onsdag 12 juni 2013

.....ข่าวจากต่างประเทศ.....

BY   POMHARLOT





มีการประชุมสมัชชาสงฆ์ระหว่างวันที่ 6-8 มิถุนายน 2013
นายกทักษิณ นิมนต์พระวิเทศรังสี เจ้าอาวาสวัดไทยกรุงวอชิงตัน ดีซี
ไปโรงแรมที่พัก (แฟร์มอนท์ โฮเทล วอชิงตัน ดีซี)
มีคณะสงฆ์ติดตามไปด้วยอีกหลายรูป

ขอคุยต่อเรื่องนิวยอร์คครับ
ผมก็อยากจะเล่าอดีต ประมาณปี 2534 ตอนนั้นผมเริ่มมีเงินฝากธนาคารเป็นของครอบครัวไม่น้อยกว่า 2,000 ล้านบาทหลังจากเอาหุ้นบริษัทชินวัตร (Shin Corporation) เข้าตลาดได้ปีเศษ ก็เลยอยากจะรู้ว่าคนรวยเขาใช้เงินกันอย่างไรก็เลยมาเที่ยวนิวยอร์ค พกเงินสด (สมัยก่อนไม่ห้าม) เป็นเงินสหรัฐ 100,000 เหรียญก็ประมาณ 3,000,000 บาท โดยอยากรู้ว่า จะขอใช้ให้หมดภายในวันเดียวซิ จะรู้สึกอย่างไร เพราะผมไม่ชอบเล่นการพนันและใจไม่ถึง
ผมพกเป็นเงินสดเดินอยู่บนถนน 5th Avenue ซึ่งเป็นถนนที่มีร้านแพงของโลกอยู่เต็ม 2 ข้างทาง ผมเดินตั้งแต่เช้ายันเย็น จากร้านเปิดจนร้านปิด ก็เพื่อตั้งใจที่จะใช้ให้หมดทั้ง 100,000 เหรียญ โดยทำตัวให้ฟุ่มเฟือยสุดๆ แต่ในที่สุดไปเห็นอะไรก็มีแล้ว จะซื้อฝากลูกเมียก็ซื้อได้ไม่กี่อย่าง เพราะไม่รู้จะซื้ออะไรในที่สุดก็ใช้เงินไปประมาณ 30,000 กว่าเหรียญ ก็ประมาณ 1 ล้านบาทเท่ากับ 1 ใน 3 เท่านั้น

ที่ผมเล่าให้ฟังเพราะมันเป็นความทรงจำที่มานิวยอร์คว่าอยากจะทำตัวบ้าๆเหมือนคนที่เขารวยมากๆ เพราะตอนนั้นถือว่าผมเป็นเศรษฐีใหม่ ในที่สุดก็ให้คำตอบกับตัวเองว่า ถ้าเราไม่เสียสติ เงินทองมีมากก็แค่นั้น เพราะวันๆไม่ได้ใช้อะไร ยิ่งถ้าเป็นคนทำงานแล้วยิ่งไม่รู้จะใช้ทำอะไร ความโลภจึงไมใช่สิ่งที่ดี การหาเงินของคนทำธุรกิจมันก็เป็นเพียงการขยายกิจการเพื่อรักษาสถานภาพขององค์กรและของพนักงานที่ต้องรับผิดชอบ 

ชีวิตผมมันเคยเห็นนรกและสวรรค์ในชาติเดียวกันมา 2 รอบแล้ว เคยลำบากทางการเงินขนาดต้องขึ้นศาลผลัดหนี้มาจนมีเงินหลายหมื่นล้านบาท และเคยเป็นนายกรัฐมนตรีจากการชนะการเลือกตั้ง มาจนถึงต้องมาลี้ภัยอยู่ต่างประเทศเพราะถูกทหารทำรัฐประหาร ก็เลยเข้าใจสัจธรรมของชีวิตดีและอยากเอาประสบการณ์มาเล่าให้ท่านทั้งหลายฟังเพื่อจะได้เป็นประโยชน์ในการบริหารชีวิตของแต่ละท่านครับ
ขอคุยต่อเรื่องนิวยอร์คครับ</p>
<p>ผมก็อยากจะเล่าอดีต ประมาณปี 2534 ตอนนั้นผมเริ่มมีเงินฝากธนาคารเป็นของครอบครัวไม่น้อยกว่า 2,000 ล้านบาทหลังจากเอาหุ้นบริษัทชินวัตร (Shin Corporation) เข้าตลาดได้ปีเศษ ก็เลยอยากจะรู้ว่าคนรวยเขาใช้เงินกันอย่างไรก็เลยมาเที่ยวนิวยอร์ค พกเงินสด (สมัยก่อนไม่ห้าม) เป็นเงินสหรัฐ 100,000 เหรียญก็ประมาณ 3,000,000 บาท โดยอยากรู้ว่า จะขอใช้ให้หมดภายในวันเดียวซิ จะรู้สึกอย่างไร เพราะผมไม่ชอบเล่นการพนันและใจไม่ถึง</p>
<p>ผมพกเป็นเงินสดเดินอยู่บนถนน 5th Avenue ซึ่งเป็นถนนที่มีร้านแพงของโลกอยู่เต็ม 2 ข้างทาง ผมเดินตั้งแต่เช้ายันเย็น จากร้านเปิดจนร้านปิด ก็เพื่อตั้งใจที่จะใช้ให้หมดทั้ง 100,000 เหรียญ โดยทำตัวให้ฟุ่มเฟือยสุดๆ แต่ในที่สุดไปเห็นอะไรก็มีแล้ว จะซื้อฝากลูกเมียก็ซื้อได้ไม่กี่อย่าง เพราะไม่รู้จะซื้ออะไรในที่สุดก็ใช้เงินไปประมาณ 30,000 กว่าเหรียญ ก็ประมาณ 1 ล้านบาทเท่ากับ 1 ใน 3 เท่านั้น</p>
<p>ที่ผมเล่าให้ฟังเพราะมันเป็นความทรงจำที่มานิวยอร์คว่าอยากจะทำตัวบ้าๆเหมือนคนที่เขารวยมากๆ เพราะตอนนั้นถือว่าผมเป็นเศรษฐีใหม่ ในที่สุดก็ให้คำตอบกับตัวเองว่า ถ้าเราไม่เสียสติ เงินทองมีมากก็แค่นั้น เพราะวันๆไม่ได้ใช้อะไร ยิ่งถ้าเป็นคนทำงานแล้วยิ่งไม่รู้จะใช้ทำอะไร ความโลภจึงไมใช่สิ่งที่ดี การหาเงินของคนทำธุรกิจมันก็เป็นเพียงการขยายกิจการเพื่อรักษาสถานภาพขององค์กรและของพนักงานที่ต้องรับผิดชอบ </p>
<p>ชีวิตผมมันเคยเห็นนรกและสวรรค์ในชาติเดียวกันมา 2 รอบแล้ว เคยลำบากทางการเงินขนาดต้องขึ้นศาลผลัดหนี้มาจนมีเงินหลายหมื่นล้านบาท และเคยเป็นนายกรัฐมนตรีจากการชนะการเลือกตั้ง มาจนถึงต้องมาลี้ภัยอยู่ต่างประเทศเพราะถูกทหารทำรัฐประหาร ก็เลยเข้าใจสัจธรรมของชีวิตดีและอยากเอาประสบการณ์มาเล่าให้ท่านทั้งหลายฟังเพื่อจะได้เป็นประโยชน์ในการบริหารชีวิตของแต่ละท่านครับ

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar