมพ หรือ ใครต่อใครบงการอยู่เบื้องหลัง เพราะนานาอารยะประเทศเขาไม่เล่นด้วยกับวิธีล้มกระดานแบบนี้แน่นอนค่ะ

3. อยากขอให้ย้ำง่ายๆ สั้นๆ ให้จำกันได้ว่า ทุกๆ คนมีหน้าที่อย่างไรบ้าง คราวนี้จะไม่เหมือนทุกๆ คราวอย่างแน่นอน เพราะประชาชนผู้รักประชาธิปไตย เขามีความอดกลั้นถึงที่สุดแล้วนะคะ

fredag 28 september 2012

ตะลึงงงง .. ขุดท่อ เจอ แต่หิน กระสอบทราย......ใคร.?...สั่งให้ " กทม." ไม่ทำการขุดลอกท่อระบายน้ำ เพื่อโยนความผิดให้รัฐบาลเพื่อไทย!

โดย   Easyboy

ตะลึงงงง .. ขุดท่อ เจอ แต่หิน กระสอบทราย..กำลังวางแผนโยนผิดให้แม๊ว อีก แว๊วววว
ภาพเป็นข่าว ชวตะลึง ตึง ๆๆ  (ผลงานพรรคประชาธิปัตย์)ที่ขี้โกงทำงานด้วยปาก

รู้หรือยังทำไม ระบายน้ำไม่ดี

ที่มีนบุรี เจอกระสอบทราย นับร้อยลูก
ที่พหลโยธิน เจอหินใหญ่ๆ จำนวนมาก

สะท้อนว่า ไอ้ที่บอก ลอกๆๆ ไป แล้วนั้น
คงจะช้อนไป เฉพาะ จอกแหน เท่านั้น

แต่ภาพออกสื่อ ก่อนหน้านี้ กทม ลอกไปแล้ว
เห็นมีแต่ เอ๋อยืน แอ้ค ท่า
แสดงว่า เอ๋อ ถ่ายรูป ออกสื่อ แล้วก็กลับ
ลูกน้อง ก็ คง กินส้มตำแล้วตามกันกลับ
นั่นคงจะเป็นสิ่งที เอ๋อ บอก ทุกๆ คนว่า ลอกท่อแล้วจร้า

เจอแบบนี้ .. แมลงสาปปรึกษากันแล้ว จะแถลงข่าว ว่า..
คิดว่า ทักษิณ คงจ้างใคร เอา หิน และ กระสอบทราย
มาใส่ยามวิกาล แหงมๆๆ


โดย  กุมารทอง
ผลงานอยู่ที่การทำงาน

และแล้ว พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ก็เทียบชั้น ผู้ว่า กทม.
[ภาพ: 630.jpg]

พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. นำกำลังตรวจซอยสุขุมวิท 39 หลัง
น้ำท่วมขังสูง ระบุเป็นเส้นทางลัด มีรถสัญจรเยอะ นำเครื่องสูบมาเร่งระบาย
เผยน้ำระบายช้าเพราะท่อตัน สั่งเร่งลอก…

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 28 ก.ย. พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.
พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชุมพล พุ่มพวง ผกก.สน.ทองหล่อ เดินทางมาตรวจสอบน้ำ
ท่วม และเครื่องสูบน้ำที่ติดตั้งบริเวณท่อระบายน้ำหน้าอาคาร ซิตี้ รีสอร์ท
ซอยสุขุมวิท 39 (ซอยพร้อมพงษ์) แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม.

พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวว่า ได้รับรายงานว่าพื้นที่ดังกล่าวมีระดับน้ำท่วมขัง
โดยบางจุดมีระดับน้ำสูงท่วมขึ้นไปบนฟุตบาท จึงได้สั่งการให้ รถเคลื่อนที่เร็ว
ของ บช.น. นำเครื่องสูบน้ำมาสูบน้ำภายในซอยสุขุมวิท 23 และซอยสุขุมวิท
39 ซึ่งตลอดเส้นทางพบน้ำท่วมเป็นระยะทำให้การจราจรเคลื่อนตัวช้า เพราะ
ซอยดังกล่าวเป็นเส้นทางลัดออกไปสู่ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ที่มีประชาชน
สัญจรไปมาตลอดเวลา

พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวอีกว่า สาเหตุที่มีน้ำท่วมขัง เนื่องจากมีฝนตกลงมา
อย่างต่อเนื่องตั้งแต่เมื่อคืน ถึงช่วงเช้าที่ผ่านมา ทำให้มีปริมาณน้ำสะสมมาก
จนท่วมขัง จากการตรวจสอบสาเหตุหลักเกิดจากท่อตัน จึงจะประสานกับกรม
ราชทัณฑ์ เพื่อขอกำลังนักโทษมาทำการขุดลอกท่อ ส่วนการระบายน้ำถือใน
พื้นที่เป็นที่น่าพอใจ พร้อมทั้งกำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจมาคอยอำนวย
ความสะดวกด้านการจราจรให้กับผู้ใช้เส้นทาง.


[ภาพ: 420.jpg]

 

......สาบานได้! "กทม." ลอกท่อแล้ว?......


เมื่อวันที่ 27 ก.ย. พล.ต.ต.มานิต วงศ์สมบูรณ์ รอง ผบช.น. ปรท.ผบช.น. ทำบันทึกข้อความถึง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. รายงานผลการดำเนินการขุดลอกท่อระบายน้ำในพื้นที่กทม. ตามคำสั่งการผบช.น.ภายหลังประชุมร่วมกับกรมราชทัณฑ์ในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังในพื้นที่ กทม.ที่กำลังเป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้

 โดยบันทึกดังกล่าวระบุว่า เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ ผู้ต้องโทษ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการร่วมกันขุดลอกท่อระบายน้ำ ตามจุดที่มีน้ำท่วมขัง ระหว่างวันที่ 22-24 ก.ย. จำนวน 10 จุด ได้แก่ ถ.ศรีอยุธยา ถ.พิษณุโลก และ ถ.พระราม 6 บริเวณทางลงด่วนดินแดง ถ.วิภาวดีรังสิต ถ.พหลโยธิน ก.ม.62 แยกมีนบุรี บริเวณแยกลำสาลี ถ.ศรีนครินทร์-ถ.กรุงเทพกรีฑา ซอยสุขุมวิท 62 7.ถ.พิพิธตัดถนนสนามไชย ถ.ศิรินธรขาเข้า เชิงสะพานต่างระดับ ถ.กำนันแม้น และ ถ.รัชดาภิเษก ตั้งแต่แยกรัชโยธินถึง ถ.ลาดพร้าว (หน้าศาลอาญา)

 โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจในการรักษาความปลอดภัย และมี ผกก.สน., รอง ผกก.ป. และรอง ผกก.จร. ควบคุมการปฏิบัติอย่างใกล้ชิด เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการจราจร การเดินทางเข้าพื้นที่ รวมทั้งจุดจอดรถระหว่างปฏิบัติหน้าที่ และมีการติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบ พร้อมจัดพื้นที่เหมาะสม สำหรับเป็นที่ทิ้งขยะสิ่งปฏิกูล เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบกับประชาชนทั่วไป และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรพร้อมรถจักรยานยนต์นำรถไปยังจุดทิ้งสิ่งปฏิกูล ซึ่งแต่ละ บก.ได้จัดเตรียมน้ำดื่มสนับสนุนผู้ต้องโทษ จุดละ 30 โหล

 จากการดำเนินงานพบว่า ส่วนมากในท่อระบายน้ำหลักมีเศษหิน ดิน โคลน และทรายจำนวนมาก ทำให้น้ำไหลช้า การตักโคลนทรายขึ้นมาน่าจะช่วยระบายน้ำได้เร็วขึ้น ในถนนใหญ่ เช่น ถ.รัชดาภิเษก ถ.ศรีนครินทร์ ท่อระบายน้ำมีขนาดใหญ่มาก แม้จะมีเศษดินทรายปูนอยู่ในท่อ ก็ยังไม่กีดขวางทางเดินน้ำมากนัก แต่ช่องทางเดินน้ำจนถึงช่องตะแกรงเหล็กข้างทางเท้าลงสู่ท่อระบายน้ำ มีเศษดินทรายอุดตัน ทำให้น้ำจากถนนลงในท่อระบายน้ำไม่ได้ หรือระบายน้ำได้ช้ามาก จึงได้ดำเนินการขุดลอกเรียบร้อยแล้ว หากมีฝนตกจะทำให้น้ำบนผิวการจราจรสามารถลงสู่ท่อระบายน้ำได้สะดวก และรวดเร็วมากขึ้น

 นอกจากนี้ บางแห่งยังเป็นไปตามสภาพทางกายภาพของถนนที่มีระดับต่ำ เช่น ถ.กำนันแม้น มีระดับต่ำกว่า ถ.กัลปพฤกษ์ และ ถ.เอกชัย ทำให้การระบายน้ำไม่สะดวก ภายหลังดำเนินการทุกจุดเสร็จสิ้นแล้วจึงได้ร่วมหารือในการแก้ไขปัญหาจุดน้ำท่วมขังว่าจุดใดควรแก้ไขเร่งด่วนหรือเพิ่มเติม ซึ่งในที่ประชุมได้สั่งการให้ดำเนินการขุดลอกท่อระบายน้ำเพิ่มเติม 26 จุด โดยจะดำเนินการจนถึงวันที่ 3 ต.ค.
โดย  คนชุดขาว
เดินทางไปกทม. ได้พูดคุยกับ จนท. กทม.เลยได้รับรู้เรื่องเด็ดๆเกี่ยวกับการขุดลอกท่อของ กทม.มาบอกกล่าวกันฟัง
...เมื่อคืนผมนั่งรถทัวร์เข้า กทม.เพื่อไปรับรถที่ติดต่อสั่งซื้อทาง Internet ไว้ ถึง กทม.เช้ามืดก็ติดต่อ และนั่งแท็กซี่ ไปหาคนขายรถ..ปรากฎว่าเขาทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ กทม.
..ดูรถ ลองขับ ต่อรองราคา ทำสัญญาซื้อขาย เซ็นเอกสารการโอน จ่ายเงินเสร็จ ก็มานั่งคุยกัน.ผมเลยถามถึง ข่าว+คลิป ที่ พล.ต.ท. คำรณวิทย์- กรมราชทัณฑ์ นำนักโทษมาขุดลอกท่อ ทำไมถึงมีแต่โคลน เลน เศษขยะ และก้อนหินมากมาย ทั้งๆที่หม่อมเอ๋อ ผู้ว่า กทม. บอกว่า กทม.ขุด ลอกหมดแล้ว..เขาหัวเราะแล้วบอกว่า..ผู้ว่าจะไปรู้อะไร แกไม่เคยมาเฝ้าดูการขุดลอกตั้งแต่ต้นจนจบ..
....เขาเล่า บอกกล่าวให้ฟังว่า..หม่อมเอ๋อมาดู มาสั่งการ ชี้โบ้ ชี้เบ้ผู้รับเหมา พร้อมกับ จนท.ระดับสูงของกทม. ( ออกข่าว-สื่อต่างๆ) เสร็จจากนั้นก็ยกขบวนกลับ..ผู้รับเหมาก็สั่งงานลูกน้องเสร็จแล้วก็กลับไปหมด เหลือแต่พนักงานระดับล่างๆที่ทำงาน ไม่มีใครควบคุม ดูแลเขาก็ทำการขุดลอกท่อกันแบบแกนๆ ลวกๆ แล้วก็บอกเจ้านายคนรับเหมาว่า..เสร็จเรียบร้อยแล้ว ..ผู้รับเหมาก็บอกแจ้งไปยังจนท.ว่า..เรียบร้ย ..จนท.ก็ยกหู หรือวิทยุไปบอกหม่อมเอ๋อว่า .เรียบร้อย...หม่อมเอ๋อก็บมาบอกออกข่าวว่า....เรียบร้อยแล้ว...
..บางครั้งตอนหม่อมเอ๋อ จนท.มาดู ผู้รับเหมาก็เอารถแม็คโคร รุ่นใหม่ๆ 2-3 คัน+อุปกรณ์เครื่องมือมาโชว์ในการทำงานมากมาย..พอหม่อมเอ๋อ + จนท.กลับ ผู้รับเหมาก็เอารถแม็คโครใหม่ๆกลับหมด เหลือคันเก่าๆไว้เพียงคันเดียว..ให้ลูกน้องทำโน่นทำนี่ไป
...เมื่อ พล.ต.ท. คำรณวิทย์ เห็นว่าจุดนั้นๆยังมีน้ำท่วม ขัง อยู่ก็ประสานไปยัง กรมราชทัณฑ์ นำนักโทษมาขุดลอกท่อ ในที่ๆหม่อมเอ๋อยืนยันว่า กทม. ทำการขุดลอกไปแล้ว..จึงพบกับโคลนตรม +เศษขยะ โฟม ถุง-ขวดพลาสติค+ก้อนหิน เศษปูนขนาดใหญ่มากมาย..ดังเห็นในข่าวทีวี และในคลิปทาง Internet จนหม่อมเอ๋อ เป็นเอ๋อ พูดไม่ออกไปจริงๆ

..ยัง..ยังมีเด็ดอีก..เขาบอกผมอีกว่า จนท. กทม.นั่นแหละตัวงาบเงิน...เวลาจะไปขุดลอกท่อหน้าบ้านใครก็จะเรียกเจ้าของบ้านมาพูด คุยขอค่าน้ำร้อน น้ำชา กาแฟ ตอบแทนการขุดลอกท่อน้ำหน้าบ้าน ....บ้านไหนมีที่กว้าง มีท่อหน้าบ้านยาวก็มากหน่อย บ้านไหนมีที่เล็กมีท่อน้ำหน้าบ้านสั้นก็น้อยหน่อย...
..บ้านไหนให้ก็ขุดลอกท่อให้..บ้านไหนไม่ยอมให้ก็เว้น ไม่ขุดลอกท่อหน้าบ้านให้..มันจึงมีเว้นเป็นช่วงๆเพราะเจ้าของบ้านบางคนไม่ยอมให้ค่าน​้ำร้อน น้ำชา กาแฟ...ผลคือ..ฝนตกที่น้ำก็ท่วมขังกันสนุกสนาน..


คนเขาจะหามมันดันเอาคานมาสอด..... นโยบายรัฐบาล หนักกระบานคุณหรือไง จึงออกเลห์มาเฉไฉ ยั่วยุไทยให้ร้าวฉาน คุณบุญหนักศักดินา ทรัพย์คณาเหลือประมาณ ยังมีจิตคิดก่อการ ประจานคนให้ลนลาน

ขุนเขาบอก :

คนเขาจะหามมันดันเอาคานมาสอด.......


นโยบายรัฐบาล หนักกระบานคุณหรือไง

จึงออกเลห์มาเฉไฉ ยั่วยุไทยให้ร้าวฉาน
คุณบุญหนักศักดินา ทรัพย์คณาเหลือประมาณ
ยังมีจิตคิดก่อการ ประจานคนให้ลนลาน

คณาจารย์วิชาการ บริหารการศึกษา

สอนลูกศิษย์ผิดตำรา เสนอหน้ามาฟ้องศาล
เงินที่ได้คือชาวนา ผู้กล่าวหาคืออาจารย์
หวังขจัดรัฐบาล ถูกประหารคือชาวนา

คุณทำนาบนหลังคน ปล้นคนจนปล้นประเทศ

คุณทำตัวน่าสมเพศ เปรียบผีเปรตผู้หวยหา
เกียรติยศแลชื่อเสียง หวังยืนเคียงเทวดา
จึงปลิ้นปลอกจึงออกหน้า ร้องอาญาธรรมนูญ

สุดอนาถเป็นหนักหนา โถชาวนาน่าสงสาร

ถูกผู้ใหญ่จิตใจมาร กระทำการงบประมาณสูญ
หวังเงินทองกองเต็มนา กลับเสียท่าสานธรรมนูญ
รัฐบาลเขาให้คุณ สานธรรมนูญกลับยึดนา

รวงข้าวเบาที่เราเกี่ยว รอยคมเคียวยังไม่หาย

ศักดินามาทำลาย แม้นวัวควายยังผวา
อนิจจาอนิจัง ทุกข์ประดังคือชาวนา
จึงต้องนั่งหลังสู้ฟ้า เป็นขี้ข้าจนตัวตาย

หวังลืมตาหวังอ้าปาก ความจนยากจากนาเขียว

หวังฟื้นกลับลับคมเคียว เปลี่ยนนาเขียวจำนำขาย
สนองรัฐสนองรับ หวังสินทรัพย์เงินมากมาย
แต่ความฝันกลับสลาย ถูกฝูงควายทำลายรวง

สมองหนาปัญญาควาย ยังไม่วายขายความเขลา

วิชาการอาจารย์เงา หวังแอบเจ้าสู่แดนสรวง
เพียงทำลายรัฐบาล สมคบสานก่อการลวง
ภายนอกใสภายในกลวง พวกหลอกลวงประชาชน.... คนเขาจะหามมันดันเอาคานมาสอด

>>>>> อย่ากระพริบตา..."เตรียมพร้อมล้อมสุวรรณภูมิ" <<<<< สัญญานการยึดอำนาจได้เริ่มแล้ว ....?

..... เมื่อสถานะการณ์กำลังบีบให้คุณยงยุทธ์ วิชัยดิษฐ์ ให้ลาออกจากตำแหน่งรองนายกฯและตำแหน่ง

รมต.มหาดไทยเพราะว่า คุณ"ทอมเทพ ณ.ส้มตำ"ได้แอบไปพบ"สนธิ์ แปะ"เสร็จแล้วก็รีบบึ่งไปที่เขาชะโงก

นครนายกเพื่อระดมกำลังทหารส่วนหนึ่งเข้ามาสมทบกับทหารของ พล.อ."ประยุทธ์ จันทร์โอชา"เพื่อสกัด

กั้นการเข้าประเทศและจับตัวนายก"ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" คืนนี้

..... ดังนั้นพวกเราคน"เสื้อแดง"ให้ติดต่อไปบอกพวกเราทุกๆกลุ่มให้เฝ้าระวังไว้ทุกจุดและถ้าพวกเราพร้อม

พวก"ทอมเทพ"จะล่าถอยไปเอง.....!!!!

.....จะฆ่าน้องจะฟ้องนาย หรือขายเพื่อน
อำนาจเถื่อนทำได้ ใจสยอง
หวังเพียงได้ไม้คทา มาครอบครอง
ญาติพี่น้องต้องห้ำหัน เพื่อมันเอย.......


ประวัติศาสตร์ของวงศ์จักรีก็เป็นอย่างนี้แหละ พี่ฆ่าน้อง น้องฆ่าพี่ อาฆ่าหลาน แม่ฆ่าลูก คือประวัติศาสตร์ของปีศาจกงจักร นายทองด้วงฆ่าพระเจ้าตากสินแล้วตั้งตัวเองขึ้นเป็นกษัตริย์รัชกาลที่ ๑ ต่อมาก็มีการแย่งชิงบัลลังก์กันมาแทบทุกรัชกาล จนถึงรัชกาลปัจจุบันฆ่าพี่ชายแล้วก็ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ครองราชย์มาจนทุกวันนี้ การแย่งชิงบัลลังก์ก็คือการแย่งชิงอำนาจ ไม่ว่าพี่ว่าน้อง ไม่ว่าพ่อว่าแม่ เขาจะฆ่ากันได้ทั้งนั้น แต่สำหรับประชาชนเราจะต้องปกปักรักษาอำนาจของปวงชนชาวไทยเอาไว้ อย่ายอมเป็นทาสอยู่ใต้อำนาจของพวกปีศาจเหล่านี้ต่อไปอีก จงรวมตัวกันเตรียมพร้อมอยู่เสมอ ....

โดย ขุนเขาจากแดนไกล

ขุนเขาบอก :

อันอำนาจบารมี นี้หอมหวล

ช่างเย้ายวนชวนให้ ใจเสน่หา
ไม่ว่าทอมหรือว่าเกย์ เทวดา
ต่างเสาะหามาไว้ ในครอบครอง

จะฆ่าน้องจะฟ้องนาย หรือขายเพื่อน

อำนาจเถื่อนทำได้ ใจสยอง
หวังเพียงได้ไม้คทา มาครอบครอง
ญาติพี่น้องต้องห้ำหัน เพื่อมันเอย.......

"ผู้เสียสละเพื่อประเทศชาติ" ขอยกย่องและคารวะคุณยงยุทธ วิชัยดิษฐ ด้วยหัวใจ คุณได้พิสูจน์ตัวเองให้สังคมได้เห็นขณะที่พรรคเพื่อไทยถูกอำมาตย์รังแกคุณได้เข้ามารับภาระดูแลเป็นหัวหน้าชั่วคราวประคับประคองพรรคมาจนชนะเลือกตั้งได้เป็นรัฐบาล คุณคือผู้เสียสละคนดีของสังคมไทยที่คนในสังคมควรยกย่องเอาเป็นตัวอย่าง การเมืองยศฐาบรรดาศักดิ์คือสิ่งสมมุติอย่าไปยึดติด จงปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระ ออกมาร่วมต่อสู้สร้างสังคมไทยร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่กับพี่น้องเพื่อนร่วมชาติของเรา คุณจะรู้ว่าอิสระเสรีภาพนั้นมีค่ามหาศาลมากกว่าเงินทองลาภยศสรรเสริญเป็นความสุขความภาคภูมิใจ นอกจากนี้สภาพเหตุการณ์บ้านเมืองไม่สงบหย่าไปหลงกลลวงของอำมาตย์ที่ต้องการจุดชนวนเพื่อหาทางล้มรัฐบาลที่ประชาชนเสียงข้างมากเลือกมา เมื่อประเทศชาติมีสันติสุข มีประชาธิปไตยที่แท้จริง ประชาชนชาวไทยจะเลือกคุณกลับมาทำงานช่วยชาติอีกครั้ง.......

ประกาศลาออกแล้ว 'ยงยุทธ' สละรองนายกฯ-มท.1



Posted Image

เมื่อวันที่ 27 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่า

หลังจากที่คณะกรรมการยุทธศาสตร์ได้หารือกับแกนนำพรรคถึงกรณีปัญหาคุณสมบัติทางการเมืองของนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย หลัง อ.ก.พ.กระทรวงมหาดไทยมีมติลงโทษไล่ออกจากราชการ ทำให้เกิดกระแสกดดันทางการเมืองรุมเร้าหลายด้าน เห็นว่าหากนายยงยุทธยังดำรงตำแหน่งต่อไป จะส่งผลต่อการทำงานของรัฐบาลและส่งผลกระทบทางการเมืองต่อพรรคเพื่อไทย

คณะกรรมการยุทธศาสตร์และแกนนำพรรคจึงได้ ประสานยัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ปฏิบัติภารกิจอยู่ที่สหรัฐอเมริกา เสนอแนวคิดว่านายยงยุทธไม่ควรดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่างๆ ในช่วงนี้

ซึ่งนายกฯก็เห็นด้วย จึงได้ติดต่อไปยังนายยงยุทธให้ดำเนินการตามแนวทางดังกล่าว

โดยนายยงยุทธก็ยอมรับ และจะประกาศลาออกในวันที่ 28 ก.ย.นี้


โดยนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตร จะทำหน้าที่รักษาการแทนในตำแหน่งรองนายกฯและ รมว.มหาดไทย.

พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์: คอป. หรือ คณะอุ้มอภิสิทธิ์ปกปิดความจริง?

โดย รศ.ดร.พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์
ที่มา “โลกวันนี้วันสุข”
ฉบับวันศุกร์ที่ 28 กันยายน 2555


ในที่สุด คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ หรือ คอป. ที่มีนายคณิต ณ นคร เป็นประธาน ก็ได้นำเสนอรายงานขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับเหตุการณ์สังหารหมู่ประชาชนเมื่อ เมษายน-พฤษภาคม 2553 ซึ่งผลก็เป็นไปตามความคาดหมาย คือ เต็มไปด้วยเรื่องปกปิดบิดเบือนความจริงที่เกิดขึ้น ฟอกขาวให้กับทั้งฝ่ายทหารและรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

คนที่เจ็บปวดกับผลงานของ คอป.ในครั้งนี้ก็คือ ครอบครัวและบรรดาญาติพี่น้องของผู้ที่เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายพันคนใน เหตุการณ์ รวมไปถึงประชาชนที่เข้าร่วมต่อสู้ที่ถือว่า บรรดาผู้สูญเสียเหล่านั้นคือพี่น้องร่วมอุดมการณ์ที่เสี่ยงตายมาด้วยกัน

นายอภิสิทธิ์ทำหน้าทำตาพิรุธ ระหว่างอยู่กับนายคณิต 

ผลงานอัปยศของ คอป.ในครั้งนี้ ทำให้สมควรได้รับขนานนามใหม่ว่า คณะอุ้มอภิสิทธิ์ปกปิดบิดเบือนความจริงเพื่อความแตกแยกแห่งชาติ โดยแท้!

torsdag 27 september 2012

...."สัญญาณหลายทาง...สร้างน้ำผึ้งหยดเดียว" ....อะไรจะเกิดก็ปล่อยให้เกิดประชาชนรอมานานแล้ว ขอเตือนอำมาตย์ว่ามันไม่ง่ายเหมือนยึดอำนาจในปี ๒๕๔๙.... เดียวนี้ประชาชนเขาฉลาด ตาสว่างทั้งแผ่นดินรวมเป็นหนึ่งเดียวคือต้องการสิทธิเสรีภาพและความถูกต้องคืนให้สังคม ขอให้มวลชนมีสติปัญญาคิดให้รอบคอบอย่าเสี่ยงเอาชีวิตเข้าไปตายแทนคนอื่น กาลเวลาได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าใครคือเพื่อนร่วมเดินทางและเป็นผู้นำที่แท้จริงไม่ใช่นักฉวยโอกาส อย่าไปหลงกลพวกอำมาตย์โจรปล่อยให้เขาจัดการแก้ปัญหากันเอง ขอแต่พี่น้องประชาชนต้องเตรียมพร้อมตลอดเวลาอย่าได้พลาดโอกาสทองในการที่จะลุกขึ้นสู้ ปลดปล่อยตัวเอง ปลดปล่อยสังคมและประเทศชาติ ออกจากอุ้งมือมารของหัวหน้าอำมาตย์ปีศาจผีดิบตาเดียวเสียที...... "หวงที่สุดคือสิทธิ์ รักสุดชีวิตคือประชาธิปไตย ."...

โดย  พิณลำโขง

ขอทุกท่าน อดทน อีกสักนิด
ปรับจริต  จิตใจ ให้เข้มแข็ง
อย่าลุกฮือ หรือเต้นตาม ความรุนแรง
สถานการณ์ เขาแต้มแต่ง เพื่อการใด

เหตุเพราะหวัง อำนาจ จนขาดหลัก
ผลประโยชน์ บนหน้าตัก พิทักษ์ไว้
เหตุเพราะบ่อ น้ำมัน ของชาติไทย
มิอาจให้ เปลี่ยนมือไป เป็นของชน

อีกทั้งกาล ใกล้อวสาน ผันเปลี่ยนผ่าน
สถานการณ์ เจียนจวน ชวนสับสน
จึงเร่งสร้าง สถานการณ์ อลวน
หวังจะดล รัฐประหาร ให้หวนคืน

วอนมวลชน คนรู้ทัน กลั้นทิฐิ
ใช้สติ  ปัญญา และกล้าฝืน
ความโกรธแค้น เก็บในใจ แม้กล้ำกลืน
ถึงเวลา ค่อยหยัดยืน สู้กับมัน.
หวงที่สุดคือสิทธิ์ รักสุดชีวิตคือประชาธิปไตย

ปากหมอตายเพราะปาก

 โดย เคนจิ

ตลอด เวลาผมพยายามประคับประคอง ไม่เคยเข้าไปข้องแวะ นปช แม้แต่ใครเข้ามาต่อว่า นปช.ผมจะออกมาขวางถ้าเห็นว่ามันไม่ถูกต้อง.และให้กำลังใจเหล่าแกนนำมาตลอด เพราะเห็น เวลานี้เสื้อแดงมีองค์กรนปช.เป็นองค์กรที่มีมวลชนใหญ่ที่ ที่พอต่อกรกับฝ่ายอำมาตย์ แต่ในความที่เกิดอาการอะไรไม่ทราบ ผมทนฟังคุณจตุพรหลายคลิบรายการ"ชูธง"หลายรอบแล้วที่คุณ จตุพร ออกมาพูดตำหนิเสื้อแดงโดยเฉพาะใต้ดินแบบขาดสติ นึกอยากจะด่าใครก็ด่า แต่เขาได้ลืมไปว่าที่แกนนำ นปช.มีวันนี้ได้เพราะแดงปิดทองหลังพระพวกเราดอกหรือ และในคลิปวันนี้ได้พูดถึง การตัดสินคดีนาย สนธิ ลิ้ม กรณีศาลตั้ดสินหมิ่น112 การนำคำพูดคุณดา ตอปิโด มาขยายจนเป็นคดีทำลายจิตใจฝ่ายเสื้อแดง ที่ตลอดเวลาได้รับความไม่ยุติธรรมมาตลอด

จตุพรพูด เสมือนหนึ่งให้มวลชนทำใจ และให้ยอมรับการตัดสิน ไม่เหลือจิตวิญญาณของนักสู้แม้แต่น้อย คนเราอย่าคิดว่าตัวเองถึงจุดสูงสุด หลงตัวเองขนาดว่า ตัวเองพูดอะไรแล้วทุกคนต้องเชื่อเขาทุกเรื่อง เสื้อแดงวันนี้มีวุฒิภาวะ ประสบการณ์พอ อย่าหลงตัวเองว่า ตัวเป็นพหูสูตรรู้เสียทุกเรื่อง ผมไม่อยากเขียนต่อว่ากันเอง แต่ทนต่อการหลงตัวเองของคุณจตุพรไม่ไหวครับ


เพราะถ้าหาก สู้แค่เอาตัวรอดไปวันๆและๆไม่ใจสนความรู้สึกของมวลชน โดยเฉพาะญาติพี่-น้องที่เสียชีวิต ผมว่าเลิกจัดรายการ"ชูธง"เถอะ เพราะคุณ จตุพร ยิ่งจัด ยิ่งกร่างเข้าไปทุกวัน หรือถ้าไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นคนอื่นจะด่าต่อก็เชิญตามสบายครับ พวกคุณจะได้รู้ว่า"นรกนั้นมันมีจริง" ใครจะต่อว่าอะไรผมก็เชิญครับ ผมไม่ได้เสี้ยม แต่เห็นว่าการกระทำของคุณจตุพร "ปากหมอตายเพราะปาก" จริงๆครับ

" สถาบันพระมหากษัตริย์ ที่กำลังเสื่อมสุดฉุดไม่อยู่" นอกจากนั้นสถาบันพระมหากษัตริย์ยังเป็นสาเหตุทำให้สังคมไทยเสื่อมสุดฉุดไม่ อยู่เหมือนกัน สถาบันจะคงอยู่หรือเสื่อมสลายไปจากประเทศไทยก็ไม่เกียวข้องกับปากท้อง ประชาชน เพราะประชาชนต้องทำงานหาเลี้ยงตัวเองและครอบครัวเพื่อปัจจัยสี่ในการดำรงชีวิตคือ  ที่อยู่อาศัย อาหาร เสื้อผ้า ยารักษาโรค นอกจากนี้ยังต้องการสิทธิเสรีภาพ ความเสมอภาพ ความยุติธรรมและประชาธิปไตยในสังคมไทย สถาบันกษัตริย์ไม่ได้ให้สิ่งเหล่านี้แก่คนในสังคม นอกจากนี้สถาบันกษัตริย์ยังเป็นกาฝากสังคมอยู่ด้วยเงินภาษีของประชาชนทั้งๆ ที่สถาบันกษัตริย์มีเงินมากมายมหาศาลและไม่เสียภาษี  สถาบันกษัตริย์ยังเอื้อประโยชน์ให้แก่ข้าทาสพวกพ้องบริวาร ทหารขุนศึก  อำมาตย์นายทุนที่รับใช้โกงกินจนร่ำรวยมหาศาล    ส่วนประชาชนเพื่อให้ได้มาซึ่งปัจจัยสี่  คนในสังคมจะต้องดิ้นรนหาอาชีพ มีงานทำ ไม่ว่าจะอาชีพส่วนตัว อาชีพรับจ้าง ทำงานเอกชน หรือรับราชการ แต่ในสภาพสังคมไทยปัจจุบันคนส่วนมากในสังคมแทบจะไม่มีโอกาสได้ปัจจัยครบทั้งสี่อย่าง เพราะความเป็นอยู่ของคนในสังคมไทยมีความแตกต่างกันมาก คือมีคนจนด้อยโอกาสมากกว่าคนรวยที่เป็นพวกควบคุมเศรษฐกิจของประเทศ ในความเป็นจริงกิจการของพวกนายทุนจะอยู่ได้ก็ต้องอาศัยแรงงานผู้ด้อยโอกาส เป็นผู้ผลิตให้    ในประเทศที่เขาเจริญแล้วทั้งนายทุนและผู้ใช้แรงงานมีกฎหมายคุ้มครองไม่ให้ ขูดรีดเอารัดเอาเปรียบกัน ทุกคนต้องเสียภาษีทั้งนายทุนและผู้ใช้แรงงานตามอัตราที่กฎหามยกำหนดให้จ่าย   เพื่อนำเงินภาษีมาพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ .....ท้ายนี้ฝากถึงคุณหมอตำแย ถ้าเราจะพูดแต่เรื่องของสถาบันกษัตริย์ เรื่องพวกคลั่งเจ้า เรื่องสีเหลืองสีแดง เรื่องแกนนำ พวกเราก็คงไปไม่ถึงดวงดาวและก็คงจะกลับไปยืนอยู่ที่จุดเดิมเหมือนอดีตที่ผ่านมา   เราจะต้องพาพี่น้องร่วมชาติของเราก้าวให้พ้นจากเรื่องน้ำเน่าไร้สาระเหล่า นี้เสียที การติดตามข่าวสารหาความรู้มาแลกเปลี่ยนกันคงจะเป็นหนทางให้พวกเราไปถึงจุด หมายปลายทางที่วางไว้.....

โดย  หมอตำแย


..... เมื่อมีการแบ่งชนชั้นสูง - ชนชั้นกลาง - ชนชั้นล่างและมีการแบ่ง"สีเหลือง"คือพวกที่ปกป้องสถาบันฯและพวกที่คลั่งสถาบันที่ปิดหูปิดตาตัวเองตลอดมา ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งก็คือ"สีแดง"ที่ยังแบ่งออกเป็น 2 ส่วนและทั้งสองส่วนนี้ทางสถาบันฯก็มีส่วนแบ่งฝ่ายเหลืองเป็นฝ่าย"เจ้า"และฝ่าย"แดง"คือฝ่ายไพร่คือ

1. ฝ่าย"แดงล้มเจ้า"ก็คือไม่เอาเจ้าเพราะเจ้าเล่นการเมืองและเจ้าใช้"กองทัพและศาล"เป็นเครื่องมือในการฆ่าฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยตลอดมา

2. ฝ่าย"แดงเอาเจ้า"เพราะคิดว่าอีกไม่นานเจ้าก็ไปแล้ว"แดง"พวกนี้จึงยอมฟังเสียงของ"แกนนำ"ว่าจะออคำสั่งมาอย่างไรก็ยอมทำตามกัน

------ ทั้งสองแดงนี้เรียกว่า"แดงตาสว่าง"ที่มีสติทำให้เกิดปัญญา -----
..... อย่างกรณีที่คุณครูเหลือง"มนัสนันท์ หนูคำ"ได้ไปด่าคุณ"ดารุณี กฤตบุญญาลัย"ที่นึกว่าเป็นคุณ"ดา ตอปิโด"นั้นไม่ใช่ไม่รู้เพราะทีวีออกข่าวมาเป็นปีๆจะปฎิเสธว่าไม่เคยเห็นทั้งสองคนนั้นไม่ได้เพราะ"ครูเหลือง"มีอายุสูงเกินแกงแล้วและถ้าเป็นครูปัญญาอ่อนทางโรงเรียนก็คงจะไม่ยอมให้มาสอนเด็กอย่างแน่นอน  เพราะจะทำให้เด็กปัญญาอ่อนตามไปด้วยและเรื่องนี้ ฝ่ายเจ้าได้จัดฉากเตรียมแผนเอาไว้นานแล้วเพียงรอจังหวะเข้าก็จะจัดการทันที เพื่อจะเป็น"น้ำผึ้งหยดเดียว"อันจะเป็นพาหะนำไปสู่เรื่องใหญ่ได้โดยง่าย

..... ณ.ที่กองปราบพวก"คลั่งเจ้า"ที่ชอบแอบอ้างตัวว่าปกป้องสถาบันฯยกพวกมาประมาณ 600 คน ส่วนพวกคน"เสื้อแดง"ที่มาให้กำลังใจคุณ"ดารุณี"มีมาประมาณ 100 คน พอพวก"คลั่งเจ้า"เห็นคน"เสื้อแดง"มาน้อยกว่าจึงกล้าออกมาทำร้ายคน"เสื้อแดง"อย่างรุนแรงและมีชายผู้สูงอายุคนหนึ่งที่สวมเสื้อ"ทรงพระเจริญ"ได้ใช้ไม้ไป

ตีกระจกรถวิทยุมวลชนลำลูกกาจนแตก ดังนั้นเราจึงจะเห็นได้ว่าพวกที่"คลั่งเจ้า"ทั้งหลายมีคนหนุนอยู่เบื่องหลังอย่างแน่นอนและคงจะไม่ใช่ใครอื่นนอกเสียจากพวกที่ได้รับ"ไฟเขียว"มาจากฝ่าย"เจ้า"นั่นเอง

..... ในกลุ่มแกะดำย่อมจะมีแกะขาวเป็นธรรมดา วานนี้ได้เห็นและได้ยินมากับหูจาก"นักรบศรีวิชัย"คนหนึ่งที่เสียบธงอยู่ที่หลังถึง3 อันได้บ่งบอกสังกัดว่ามาจากฝ่าย"เจ้า"เห็นพวกตัวเองกำลังใช้ไม้ตีรถอยู่จึงตระโกนขึ้น

ว่า"หยุดนะ"พวกเราอย่าทำอย่างนี้ผมไม่ชอบ ถ้าทำผมจะกลับซึ่งทำให้หลายคนไม่พอใจในคำพูดจึงเกิดชุลมุนกันขึ้น ทาง"แกนนำแดง"จึงรีบโทรไปยัง"โปรดิวเซ่อร์"ให้รีบตัดรายการเสนอข่าวออกไปในทันทีเพราะถ้ามีข่าวต่อไปอีกไม่นาน "กองทัพแดง" คงจะแห่กันออกมาเป็นพันเป็นหมื่นอย่างแน่นอนและเมื่อเกิดการประทะกันเมื่อไหร่ก็บอกได้เลยว่าเข้าทาง"เจ้า"ทันทีเพราะ"กองทัพทหาร"ได้เตรียมพร้อมเอาไว้แล้วที่จะออกมายึดอำนาจไปจากประชาชนเมื่อมีเหตุการณ์ที่รุนแรงเกิดขึ้น

..... หลายครั้งหลายคราที่มีพวกที่ชอบอ้างตัวว่าเป็นผู้ปกป้องสถาบัน"พระมหากษัตริย์"เพราะเห็นว่าขณะนี้
สถาบันฯได้ตกต่ำลงมามากแล้วนั้นไม่ใช่"คนเสื้อแดง"ทำลายสถาบันฯ แต่คนที่ทำลายสถาบันฯตัวจริงก็คือตัว"เจ้า"และบริวารรอบข้างที่ลงมาเล่น"การเมือง"นั่นแหละเป็นผู้ทำลายตัวเองเพราะขนาดมีม.112ก็ใช่ว่าจะกลัวทุกคนไปและวันนี้"ศาล"ที่เป็น"สมุนเจ้า"ก็ได้มีคำพิพากษาออกมาว่า"สนธิ์ ลิ้มทองกุล"ที่ได้เอาคำของคุณ"ดา ตอปิโด"ที่พูดไปแล้ว"หมิ่น"ไปพูดต่อที่สะพานมัฆวานรังสรรค์เมื่อวันที่ 20 ก.ค 2551 นั้นไม่มีความผิด....
ขอถามว่ามีใครที่เชื่อขบวนการ"ยุติธรรม" ที่เป็นตัวแทนของ"พระมหากษัตริย์" ที่ได้ตัดสินมาแล้วหลายครั้งและรวมทั้งครั้งนี้ด้วยว่าเป็นการตัดสินที่"ยุติธรรม"บ้าง....??????

..... ถ้าวงจรอุบาทยังหมุนเวี่ยนเปลี่ยนไปในระบอบเดิมๆ ต่อให้ประชาชนค่อนประเทศออกมาปกป้องสถาบันอย่าง ไรก็คงจะปกป้องสถาบันฯที่เสื่อมลงทุกวันนั้นไม่มีทางได้เพราะตราบใดที่ ฝ่าย"เจ้า"ยังมีจุดยืนและส่งเสริมพวกที่ชอบทำผิด-ทำชั่วและไม่ยอมปรับสถาน ตัวเองให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันก็เชื่อเหลือเกินว่า

---------- สถาบันพระมหากษัตริย์ ที่กำลังเสื่อมสุดฉุดไม่อยู่อย่างแน่นอน ----------

onsdag 26 september 2012

.... ๒๖ ก.ย. ๒๕๕๕ ที่ (นิวยอร์ก)

 โดย  น่ารักก็ไม่บอก

    Posted Image

    วันอังคารที่ 25 กันยายน 2555(นิวยอร์ก) / 26 ก.ย.55(ไทย)
    -เช้านายกฯยิ่งลักษณ์ ร่วมพิธีเปิด การอภิปรายทุกเขต การประชุมUNGA67 ที่GA Hall,UNHQ 190ประเทศ
    12.00น. หารือทวิภาคี กับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
    14.00น. ลงนามระหว่างประเทศ เป็นสักขีพยานTreaty Event
    -นายกฯยิ่งลักษณ์ลงนาม และยื่นสัตยาบัน พิธีสารเลือกรับสำคัญ อนุสัญญาสิทธิเด็กตามเกณฑ์ เรื่องกระบวนการติดต่อ ร้องเรียนเรื่องจำเป็น มีกำหนดกฎเกณฑ์ ช่วยเหลือเด็กได้ทันที


    Posted Image

    Posted Image

    Posted Image
    นายกฯยิ่งลักษณ์ พบปะกับกองบรรณาธิการบริหาร Time นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา

    Posted Image


    นายกฯปู หารือทวิภาคีกับประธานาธิบดีเมียนมาร์

     

     

     


     

     



    
    

     

     

    
    

    tisdag 25 september 2012

    "ค่าของคน" ความเป็นสากล ความเท่าเทียมกันขณะปฎิบัติหน้าที่การงาน ทำตัวเหมาะสมเป็นคนยุคใหม่ไม่โบราณล้าหลังสังคมยอมรับได้ รู้จักทำงานใช้ความรู้ความสามรถช่วยประเทศชาติ!


    โดย คุณเขตปลอดการสร้างภาพ




       


       



    
        

















    และเวลา 18.15 น. ได้กล่าวสุนทรพจน์ การส่งเสริมบทบาทสตรี ในงาน A Global Conversation: Woman Leaders Respond to the UNGA 67 โดยได้ย้ำว่า นโยบายสำคัญของรัฐบาล โดยเฉพาะในเรื่องการให้ความสำคัญกับบทบาทของสตรีได้รับการพัฒนามาจากประสบการณ์ของนา​ยกรัฐมนตรี ที่เติบโตจากธุรกิจภาพยนตร์เล็กๆในภาคเหนือของประเทศไทย ตั้งแต่วัยเด็ก บิดาได้สนับสนุนให้ช่วยงานอยู่เสมอ ทั้งการเก็บเงินค่าตั๋วภาพยนตร์และค่าจอดรถ ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยให้ได้มีโอกาสเรียนรู้การเป็นผู้ประกอบการ แต่ยังได้ปูทางสู่ธุรกิจและการเมืองด้วย

    “แต่ยอมรับว่าตลอดเส้นทางอาชีพ บางครั้งได้รับการปฏิบัติและการตัดสินที่แตกต่างเพียงเพราะเพศ แต่เพื่อความสำเร็จ จึงต้องทำงานหนักยิ่งขึ้นกว่าคนอื่นๆ เพื่อให้งานได้รับการยอมรับ และในช่วงเวลานี้จึงได้พบว่าแท้จริงแล้วทั้งหมดขึ้นอยู่กับความเข้มแข็ง ทั้งในช่วงที่ทำงานบริษัทเอกชนและในฐานะนายกรัฐมนตรี เพื่อส่งเสริมประชาธิปไตยและการปรองดองในประเทศไทย ด้วยประสบการณ์เหล่านี้ ไม่เพียงสอนให้เข้าใจถึงความสำคัญของโอกาส และการทำงานอย่างทุ่มเท เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย และด้วยตระหนักในสิ่งเหล่านี้ นโยบายต่างๆจึงมีเป้าหมายเพื่อให้สตรี ได้รับโอกาสและการสนับสนุน เพื่อชีวิตที่สมบูรณ์และมีคุณค่า” นายกรัฐมนตรี กล่าว และว่า สตรีจึงได้ต้องได้รับโอกาส สตรีจะมีพลัง ความเข้มแข็งเพื่อสร้างความแตกต่าง ซึ่งสตรีอาจไม่แข็งแรงเท่าบุรุษ แต่มีคุณภาพด้านอื่น เช่น ความตั้งใจในการรับฟังและความประนีประนอม แต่ท้ายที่สุด สังคมจะได้ประโยชน์จากความเท่าเทียมของสตรีและบุรุษที่ต่างเสริมซึ่งกันและกัน


    [-]

       



    นายกยิ่งลักษณ์ ที่นิวยอร์ก 25 ก.ย.2555

    โดย  น่ารักก็ไม่บอก
    Posted Image 
    Posted Image

    Posted Image

    Posted Image

     Posted Image

    - นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมโรงเรียนย่านฮาร์เล็ม นครนิวยอร์ก ซึ่งเป็นหนึ่งโครงการเพื่อเด็กและเยาวชนของ UNICEF
    วันนี้ (24 ก.ย. 55) เวลา 09.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนาย สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางออกจากโรงแรมที่พัก เพื่อไปเยี่ยมชมโรงเรียนย่านฮาร์เล็ม นครนิวยอร์ก ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการเพื่อเด็กและเยาวชนของ UNICEF เพื่อศึกษาดูงานเกี่ยวกับการศึกษาปฐมวัย ซึ่งนายกรัฐมนตรีเข้าเยี่ยมชม 2 โรงเรียนใน Harlem Children Zone คือ 1) Promise Academy Charter School 2) Harlem Gem Pre-school
    - เมื่อนายกรัฐมนตรีเดินทางไปถึง ณ บริเวณ Harlem Children Zone มีผู้แทนระดับสูง Harlem Children Zone องค์กร UNICEF และ US Fund for UNICEF รอให้การต้อนรับและพาเยี่ยมชม ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณผู้แทนระดับสูงจากทั้ง 3 หน่วยงาน และกล่าวถึงความสำคัญของ สิทธิของเยาวชนโดยเฉพาะทางด้านการศึกษาว่าเป็นสิ่งที่ไทยให้ความสนใจเป็นพิเศษ นายกรัฐมนตรีเป็นคณะกรรมการการส่งเสริมการพัฒนาและส่งเสริมเยาวชนและเด็กของไทย และ การเยี่ยมชมในวันนี้จะเกิดประโยชน์และสามารถนำแนวทางต่างๆนี้ ไปส่งเสริมการพัฒนาเยาวชนและเด็กในประเทศไทยต่อไป
    โครงการ Harlem Children Zone ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2540 โดยนายGeoffrey Canada มีวัตถุประสงค์เพื่อให้บริการด้านการศึกษาและโอกาสสำหรับเด็กและเยาวชนที่มีฐานะยากจนในชุมชนโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย ตั้งอยู่ในย่านฮาร์เล็มของนครนิวยอร์ก คลอบคลุมบริเวณหลายช่วงถนน ประกอบไปด้วยโรงเรียนในระดับต่างๆ เช่น โรงเรียนระดับประถมวัย ประถมศึกษา และมัธยมศึกษา และบริการสำหรับครอบครัว โดย Harlem Children Zone นี้ได้รับการยกย่องจากนิตยสาร New York ว่าเป็นหนึ่งในการทดลองทางสังคมที่ต้องใช้ความพยายามอย่างสูงที่สุดในยุคปัจจุบัน และนาย Canada ผู้ก่อตั้งได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในผู้นำชาวอเมริกาที่ดีที่สุด โดยหนังสือพิมพ์ US News and World Report ด้วย
    สำหรับโรงเรียน Promise Academy Charter School ซึ่งเป็นโรงเรียนแรกที่นายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชม เป็นโครงการเพื่อให้เด็กในย่านฮาร์เล็ม ได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพสูง โดยใช้บุคลากรที่มีความสามารถและเอาใจใส่เด็กนักเรียน โดยนักเรียนจะได้รับประทานอาหารที่ประกอบอย่างสดใหม่และถูกสุขลักษณะทุกวัน และได้เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ทั้งทางวิชาการ และกิจกรรมเสริมอื่นๆ เช่น ดนตรี หมากรุก การถ่ายภาพ การออกแบบเว็บไซด์ โดยเน้นการสร้างสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัยและเอื้อต่อการเรียนการสอน และนับเป็นโครงการที่ประสบผลสำเร็จอย่างดี เนื่องจากนักเรียนชั้นประถม 3 ของโรงเรียน Promise แห่งที่ 2 ทั้งหมดได้คะแนนสูงกว่า หรือเท่ากับ คะแนนเฉลี่ยในการทดสอบวิชาคณิตศาสตร์ทั่วมลรัฐ เมื่อปี 2551
    ระหว่างการเยี่ยมชม นายกรัฐมนตรีได้พูดคุยกับผู้แทนระดับสูงจากทั้ง 3 หน่วยงาน และแสดงความชื่นชม Promise Academy Charter School ว่าเป็นตัวอย่างที่ดีของการนำเสนอการศึกษาที่มีคุณภาพสูงและครบถ้วนแก่เยาวชน พร้อมกับกล่าวถึงแนวทางของการประกันคุณภาพการศึกษาของเยาวชนไทย คือ การมอบ tablet เด็กนักเรียนในชั้น ป 1 ทั่วประเทศ เพื่อช่วยส่งเสริมการเรียนโดยการออกแบบการสอนแบบเฉพาะให้สอดคล้องหลักสูตรของระดับชั้น รวมถึง จะผลักดันให้มีการเปิดให้ใช้ wifi ทั่วประเทศโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพื่อให้เด็กทุกคนสามารถค้นคว้าหาความรู้ได้อย่างเสมอภาคและทั่วถึง ไม่เว้นแม้แต่เด็กที่มาจากครอบครัวที่มีรายได้ต่ำ
    นอกจากนี้ ประเทศไทยกำลังนำนโยบายด้านการศึกษาที่เด็กทุกคนต้องได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐาน 9 ปี และมีสิทธิที่จะได้รับการศึกษาถึง 12 ปี ภายใต้รัฐธรรมนูญ และยังมีนโยบายที่จะสนับสนุนให้มีการศึกษาเป็นระยะเวลา 15 ปีสำหรับทุกคน ตั้งแต่อนุบาลจนถึงระดับมัธยมปลายไม่ว่า จะมีสัญชาติใดก็ตาม
    สำหรับ Harlem Gems Pre-School เป็น 1 ใน 4 ของโครงการด้านเด็กปฐมวัยของ Harem Children Zone ซึ่งเป็นโรงเรียนอนุบาลที่เปิดให้บริการเต็มวัน ตั้งแต่ 08.00 - 18.00 น. ทำการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ สเปน และฝรั่งเศส โดยมีอัตราส่วนระหว่างเด็กนักเรียนต่อครูเท่ากับ 4:1 และสามารถรองรับนักเรียนได้ 200 คน

    "บุคคลที่ไม่ควรเอาเป็นตัวอย่าง"..อำมาตย์ ทำให้คนไทยเกลียดชังกันและฆ่ากันมานานแล้ว..เพราะความหลง ความโง่ ความไม่รู้ ถูกมอมเมามานาน..ให้เป็นทาสที่ไม่ยอมปลดปล่อยตัวเอง.... อำมาตย์ คือที่มาของปัญหาในสังคมไทย คนส่วนน้อยที่ออกมาต่อต้านคนที่คิดต่างจากพวกเขานั้น สาเหตุมาจากสังคมไทยขาดสิทธิเสรีภาพ ปิดหูปิดตาประชาชน สื่อสารมวลชนไม่ได้ทำหน้าที่ให้ข้อมูลข่าวสารที่เป็นจริง นอกจากนั้นโรงเรียน สถาบันการศึกษาไม่สอนให้คนรู้จักคิดมีแต่ฟังแล้วทำตามคำสั่ง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหน้ากองปราบฯแสดงให้เห็นถึงสภาพที่แท้จริงของสังคมไทยว่าไม่เคารพในสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล ไม่เคารพกฎหมาย เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นคู่กรณีมีแค่สองคน คนหนึ่งถูกกล่าวหาโดยไม่มีความผิดก็ต้องแจ้งความตามกฎหมายเพื่อป้องกันสิทธิของตัวเอง เรื่องไม่เกียวกับการรักสถาบันหรือไม่รักสถาบัน ที่พวกชนกลุ่มน้อยของสังคมพวกนี้จะต้องออกมาชูป้ายบังคับให้คนอื่นเห็นด้วยกับตนเอง นอกจากนี้คู่กรณีที่ด่าคุณดารณีมีอาชีพเป็นครูสอนหนังสือ ทำไมมาตรฐานความคิดการกระทำถึงต่ำกว่าชาวบ้านธรรมดาที่ได้รับการศึกษาเพียงอ่านออกเขียนได้หรือว่าคุณจิตผิดปกติเสียสติ.. ? อยากจะฝากไปถึงรัฐบาลไทยและผู้ดูแลเรื่องการศึกษา เป็นงานเร่งด่วนที่พวกท่านต้องแก้ไขปรับปรุงระบอบการศึกษา ยกระดับมาตรฐาณการศึกษาไทยเพื่อผลิตทรัพยากรมนุษย์ให้มีคุณภาพทัดเทียมนานาอารยะประเทศ......

    ขอขอบคูณ  ภาพและข่าวจาก  Thai -News

    http://www.youtube.com/watch?v=VWmxMGdFJlU&feature=player_embedded


    ครูสาวร่อนการ์ดระดมพล "ร่วมปกป้องสถาบัน อย่างปล่อยให้คนดีต้องต่อสู้อย่างเดียวดาย"


    Rose LoveJj Rose LoveJj
    กุหลาบ ปากซัน


    กุหลาบ ปากซัน

    ในสภาวะแห่งความร้อนแรงแห่งการปกป้องสถาบันฯ กันอย่างผิดๆ ไทยอีนิวส์ ขอนำเสนอขอเขียน "คำตอบ (โต้) กับคนรักสถาบันฯ จากคนรักประชาธิปไตย ของจรรยา ยิ้มประเสริฐ อีกครั้ง เพื่อช่วยการเตือนสติว่า การรักหรือไม่รักไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมาย และคนเราควรจะรักกันมากๆ
    ความรักในหลวง เป็นเรื่องน่ายินดี

    แต่ไม่ควรลุกมาทำร้ายคนอื่นที่คิดว่าไม่รักในหลวง หรือลุกมาคลุ้มคลั่งปลุกกระแส และป้อนข้อมูลเท็จ เพื่อนำพาประชาชนที่ไม่รู้ข้อเท็จจริง ออกมาปกป้องความผิดของตัวเองในนาม "ปกป้องสถาบันฯ"

    จนมันลุกลาม และกลายเป็นการปะทะ และทุบทำลายข้าวข้องหรือทำร้ายกันจนเจ็บจนตาย

    จอมโจรเผด็จการตาเดียว หัวหน้า อำมาตย์ ยอมตายคาบัลลังก์ นี่เป็นการดิ้นเฮือกสุดท้ายของปีศาจผีดิบจอมอำมหิตที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประเทศชาติและประชาชนไทยมาอย่างยาวนาน ก่อนจะตายก็ไม่วายที่จะแสดงสันดานความโหดเหี้ยมสั่งฆ่าประชาชนต่อไป ถ้าไม่สิ้นครอบครัวปีศาจนี้แล้วความหวังเรื่องประชาธิปไตยและ สิทธิ เสรีภาพ ของประชาชนก็คงอยู่อีกนาน .... เราต้องเตรียมพร้อมและสู้ต่อไปไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น... เรื่องเปลี่ยนรัชกาลเป็นเรื่องภายในของครอบครัวของคนตาบอดเอง ทำไมไม่จัดการให้มันเรียบร้อยก่อนตาย ทำไมต้องทำให้ประเทศชาติต้องแตกแยกเป็นสองฝักสองฝ่าย ตายแล้วทรัพย์สมบัติอันมหาศาลที่โกงมาจากหยาดเหงื่อแรงงานของชาวไทยนั้นเอาไปด้วยได้หรือเปล่า เมื่อร่างกายถูกไฟเผาก็เหลือเพียงแค่เศษธุรีแค่นั้นเองจะอะไรหนักหนา ...

    โดย ขุนเขาจากแดนไกล

    ขุนเขาบอก

    ยังเหยียบบ่าขี้ข้าหยัด………….

    กระไรหนากว่า 2 ปี แบ่งแยกสียังมีอยู่

    พวกของมึงพวกของกู ยังคงอยู่ครบสีสัน
    ยังมีเจ้ายังมีนาย ศพคนตายไม่สำคัญ
    ยังแบ่งชนยังแบ่งชั้น ยังกีดกั้นความเป็นไท

    ยังเหนื่อยหนักศักดินา ยังเหยียบบ่าขี้ข้าหยัด

    ก้อนเกลือเค็มยังโดนกัด เพื่อยืนหยัดอยู่ให้ไหว
    ความเป็นคนยังโดนคร่า ยังโหยหาประชาธิปไตย
    แม้นเบื้องฟ้าใกล้วิไล ความเป็นไทยังอีกนาน

    รัฐบาลถูกคานงัด โมเมนต์ดัดยังอัดใส่

    เสริมเหล็กอุดจุดประลัย รับไม่ไหวแรงมหาศาล
    เสารับคานสุดทานทน รับแรงคนสุดทนทาน
    แรงกดอัดรัฐบาล หวังหักหาญคานรับแรง

    แดงยังเขื่องเหลือยังแรง ยังขันแข่งยังแข็งขัน

    เตรียมกำลังตั้งประจัน ยังประชันยังขันแข็ง
    กลิ่นความตายยังอายหื่น กลิ่นดินปืนยังหื่นแรง
    ศักดินายังกล้าแกร่ง เหล่าไพร่แดงแรงฤทธิรณ

    กระไรหนอผู้ก่อการ ไยหักหาญก่อการร้าย

    นคราใหญ่ใกล้สลาย ยังไม่วายขยายผล
    ไม่หยุดยั้งยังสั่งการ ยังรุกรานประจานชน
    ไม้ใกล้ฝั่งยังสั่งคน ยังฆ่าคนยังปล้นไท

    ฟ้ายังคู่สุริยน แต่ชีพคนนั้นสั้นนัก

    ทำความดีให้จงหนัก เพื่อเก็บกักบุญไสว
    แก่ชรายามลาโลง ผลบุญคงนำพาไป
    หยุดเข่นฆ่าประชาธิปไตย ไทเป็นไทกันเสียที..........เมื่อไหร่หนอ....

    måndag 24 september 2012

    "ต่อมดัดจริต ของชาวประชาส่วนน้อยในประเทศนี้" ก่อนอื่นขอแสดงความชื่นชมยินดีในการมีประชาธิปไตยในเวปบ้านราษฎร์ การขอความเห็นจากเพื่อนสมาชิกและความคิดเห็นจากเพื่อนสมาชิกจะเป็นจุดสำคัญในการทำงานและแก้ปัญหาร่วมกัน นี่คือระบอบการทำงานที่ใช้ในประเทศประชาธิปไตยที่เขาเจริญแล้ว การต่อสู้เคลื่อนไหวของพวกคุณได้ขับเคลื่อนก้าวหน้าอย่างน่าภาคภูมิใจภายใต้ขอบเขตของกฎหมายประเทศตอแลแลนด์ การที่พวกคุณได้เสียสละทั้งกำลังกาย กำลังใจ กำลังทรัพย์ ออกมาช่วยเหลือเพื่อนร่วมชาติ เป็นการกระทำที่น่ายกย่อง "จงเดินหน้าก้าวต่อไป " ขณะนี้การต่อสู้ได้ยกระดับสูงขึ้น เป็นการใช้ข่าวสารความจริงจากอดีตจนถึงปัจจุบันทั้งในประเทศและต่างประเทศออกมาเผยแพร่ นำเสนอติดอาวุธทางปัญญาให้พี่น้องเพื่อนร่วมชาติของเราได้ตาสว่าง เพื่อให้ได้มาชึ่งความฝันอันสูงสุดคือ"ประชาธิปไตย"ที่แท้จริงมาสู่ปวงชนชาวไทย ขอส่งกำลังใจมาให้พวกคุณสมาชิกบ้านราษฎร์ จงแน่วแน่ มั่นคง ไม่ย่อท้อจับมือกันให้มั่น ร้อยใจเป็นหนึ่งเดียว...แล้วความสำเร็จจะเป็นของพวกเรา.......

    โดย   สายลมรัก

    ขอถามความเห็น สมาชิกบ้านราษฏร์ เรื่องทิศทางของการเคลื่อนไหว
    ผมเพิ่งจะเสร็จภารกิจ กลับจาก ตจว.เมื่อสักครู่ใหญ่ ๆ นี้ และสองวันจากนี้ชีพจรลงเท้า ไม่อยู่กรุงเทพอีกราว ๆ สองคืน

    ได้รับรู้กิจกรรม ภาคสนามโดยน้อง ๆ มาโดยตลอด

    น้องคนหนึ่ง ซึ่งผมมองไว้ (นานแล้ว) ว่าเขามีความคิดแหลมคมมากปรึกษากับผมเรื่อง อยากทำสกู๊ป วงดนตรีไฟเย็น ซึ่งผมเห็นฝีไม้ลายมือ บนเวทีเล็ก แล้ว การันตีได้เลยว่า "แซบ" โดยเฉพาะเพลง แดงล้มเจ้า

    และคงจะอาศัย เวปนี้เป็นสื่อกลางในการ โปรโมท วงดนตรีเพื่อประชาชนนี้ หลังจากไอ้เจ๊ทแม่หงา มันมีพฤติกรรมที่ผมแน่ใจได้ว่า แม่มเข้าป่าเพราะไม่รู้จะไปาแดกที่ไหน ไม่ได้มีอุดมการณ์อะไร จึงได้ย้ายจากซ้ายตกขอบ มาเป็นขวาคอเคล็ด ได้อย่างน่าอัศจรรย์

    หรือกล่าวง่าย ๆ ว่า "เรา" ไม่เคยมี วงดนตรีเพื่อชีวิตอย่างแท้จริง

    อีกประการหนึ่งที่ผมค่อนข้างหนักใจก็คือ ทีมภาคสนาม เอาเวปบอร์ดนี้ ลงไปคลุกกับ การเคลื่อนไหวที่ล่อแหลม ต่อต่อมดัดจริต ของชาวประชาส่วนหนึ่งในประเทศนี้

    ไม่ว่าการค่อย ๆ เผยตัวว่า ช่วยเหลือนักโทษทางการเมืองในคุก

    การช่วยเหลือผู้ต้องโทษจากคดี ๑๑๒

    หรือการเป็น ทีมสนับสนุน ให้กับ กลุ่มปฏิณญาหน้าศาล

    รวมตลอดไปถึง มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับนิติราษฏร์

    จนแนวโน้มมันค่อย ๆ ชี้ชัดว่า จากบอร์ดการเมืองธรรมดา อาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของใครก็ไม่รู้

    วันนี้ ผมใคร่ขอคำยืนยันจากมวลมหาสมาชิกว่า

    ยังคงเห็นด้วย ใช่ไหม กับการเคลื่อนไหวที่กำลังกระทำอยู่

    และ พร้อมจะเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็ก ให้กับ ทีมงานภาคสนามต่อไป ไม่ว่าวันข้างหน้า จะเกิดอะไรขึ้นหรือไม่

    ซึ่งนั่นหมายถึง เราจะต้องพึ่งพากันและกัน อีกยาวนาน จนกว่าจะได้ชัยชนะ

    ไม่ว่า จากสมอง กำลังกาย กำลังใจ กำลังทรัพย์

    และการเสียสละร่วมกันในทุกภาคส่วน....ของบ้านหลังนี้

    จึงเรียนมาเพื่อขอให้ยืนยันร่วมกันอีกครั้ง