เรื่องสืบเนื่องจากคำพูด บก.ลายจุด
จากหลายแง่คิดมุมมอง
จากหลายแง่คิดมุมมอง
โดย ปูนนก
เมื่อ เสาร์, 22/06/2013 - 03:31
เมื่อ เสาร์, 22/06/2013 - 03:31
ความปรารถนาดี, สิ่งดี, ที่จะพูด หรือมอบให้กับใคร ก็ต้องดูเวลา และกาลเทศะด้วยครับ แม้คุณสมบัติ บุญงามอนงค์ จะปรารถนาดีมีความคิดที่ดีต่อแนวทางในระบอบประชาธิปไตย ต้องการให้ประชาธิปไตยถูกพัฒนาไปเป็นรูปแบบตามความต้องการจริงๆ ของมวลชนก็ตาม แต่การนำเสนอของคุณสมบัติ กำลังพูดถึงเป้าหมายที่อยู่ในบันไดขั้นที่ 10 ขณะที่มวลชนหรือแนวทางประชาธิปไตยของคนไทยยังก้าวไปได้แค่บันไดขั้นที่ 5 เท่านั้น ซึ่งการพูดหรือแนะนำเช่นนี้แม้จะเป็นสิ่งที่ดี แต่เมื่อไม่ถูกเวลาก็กลายเป็นการทำร้ายคนพวกเดียวกันเอง
ผมเชื่อว่าท่านอดีตนายกทักษิณ คงจะไม่อยู่ในวังวนของการเมืองไปตลอดชีวิตเหมือน เปรมิกา หรือ นกแสก หรอกครับ เมื่อถึงเวลาหนึ่งที่การเมืองเป็นไปในแนวทางประชาธิปไตยอย่างเต็มที่แล้ว ท่านก็คงจะวางมือและมีชีวิตอยู่อย่างสงบๆ สบายๆ เหมือน เนลสัน แมนเดลล่า มากกว่า เป็นสุขกว่ากันเยอะ แต่ที่แน่ๆ การที่คุณสมบัติ บุญงามอนงค์ พูดออกมาได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า อยากถามคุณทักษิณว่า "คิดว่าจะยุติทางการเมืองไหม เลิกเล่นการเมืองได้ไหม สไกป์ทำไม" คำกล่าวนี้ (ในเวลานี้) คือ
การทำลายการต่อสู้ของประชาชนเพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตยครับ เพราะท่านนายกทักษิณ คือหัวขบวนในการต่อสู้เวลานี้ ไม่มีใครที่เป็นจุดศูนย์รวมใจเพื่อให้ประชาชนมีกำลังในการต่อสู้กับเผด็จการอมาตย์ได้มากเท่า ท่านอดีตนายกทักษิณ หรือพูดอีกนัยหนึ่งก็คือ ท่านคือแม่ทัพฝ่ายประชาธิปไตยเวลานี้ และไม่มีใครต้องการทำลายแม่ทัพในยามศึก เพราะนั่นคือ การกระทำของฝ่ายศัตรู เท่านั้นเองครับ
และที่สำคัญที่ไม่ควรมองข้ามอย่างเด็ดขาดก็คือ การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่กำลังเข้มข้น และรุนแรงอยู่ในเวลานี้ ไม่ใช่การต่อสู้กันระหว่างท่านอดีตนายกทักษิณ ฝ่ายพรรคเพื่อไทย กับอดีตนายกอภิสิทธิ์ ฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์ เท่านั้น (ซึ่งถ้าคุณสมบัติ บุญงามอนงค์ เข้าใจว่าคู่ต่อสู้กันคือ 2 ท่านนี้แล้วทุกอย่างจบ ก็แสดงว่าคุณสมบัติ อ่อนด้อยทางการเมืองอย่างมาก ซึ่่งไม่น่าเป็นไปได้)
คุณสมบัติ บุญงามอนงค์ ลองพูดประโยคเดียวกันกับที่ต้องการพูดกับท่านอดีตนายกทักษิณ กับผู้นำของฝ่ายขั้วอำนาจเผด็จการอมาตย์ดูซิครับ ไม่ว่าจะเป็น นกแสก, เปรมิกา, ไอ้แอ๊ด เขายายเที่ยง หรือ คนอื่นๆ ที่อยู่ในเครือข่ายเดียวกัน แล้วคาดหวังว่าจะทำให้ พรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคของมวลชนดูบ้าง ลองดูซิครับว่าจะได้รับคำตอบกลับมาอย่างไร
เหนื่อยนักก็พักบ้างก็ได้ครับ ไม่พูด, ไม่คิด, ไม่เขียน เสียบ้าง ไม่มีใครเขาว่าเป็นคนโง่หรอกครับ
by ลมหนาว ดาวเหนือ
ผมยังเชื่อมั่นในตัวคุณหนูหริ่งครับ และยังมั่นใจว่าคุณหนูหริ่งมีคุณค่าต่อฝ่ายขบวนการ ปชต. อย่างมาก
เพียงแต่บางมุมมองที่มีต่อบางเรื่องอาจแตกต่างกันไปบ้าง ซึ่งก็น่าจะเป็นเรื่องธรรมดาและเป็นเรื่องที่ดีแล้วที่จะได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน
เพื่อนำไปสู่การตกผลึกในเป้าหมายที่ดีงามและถูกต้องของพวกเราร่วมกัน
มากกว่าจะเป็นเรื่องของการโกรธเกลียดชิงชังคั่งแค้นต่อกัน และผลักไสไล่ส่งให้ถอยห่างกันและกันออกไปนะครับ
ส่วนใหญ่ผมชอบแนวคิดของคุณหนูหริ่งเกือบทุกเรื่องและมักเห็นด้วยคล้อยตามอยู่เสมอ
แต่บางเรื่อง อย่างเรื่องที่คุณหนูหริ่งให้สัมภาษณ์กรณี "ทักษิณ" ล่าสุด ผมมีความเห็นว่า
แนวคิดแบบเคยชินกับ "กรอบ" เดิม ๆ ที่มีต่อ "ทักษิณ" และระบอบการเมืองไทยแบบเดิม ๆ ไม่ว่าของฝ่ายตรงข้าม หรือฝ่ายคุณหนูหริ่ง
โดยความเห็นส่วนตัว ผมเห็นว่า.. อาจตามไม่ทันกับความเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยในยุคสมัยตั้งแต่มีรัฐบาลไทยรักไทย
และมีนายกฯชื่อ "ทักษิณ ชินวัตร" เรื่อยมาจนถึงหลังรัฐประหาร 19 กันยา 49 และต่อมาจวบจนถึงปัจจุบัน
และ ดังนั้น จึงอาจนำมาใช้สรุปด้วยความมั่นใจในฐานความรู้ และฐานความคิด ฐานความเชื่อเดิมของตน..ของคุณหนูหริ่ง..ฯลฯ
ได้อย่างไม่สอดคล้องกับสภาวการณ์ความเป็นจริงเท่าไรนัก และบางครั้งอาจถึงขั้นสรุปและประเมินเรื่องนี้อย่าง "ผิดพลาด" ได้
ความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมของไทยในยุคสมัยตั้งแต่มีรัฐบาลนายกฯทักษิณ ชินวัตร จนถึงรัฐประหาร 19 กันยา 49
และหลังจากนั้นจนถึงปัจจุบัน ต้องถือว่าเปลี่ยนไปชนิดไม่ใช่แค่ผิวเผิน แต่ลงลึกถึงระดับโครงสร้างการปกครองของประเทศอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
และยังก่อให้เกิดการกระเพื่อมสั่นสะเทือนของโครงสร้างอำนาจของประเทศในแทบทุกด้าน ทั้งโครงสร้างอำนาจทางทหาร การเมือง สังคม และเศรษฐกิจ
ที่โครงสร้างฐานอำนาจเดิม (ซึ่งยึดมาจาก อ.ปรีดี) ถูกเขย่าบัลลังก์และถูกแย่งกลับไปสู่ราษฎรได้หลายส่วน
แม้ยังไม่ได้ทั้งหมด แต่ก็ไม่เคยมีมาก่อนนับแต่กลุ่มขุนศึกร่วมกับศักดินายึดอำนาจมาจาก อ.ปรีดี ได้
สำหรับผมแล้ว นายกฯทักษิณ ไม่ได้มีคุณูปการต่อประเทศนี้ในแง่โครงการต่าง ๆ เพื่อชาวรากหญ้าที่ทุกคนรู้จักและยอมรับกันเท่านั้น
แต่ที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น เป็นเพราะท่านเป็นคนแรกที่เข้ามาทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอำนาจที่แท้จริงของประเทศ
และนำกลับไปสู่ประชาชนเจ้าของประเทศที่แท้จริง
ซึ่งจะเป็นปฐมบทของการนำประเทศออกจากอำนาจโบราณที่ปกครองประเทศอยู่หลังฉากไปสู่การเป็นประชาธิปไตยแท้จริงในอนาคตในที่สุดได้
(แม้จะรู้กันดีว่า จริงๆแล้วคนอย่าง "ทักษิณ" ไม่ได้มีความคิดจะไปชนกับเจ้าของอำนาจโบราณเดิมเพื่อยื้อแย่งอะไร ออกจะภักดีอย่างมากด้วยซ้ำ)
ถ้าคิดแบบ อ.สุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ (ดูจากคลิปต่างๆ ก่อนถูกจับคุมขัง) ก็จะตรงข้ามกับของคุณหนูหริ่ง
อ.สุรชัยเสนอแนวคิดโดยกล่าวในทำนองนี้ว่า...
"คนที่อำมาตย์ศักดินากลัวที่สุดก็คือ 'ทักษิณ'
ดังนั้น ยุทธศาสตร์ที่ดีที่สุดของฝ่ายเราก็ต้องเอา 'ทักษิณ' ไปสู้กับมัน...
และการไม่เอา 'ทักษิณ' ก็คือ การเข้าทางมัน..
พวกอำมาตย์ พวกเสื้อเหลือง พวกประชาธิปัตย์ มันพยายามบอกว่า
'ทักษิณ' คือจุดอ่อนของพวกเรา...
ก็แล้วถ้าคิดว่าเป็นจุดอ่อน แล้วมาบอกพวกเราทำไม
เก็บเงียบไว้ก็จะยิ่งดีต่อชัยชนะของฝ่ายตัวเองไม่ใช่หรือ ?....
มันหวังดี หรือ มันจะมาหลอกพวกเรากันแน่"
(เดี๋ยวนี้ ผ่านมาหลายปี ไม่รู้ อ.สุรชัย เปลี่ยนความคิดในประเด็นนี้หรือยัง ? เพราะไม่มีโอกาสรับฟังแนวคิดล่าสุดของอาจารย์เลย)
ถ้าคิดแบบไสยศาสตร์อย่างผม ก็ต้องบอกว่า นาน ๆ ที หรือ นับร้อยปี ถึงจะมี "คนพิเศษ" แบบนี้ ("ทักษิณ") ขึ้นมาคนหนึ่ง
ที่มาก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่และรุนแรงชนิดที่ไม่ใช่ใคร ๆ ก็จะทำได้
เพราะขนาดตระกูล "กิตติขจร" และ "จารุเสถียร" ที่ครองอำนาจการปกครองทุกด้านมายาวนานนับสิบ ๆ ปี นานกว่า "ทักษิณ" เยอะ
และข้อสำคัญกุมอำนาจทางการทหารสมัยนั้นไว้ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด (ซึ่งตั้งแต่เป็นนายกฯมา "ทักษิณ" ไม่มีอำนาจทางทหารเหมือน "ถนอม-ประภาส")
ก็ยังถูกโค่นล้มจากกลุ่มอำมาตย์-ศักดินาอำนาจโบราณจนไม่เหลือหลอ และไม่อยู่ในความทรงจำของประชาชนในยุคหลังอีกเลย
ตรงข้ามกับตระกูล "ชินวัตร" ที่พยายามโค่นแล้วโค่นอีก ก็ยังอยู่หยัดยืนให้เห็น โดยประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่ลืม "ทักษิณ" เหมือนลืม "ถนอม-ประภาส" แม้จนกระทั่งทุกวันนี้
และนอกจากไม่ถูกโค่นล้มแล้ว ก็ยังสร้างความเปลี่ยนแปลงถึงขั้นทำลายหรือกัดเซาะรากฐานโครงสร้างอำนาจเดิมไปทุกวัน
อย่างโครงการจำนำข้าว นี่ก็กำลังทำลายโครงสร้างฐานอำนาจเดิมทางเศรษฐกิจไปอย่างที่ทั้ง 2 ฝ่าย ก็อาจไม่คิดและไม่รู้ตัวมาก่อน
แต่ผลที่เกิดขึ้น (หลายปรากฎการณ์) มันเป็นไปเช่นนั้นแล้วจริง ๆ
ดังนั้น ถ้าเอาตามความคิดของคุณหนูหริ่งอย่างสุดขั้วในเรื่องให้นายกฯทักษิณออกไปจากถนนสายการเมืองนี้เลย
ก็จะน่าเสียดายกับอนาคตของการเปลี่ยน "โครงสร้าง" ในประเทศนี้มากเลยครับ
และความคิดของคุณหนูหริ่งต่อเรื่องนี้ที่เห็นแต่ด้านประโยชน์จากการให้ "ทักษิณ" หยุดเล่นการเมืองแต่เพียงมิติเดียวอย่างสุดโต่ง
โดยลืมคิดชั่งน้ำหนักถึงผลดี-ผลเสียของการให้ "ทักษิณ" หยุด..อย่างครบถ้วนรอบด้านเสียก่อนนั้น..
นอกจากอาจไม่เกิดผลดีจริงต่อการต่อสู้เพื่อ ปชต. แท้จริงแล้ว
ก็อาจยังส่งผลไปเป็นการทำร้ายจิตใจ ทำร้ายความหวังของชาวบ้านคนรากหญ้าอย่างมากชนิดที่คุณหนูหริ่งอาจนึกไม่ถึงเลยทีเดียว..
อยากให้คุณหนูหริ่งลองไปสัมผัสดูของจริงในพื้นที่ด้วยตัวเองครับ
....................................................................
การเมืองPolitical
การเมืองคือ กระบวนการและวิธีการที่จะนำไปสู่การตัดสินใจของกลุ่มคน การเมืองสามารถเกิดขึ้นได้ทั่วไปในทุกกลุ่มคนในสังคมที่อยู่ร่วมกัน พูดง่ายๆให้เข้าใจการเมืองคือการปันผลประโยชน์ที่คนในสังคมได้รับว่า "ใครจะได้อะไร เมื่อใดและอย่างไร"
อะไร? คือปัจจัยที่จะตัดสินปัญหาของสังคมคือ เรื่องปากท้อง(ปัจจัยสี่)ความเป็นอยู่ของคนในสังคมเป็นสิ่งตัดสิน หรือเรียกว่าเศรษฐกิจเป็นผู้ตัดสินสังคม เมื่อมีการแบ่งผลประโยชน์ ให้คนในสังคมได้รับไม่เท่าเทียมกัน ความขัดแย้งในสังคมจึงเกิดขึ้น จึงมีการแบ่งกลุ่มแบ่งชนชั้น
ผู้ได้เปรียบคือ"นายทุนผูกขาด"ที่สามารถขูดรีดเอาจากชนชั้นอีกกลุ่มหนึ่งในสังคม นี่คือสาเหตุที่จะต้องมีตัวแทนของแต่ละชนชั้นขึ้นมาเพื่อรักษาผลประโยชน์ของกลุ่มตนเอง
ดังนั้นการเมืองจึงเป็นเรื่องผลประโยชน์ เพื่อการดำรงชีพของคนกลุ่มคนในสังคมทุกชนชั้น ที่จะต้องมีการร่วมกันตัดสินใจ ไม่ใช่กลุ่มชนชั้นเดียวตัดสินใจให้คนทั้งประเทศ
การเมืองเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับชีวิตของคนในสังคมทุกคนไม่ว่าจะมีอาชีพอะไร จะเล่นการเมืองหรือไม่เล่นการเมือง ก็ต้องเรียนรู้สนใจเรื่องการเมือง ติดตามข่าวคราวทางการเมือง แลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางการเมือง เพื่อสิทธิและหน้าที่ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของทุกคนในสังคมจะพึงกระทำได้.
ด้วยความปรารถนาดี
ราษฎรตาสว่าง
๒๓ มิ.ย. ๒๕๕๖
ที่มาก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่และรุนแรงชนิดที่ไม่ใช่ใคร ๆ ก็จะทำได้
เพราะขนาดตระกูล "กิตติขจร" และ "จารุเสถียร" ที่ครองอำนาจการปกครองทุกด้านมายาวนานนับสิบ ๆ ปี นานกว่า "ทักษิณ" เยอะ
และข้อสำคัญกุมอำนาจทางการทหารสมัยนั้นไว้ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด (ซึ่งตั้งแต่เป็นนายกฯมา "ทักษิณ" ไม่มีอำนาจทางทหารเหมือน "ถนอม-ประภาส")
ก็ยังถูกโค่นล้มจากกลุ่มอำมาตย์-ศักดินาอำนาจโบราณจนไม่เหลือหลอ และไม่อยู่ในความทรงจำของประชาชนในยุคหลังอีกเลย
ตรงข้ามกับตระกูล "ชินวัตร" ที่พยายามโค่นแล้วโค่นอีก ก็ยังอยู่หยัดยืนให้เห็น โดยประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่ลืม "ทักษิณ" เหมือนลืม "ถนอม-ประภาส" แม้จนกระทั่งทุกวันนี้
และนอกจากไม่ถูกโค่นล้มแล้ว ก็ยังสร้างความเปลี่ยนแปลงถึงขั้นทำลายหรือกัดเซาะรากฐานโครงสร้างอำนาจเดิมไปทุกวัน
อย่างโครงการจำนำข้าว นี่ก็กำลังทำลายโครงสร้างฐานอำนาจเดิมทางเศรษฐกิจไปอย่างที่ทั้ง 2 ฝ่าย ก็อาจไม่คิดและไม่รู้ตัวมาก่อน
แต่ผลที่เกิดขึ้น (หลายปรากฎการณ์) มันเป็นไปเช่นนั้นแล้วจริง ๆ
ดังนั้น ถ้าเอาตามความคิดของคุณหนูหริ่งอย่างสุดขั้วในเรื่องให้นายกฯทักษิณออกไปจากถนนสายการเมืองนี้เลย
ก็จะน่าเสียดายกับอนาคตของการเปลี่ยน "โครงสร้าง" ในประเทศนี้มากเลยครับ
และความคิดของคุณหนูหริ่งต่อเรื่องนี้ที่เห็นแต่ด้านประโยชน์จากการให้ "ทักษิณ" หยุดเล่นการเมืองแต่เพียงมิติเดียวอย่างสุดโต่ง
โดยลืมคิดชั่งน้ำหนักถึงผลดี-ผลเสียของการให้ "ทักษิณ" หยุด..อย่างครบถ้วนรอบด้านเสียก่อนนั้น..
นอกจากอาจไม่เกิดผลดีจริงต่อการต่อสู้เพื่อ ปชต. แท้จริงแล้ว
ก็อาจยังส่งผลไปเป็นการทำร้ายจิตใจ ทำร้ายความหวังของชาวบ้านคนรากหญ้าอย่างมากชนิดที่คุณหนูหริ่งอาจนึกไม่ถึงเลยทีเดียว..
อยากให้คุณหนูหริ่งลองไปสัมผัสดูของจริงในพื้นที่ด้วยตัวเองครับ
....................................................................
การเมืองPolitical
การเมืองคือ กระบวนการและวิธีการที่จะนำไปสู่การตัดสินใจของกลุ่มคน การเมืองสามารถเกิดขึ้นได้ทั่วไปในทุกกลุ่มคนในสังคมที่อยู่ร่วมกัน พูดง่ายๆให้เข้าใจการเมืองคือการปันผลประโยชน์ที่คนในสังคมได้รับว่า "ใครจะได้อะไร เมื่อใดและอย่างไร"
อะไร? คือปัจจัยที่จะตัดสินปัญหาของสังคมคือ เรื่องปากท้อง(ปัจจัยสี่)ความเป็นอยู่ของคนในสังคมเป็นสิ่งตัดสิน หรือเรียกว่าเศรษฐกิจเป็นผู้ตัดสินสังคม เมื่อมีการแบ่งผลประโยชน์ ให้คนในสังคมได้รับไม่เท่าเทียมกัน ความขัดแย้งในสังคมจึงเกิดขึ้น จึงมีการแบ่งกลุ่มแบ่งชนชั้น
ผู้ได้เปรียบคือ"นายทุนผูกขาด"ที่สามารถขูดรีดเอาจากชนชั้นอีกกลุ่มหนึ่งในสังคม นี่คือสาเหตุที่จะต้องมีตัวแทนของแต่ละชนชั้นขึ้นมาเพื่อรักษาผลประโยชน์ของกลุ่มตนเอง
ดังนั้นการเมืองจึงเป็นเรื่องผลประโยชน์ เพื่อการดำรงชีพของคนกลุ่มคนในสังคมทุกชนชั้น ที่จะต้องมีการร่วมกันตัดสินใจ ไม่ใช่กลุ่มชนชั้นเดียวตัดสินใจให้คนทั้งประเทศ
การเมืองเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับชีวิตของคนในสังคมทุกคนไม่ว่าจะมีอาชีพอะไร จะเล่นการเมืองหรือไม่เล่นการเมือง ก็ต้องเรียนรู้สนใจเรื่องการเมือง ติดตามข่าวคราวทางการเมือง แลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางการเมือง เพื่อสิทธิและหน้าที่ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของทุกคนในสังคมจะพึงกระทำได้.
ด้วยความปรารถนาดี
ราษฎรตาสว่าง
๒๓ มิ.ย. ๒๕๕๖
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar