tisdag 7 januari 2014

รัฐประหาร? มีแน่กำลังรอ จังหวะ เวลาและโอกาศ. ..แล้วเมื่อไหร่? ไม่มีใครตอบได้แม้แต่ทหารเองก็ไม่รู้.และ..บอกไม่ได้...




by  ราษฎรไทย


รัฐประหาร? มีแน่กำลังรอ จังหวะ เวลาและโอกาศ.  ..แล้วเมื่อไหร่?  ไม่มีใครตอบได้แม้แต่ทหารเองก็ไม่รู้.และ..บอกไม่ได้...

อย่าลืมขณะนี้กรุงเทพฯอยู่ในภาวะสถานกาณ์ที่ไม่ปกติและประเทศมีรัฐบาลรักษาการที่ไม่มีอำนาจสั่งการเด็ดขาด    ดังนั้นการที่"รู้เขารู้เรา" มีการเตรียมตัวพร้อมอยู่ตลอดเวลา   รับฟังติดตามข่าวการเคลื่อนไหวของทหารอย่างมีสติคือความไม่ประมาท   อย่าลืมตัวอย่างการยึดอำนาจโดยทหารมีมาแล้ว "๑๗ ครั้ง" ในอดีตที่ผ่านมา ถือเป็นบทเรียนอันสำคัญที่ประชาชนไทยต้องจดจำและหาคำตอบให้ได้ว่า ...ทำไมทหารจึงยึดอำนาจ?   ทำเองหรือทำตามคำสั่งใคร?    หลังจากยึดอำนาจแล้วใครเซ็นรับรอง.?..ให้มองกลับไปดูตัวอย่างล่าสุดเมื่อแปดที่แล้ว   พี่น้องอย่าพยายามปลอบใจตัวเองมองโลกในแง่บวกมากนัก   โปรดยอมรับสถานการณ์ความเป็นจริงว่าขณะนี้กรุงเทพฯกำลังอยู่ในภาวะสงครามปฎิวัติเงียบมาหลายเดือนแล้ว  เป็นการต่อสู้เพื่อปล้นช่วงชิงเอาอำนาจรัฐจากประชาชนของฝ่ายเผด็จการอำมาตย์   ดังนั้นมีทางเดียวเท่านั้นคือประชาชนผู้รักความถูกต้องยุติธรรมรักประชาธิปไตย   จงรวมพลังจับมือกันให้แน่นร้อยใจเป็นหนึ่งเดียวแล้วลุกขึ้นต่อต้านโดยใช้สิทธิใช้เสียงของประชาชนทั้งประเทศ  เป็นอำนาจในเรียกร้องความต้องการของพี่น้องประชาชนไทยในฐานะเจ้าของประเทศไทยเหมือนกัน   ตัดสินใจร่วมช่วยกันนำพาประเทศชาติให้ผ่านพ้นวิกฤติสงครามปฎิวัติเงียบอันเลวร้ายครั้งนี้ไปให้ได้   อย่าปล่อยให้ใครมาปล้นอำนาจรัฐไปจากประชาชนได้อีก...เมื่อพี่น้องเพื่อนร่วมชาติทุกคนลุกขึ้นปกป้องรักษาหนึ่งสิทธหนึ่งเสียงของตนเองแล้วก็ไม่มีอำนาจใดๆจะมาต้านทานได้  ขอมีจิตใจที่เข้มแข็งมีความเชื่อมั่นในตนเอง..แล้วพี่น้องจะได้ทุกสิ่งทุกอย่างสมหวังตามต้องการ..  


by ลูกชาวนาไทย




ข่าวรัฐประหารที่ได้ยินทางอินเตอร์เน็ตทั้งหลาย เป็นข่าวลือ อย่าไปกังวลมาก
ตอนนี้มีข่าวรัฐประหารระบาดมากมาย เพราะ มีเหตุการณ์ 3 ประเด็น คือ มีงานวันกองทัพไทย วันที่ 18 มกราคม 2557 ทหารอ้างว่าเคลื่อนย้ายยุทโธปกรณ์เข้ากรุงเทพฯ เพื่อมาสวนสนาม ประเด็นที่สองคือ แผนปิดกรุงเทพฯ ของม็อบเทพเทือก ที่จะเชื้่อเชิญใหทหารออกมาทำรัฐประหาร และประเด็นสุดท้ายคือ พล.อ.ประยุทธ์ ออกมาให้สัมภาษณ์ไม่รับรองว่าเรื่องจะทำรัฐประหารหรือไม่

สำหรับผมแล้ว ผมคิดว่าข่าวรัฐประหารที่ได้ยินทั้งหมดนั้น เป็นข่าวลือ เพราะทันที ที่เราได้ยินข่าวรัฐประหาร เราก็มั่นใจได้เลยว่ามันเป็นข่าวลือ เพราะหากเขาจะทำจริงๆ ก็จะไม่มีข่าวออกมาแน่ และเราซึ่งเป็นประชาชนธรรมดาทั่วไป ก็จะได้ยินข่าวตอนเขาประกาศออกทีวี

ดังนั้น ถ้าเขาจะทำรัฐปรหาร ข่าวไม่มาถึงพวกเราที่เป็นชาวบ้านทั่วไปอย่างแน่นอน

คนที่จะทราบข่าวรัฐประหารก่อนเราคือ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เพราะระบบข่าวเขาย่อมดีกว่าพวกเราประชาชนทั่วไปแน่นอน และหากมีการจะทำรัฐประหารจริงๆ พวกเขาก็จะต้องหาทางหลบก่อนเราแน่นอน เพราะเป็นฝ่ายรัฐบาลอย่างเต็มที่

นอกจากนี้คนที่ได้รับผลกระทบจากรัฐประหารมากที่สุดคือนายกฯปู หากมีการปิดข่าวรัฐประหารจนนายกฯปู ก็ไม่รู้ หรือทราบระแคะระคายใดๆ เลย เราในฐานะประชาชนธรรมได้ ก็คงไม่ใช่คนพิเศษที่จะได้ทราบข่าวก่อนอย่างแน่นอน จนสามารถเอามาโพสต์บอกคนอื่นๆ ทางอินเตอร์เน็ตได้

การปิดข่าว รปห.จนนายกฯปูไม่ทราบ นั่นหมายถึงหน่วยข่าวกรอง ต่างๆ ของรัฐบาล เช่น สภาความมั่นคงก็ไม่ทราบ แล้วท่านที่เป็นชาวบ้านทั่วไป จะมีสายข่าวดีขนาดทราบก่อนหรือ ดังนั้นข่าวต่างๆ ทางอินเตอร์เน็ตเรื่องรัฐประหารจึงเป็นข่าวลือทั้งสิ้น

หากเขาจะทำรัฐประหารจริงๆ ย่อมไม่มีข่าวรัวออกมาอย่างแน่นอน

สรุปคือ อย่าสนใจ หรือกังวลข่าวรัฐประหารมากนัก ท่านจะทราบว่ามีการทำรัฐประหารอย่างแน่นอนในวันที่เขาออกประกาศทางทีวี หรือต่อให้ท่านทราบข่าวก่อน ท่านก็ไม่มีทางแยกแยะได้ว่า ข่าวนั้นจริงหรือเป็นข่าวลือ ดังนั้นจึงเป็นการไร้สาระที่จะสนใจข่าวรัฐประหารทางอินเตอร์เน็ต จนต้องเป็นกังวล

ผมฟันธงว่า หากจะมีการทำรัฐประหารจริงๆ ภรรยาแลัลูกสาวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันโอชา ก็ไม่มีทางทราบก่อน จะทราบจริง ก็ต่อเมื่อมีการประกาศทางทีวีแล้วเท่านั้น นี่เป็นคนใกล้แหล่งข่าวที่สุดนะครับ





by  ลมหนาว  ดาวเหนือ


1. สมมุติว่า ถ้าทุกคนเชื่อและทำตามข้อเขียนในกระทู้นี้หมด แล้วไปรอเจอการประกาศบนทีวีจริงแบบปี 49
คำถามคือ แล้วยังไงต่อ ?... ถึงตอนนั้น จะทำยังไง จะทำอะไร ที่ไหน และอย่างไรกัน ??

2. ท่าทีที่น่าจะถูกต้องและเป็นประโยชน์กว่า คือ การรับรู้ข่าวนี้ (ต่อให้เป็นข่าวลือ) ด้วยการไม่ใช้ท่าทีที่สุดโต่งไปทั้ง 2 ด้าน ทั้งด้านหวั่นวิตกจนเกินเหตุ และประมาทจนเกินไป
ประเด็นที่น่าจะเหมาะสมต่อกรณีการมีข่าวเช่นนี้คือ การใช้ประโยชน์จากข่าวแบบนี้มาเป็นข้อคิดและเตือนสติพวกเรากันเองว่า..
เออ..ดีเหมือนกัน..จะได้คิดอ่านเตรียมการรับมือและมีแผนปฏิบัติการอย่างเป็นจริงเป็นจังไว้ต่อสู้ หาไม่ถ้าเกิดจริงจะคิดและเตรียมพร้อมไม่ทัน
ถ้าไม่เกิดก็จะได้ "เรียนรู้" สิ่งต่างๆในกรณีนี้ไว้

3. ไม่ควรจะหยุดอยู่แค่ประเด็นแคบ ๆ อย่างเช่น คนทำไม่บอก คนบอกไม่ทำ
หรือระดับนายกฯและฝ่ายความมั่นคงย่อมมีการข่าวดีกว่าชาวบ้าน.. พวกเขาจะไม่รู้เชียวหรือ (ปี 49 นายกฯทักษิณ ก็ไม่รู้ ไม่ใช่หรือครับ)
ซึ่งถ้าหยุดและจบอยู่แค่ประเด็นเหล่านี้ก็น่าจะเป็นประโยชน์น้อย

4. การปิดกั้นว่าเรื่องแบบนี้ต้องลับสุดยอด ไม่มีใครสามารถรู้ได้เลยตามที่เขียนมาในกระทู้นี้นั้น
เห็นว่า ในโลกยุคใหม่ที่อะไร ๆ ก็เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม อาจไม่แน่เสมอไป
นึกย้อนไป ในกรณีคลิปลับอภิสิทธิ์สั่งฆ่าคนเสื้อแดง ก็หลุดรอดออกมาได้
หรือกรณีที่ต้องฆ่าพลทหารรับใช้ในบ้านพักวอร์รูมที่ราบ 11 นั่นก็แสดงว่าการหลุดรอดไม่ได้เป็นไปไม่ได้เลยแบบที่ จขกท. เขียนอย่างตายตัว

5. การหลุดรอดของข่าวสาร จึงไม่ได้มีเฉพาะในแบบแผนตามที่เขียนในกระทู้นี้
ลองนึกว่า ถ้าพลทหาร (ในข้อ 4) คนนั้น ไม่ถูกฆ่าปิดปาก (เพราะผู้ประชุมวางแผนไม่รู้ว่ามีพลทหารมาแอบได้ยิน)

ก็เป็นไปได้ว่า
5.1. อาจไม่มีการหลุดรอดของข่าวจากพลทหารที่ได้ยินโดยบังเอิญคนนี้ เพราะแกเป็นคนไม่พูด ไม่สนใจโลกภายนอกอะไร หรือภักดีกับนายอย่างถึงที่สุด และ ฯลฯ (อีกหลายสาเหตุ)

หรือ
5.2. ถ้าพลทหารคนนี้อดใจไม่ไหวที่จะเก็บสิ่งที่ตนได้ยินมาไว้คนเดียว ข่าวในที่ประชุมวอร์รูมวันนั้น อาจหลุดรอดมาจากปากพลทหารคนนี้ในหมู่คนใกล้ชิดแกไม่กี่คน แล้วอาจค่อย ๆ หลุดออกสู่สังคมวงกว้าง

ซึ่งช่องทางที่ไม่เป็นทางการตามแบบแผนอย่างกรณีที่ 5.2 นี้ ย่อมเป็นไปได้ที่ข่าวจริงจะหลุดรอดออกมาโดยไม่ต้องรอให้เลขา สมช. หรือนายกฯ หรือลูกเมียของผู้ก่อการ ต้องรับรู้ก่อน







Inga kommentarer:

Skicka en kommentar