" สถาบันพระมหากษัตริย์ ที่กำลังเสื่อมสุดฉุดไม่อยู่" นอกจากนั้นสถาบันพระมหากษัตริย์ยังเป็นสาเหตุทำให้สังคมไทยเสื่อมสุดฉุดไม่ อยู่เหมือนกัน สถาบันจะคงอยู่หรือเสื่อมสลายไปจากประเทศไทยก็ไม่เกียวข้องกับปากท้อง ประชาชน เพราะประชาชนต้องทำงานหาเลี้ยงตัวเองและครอบครัวเพื่อปัจจัยสี่ในการดำรงชีวิตคือ ที่อยู่อาศัย อาหาร เสื้อผ้า ยารักษาโรค นอกจากนี้ยังต้องการสิทธิเสรีภาพ ความเสมอภาพ ความยุติธรรมและประชาธิปไตยในสังคมไทย สถาบันกษัตริย์ไม่ได้ให้สิ่งเหล่านี้แก่คนในสังคม นอกจากนี้สถาบันกษัตริย์ยังเป็นกาฝากสังคมอยู่ด้วยเงินภาษีของประชาชนทั้งๆ ที่สถาบันกษัตริย์มีเงินมากมายมหาศาลและไม่เสียภาษี สถาบันกษัตริย์ยังเอื้อประโยชน์ให้แก่ข้าทาสพวกพ้องบริวาร ทหารขุนศึก อำมาตย์นายทุนที่รับใช้โกงกินจนร่ำรวยมหาศาล ส่วนประชาชนเพื่อให้ได้มาซึ่งปัจจัยสี่ คนในสังคมจะต้องดิ้นรนหาอาชีพ มีงานทำ ไม่ว่าจะอาชีพส่วนตัว อาชีพรับจ้าง ทำงานเอกชน หรือรับราชการ แต่ในสภาพสังคมไทยปัจจุบันคนส่วนมากในสังคมแทบจะไม่มีโอกาสได้ปัจจัยครบทั้งสี่อย่าง เพราะความเป็นอยู่ของคนในสังคมไทยมีความแตกต่างกันมาก คือมีคนจนด้อยโอกาสมากกว่าคนรวยที่เป็นพวกควบคุมเศรษฐกิจของประเทศ ในความเป็นจริงกิจการของพวกนายทุนจะอยู่ได้ก็ต้องอาศัยแรงงานผู้ด้อยโอกาส เป็นผู้ผลิตให้ ในประเทศที่เขาเจริญแล้วทั้งนายทุนและผู้ใช้แรงงานมีกฎหมายคุ้มครองไม่ให้ ขูดรีดเอารัดเอาเปรียบกัน ทุกคนต้องเสียภาษีทั้งนายทุนและผู้ใช้แรงงานตามอัตราที่กฎหามยกำหนดให้จ่าย เพื่อนำเงินภาษีมาพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ .....ท้ายนี้ฝากถึงคุณหมอตำแย ถ้าเราจะพูดแต่เรื่องของสถาบันกษัตริย์ เรื่องพวกคลั่งเจ้า เรื่องสีเหลืองสีแดง เรื่องแกนนำ พวกเราก็คงไปไม่ถึงดวงดาวและก็คงจะกลับไปยืนอยู่ที่จุดเดิมเหมือนอดีตที่ผ่านมา เราจะต้องพาพี่น้องร่วมชาติของเราก้าวให้พ้นจากเรื่องน้ำเน่าไร้สาระเหล่า นี้เสียที การติดตามข่าวสารหาความรู้มาแลกเปลี่ยนกันคงจะเป็นหนทางให้พวกเราไปถึงจุด หมายปลายทางที่วางไว้.....
โดย หมอตำแย
..... เมื่อมีการแบ่งชนชั้นสูง - ชนชั้นกลาง - ชนชั้นล่างและมีการแบ่ง"สีเหลือง"คือพวกที่ปกป้องสถาบันฯและพวกที่คลั่งสถาบันที่ปิดหูปิดตาตัวเองตลอดมา ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งก็คือ"สีแดง"ที่ยังแบ่งออกเป็น 2 ส่วนและทั้งสองส่วนนี้ทางสถาบันฯก็มีส่วนแบ่งฝ่ายเหลืองเป็นฝ่าย"เจ้า"และฝ่าย"แดง"คือฝ่ายไพร่คือ
1. ฝ่าย"แดงล้มเจ้า"ก็คือไม่เอาเจ้าเพราะเจ้าเล่นการเมืองและเจ้าใช้"กองทัพและศาล"เป็นเครื่องมือในการฆ่าฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยตลอดมา
2. ฝ่าย"แดงเอาเจ้า"เพราะคิดว่าอีกไม่นานเจ้าก็ไปแล้ว"แดง"พวกนี้จึงยอมฟังเสียงของ"แกนนำ"ว่าจะออคำสั่งมาอย่างไรก็ยอมทำตามกัน
------ ทั้งสองแดงนี้เรียกว่า"แดงตาสว่าง"ที่มีสติทำให้เกิดปัญญา -----
..... อย่างกรณีที่คุณครูเหลือง"มนัสนันท์ หนูคำ"ได้ไปด่าคุณ"ดารุณี กฤตบุญญาลัย"ที่นึกว่าเป็นคุณ"ดา ตอปิโด"นั้นไม่ใช่ไม่รู้เพราะทีวีออกข่าวมาเป็นปีๆจะปฎิเสธว่าไม่เคยเห็นทั้งสองคนนั้นไม่ได้เพราะ"ครูเหลือง"มีอายุสูงเกินแกงแล้วและถ้าเป็นครูปัญญาอ่อนทางโรงเรียนก็คงจะไม่ยอมให้มาสอนเด็กอย่างแน่นอน เพราะจะทำให้เด็กปัญญาอ่อนตามไปด้วยและเรื่องนี้ ฝ่ายเจ้าได้จัดฉากเตรียมแผนเอาไว้นานแล้วเพียงรอจังหวะเข้าก็จะจัดการทันที เพื่อจะเป็น"น้ำผึ้งหยดเดียว"อันจะเป็นพาหะนำไปสู่เรื่องใหญ่ได้โดยง่าย
..... ณ.ที่กองปราบพวก"คลั่งเจ้า"ที่ชอบแอบอ้างตัวว่าปกป้องสถาบันฯยกพวกมาประมาณ 600 คน ส่วนพวกคน"เสื้อแดง"ที่มาให้กำลังใจคุณ"ดารุณี"มีมาประมาณ 100 คน พอพวก"คลั่งเจ้า"เห็นคน"เสื้อแดง"มาน้อยกว่าจึงกล้าออกมาทำร้ายคน"เสื้อแดง"อย่างรุนแรงและมีชายผู้สูงอายุคนหนึ่งที่สวมเสื้อ"ทรงพระเจริญ"ได้ใช้ไม้ไป
ตีกระจกรถวิทยุมวลชนลำลูกกาจนแตก ดังนั้นเราจึงจะเห็นได้ว่าพวกที่"คลั่งเจ้า"ทั้งหลายมีคนหนุนอยู่เบื่องหลังอย่างแน่นอนและคงจะไม่ใช่ใครอื่นนอกเสียจากพวกที่ได้รับ"ไฟเขียว"มาจากฝ่าย"เจ้า"นั่นเอง
..... ในกลุ่มแกะดำย่อมจะมีแกะขาวเป็นธรรมดา วานนี้ได้เห็นและได้ยินมากับหูจาก"นักรบศรีวิชัย"คนหนึ่งที่เสียบธงอยู่ที่หลังถึง3 อันได้บ่งบอกสังกัดว่ามาจากฝ่าย"เจ้า"เห็นพวกตัวเองกำลังใช้ไม้ตีรถอยู่จึงตระโกนขึ้น
ว่า"หยุดนะ"พวกเราอย่าทำอย่างนี้ผมไม่ชอบ ถ้าทำผมจะกลับซึ่งทำให้หลายคนไม่พอใจในคำพูดจึงเกิดชุลมุนกันขึ้น ทาง"แกนนำแดง"จึงรีบโทรไปยัง"โปรดิวเซ่อร์"ให้รีบตัดรายการเสนอข่าวออกไปในทันทีเพราะถ้ามีข่าวต่อไปอีกไม่นาน "กองทัพแดง" คงจะแห่กันออกมาเป็นพันเป็นหมื่นอย่างแน่นอนและเมื่อเกิดการประทะกันเมื่อไหร่ก็บอกได้เลยว่าเข้าทาง"เจ้า"ทันทีเพราะ"กองทัพทหาร"ได้เตรียมพร้อมเอาไว้แล้วที่จะออกมายึดอำนาจไปจากประชาชนเมื่อมีเหตุการณ์ที่รุนแรงเกิดขึ้น
..... หลายครั้งหลายคราที่มีพวกที่ชอบอ้างตัวว่าเป็นผู้ปกป้องสถาบัน"พระมหากษัตริย์"เพราะเห็นว่าขณะนี้
สถาบันฯได้ตกต่ำลงมามากแล้วนั้นไม่ใช่"คนเสื้อแดง"ทำลายสถาบันฯ แต่คนที่ทำลายสถาบันฯตัวจริงก็คือตัว"เจ้า"และบริวารรอบข้างที่ลงมาเล่น"การเมือง"นั่นแหละเป็นผู้ทำลายตัวเองเพราะขนาดมีม.112ก็ใช่ว่าจะกลัวทุกคนไปและวันนี้"ศาล"ที่เป็น"สมุนเจ้า"ก็ได้มีคำพิพากษาออกมาว่า"สนธิ์ ลิ้มทองกุล"ที่ได้เอาคำของคุณ"ดา ตอปิโด"ที่พูดไปแล้ว"หมิ่น"ไปพูดต่อที่สะพานมัฆวานรังสรรค์เมื่อวันที่ 20 ก.ค 2551 นั้นไม่มีความผิด....
ขอถามว่ามีใครที่เชื่อขบวนการ"ยุติธรรม" ที่เป็นตัวแทนของ"พระมหากษัตริย์" ที่ได้ตัดสินมาแล้วหลายครั้งและรวมทั้งครั้งนี้ด้วยว่าเป็นการตัดสินที่"ยุติธรรม"บ้าง....??????
..... ถ้าวงจรอุบาทยังหมุนเวี่ยนเปลี่ยนไปในระบอบเดิมๆ ต่อให้ประชาชนค่อนประเทศออกมาปกป้องสถาบันอย่าง ไรก็คงจะปกป้องสถาบันฯที่เสื่อมลงทุกวันนั้นไม่มีทางได้เพราะตราบใดที่ ฝ่าย"เจ้า"ยังมีจุดยืนและส่งเสริมพวกที่ชอบทำผิด-ทำชั่วและไม่ยอมปรับสถาน ตัวเองให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันก็เชื่อเหลือเกินว่า
---------- สถาบันพระมหากษัตริย์ ที่กำลังเสื่อมสุดฉุดไม่อยู่อย่างแน่นอน ----------
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar