tisdag 23 juni 2015

ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์เพราะฆ่าพี่ชาย

จากปี ๒๓๒๕ - ปี ๒๕๕๘ กรุงรัตนโกสินทร์ตั้งมาได้  ๒๓๓ ปี  เริ่มจากพระยาจักรีซึ่งเป็นกบฎฆ่าพระเจ้าตากสินที่กอบกู้ประเทศชาติบ้านเมืองกลับคืนมาจากพะม่าแล้วตั้งกรุงธนบุรีขึ้นเป็นเมืองหลวงในปี พ.ศ. ๒๓๑๑  ต่อมาปี พ.ศ ๒๓๒๕ พระยาจักรีได้ก่อตั้งราชวงค์จักรีขึ้นมามีกษัตริย์ครองราชย์มา ๙ รัชกาล แต่ละรัชกาลก็มีการแย่งชิงราชสมบัติกันมาตลอด พี่ฆ่าน้อง น้องฆ่าพี่ อาว์ฆ่าหลาน ลูกฆ่าพ่อ มีต่อเนื่องกันมาจนถึง ปัจจุบันรัชกาลที่ ๙ นับได้ถึงเก้าชั่วโคตร ที่มาของ

เก้าชั่วโคตร: 9 มิถุนา 9 ฆ่ า 8 ..

๙ มิถุนายน ๒๔๘๙ - ๙ มิถุนายน ๒๕๕๘ เป็นเวลา ๖๙ ปี  ที่ปีศาจฆาตกรได้ขึ้นมาเป็นกษัตริย์หลังจากสำเร็จโทษพี่ชายตัวเองแท้ๆ หลังจากนั้นประเทศไทยก็ประสบแต่ความวุ่นวายมาตลอด ประชาธิปไตยที่คณะราษฎรได้เริ่มต้นนำมาสู่ประเทศไทยได้ถูกทำลายลงไปโดย กษัตริย์ฆาตกร จนถึงทุกวันนี้ประเทศไทยได้มีการยึดอำนาจมา ถึง ๑๙ ครั้งแต่ละครั้งผู้อยู่เบื้องหลังก็คือกษัตริย์ฆาตกรจอมเผด็จการ..... จนถึงวันนี้ก็ยังสั่งให้พวกลูกสมุนทำการล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง และได้จัดตั้งรัฐบาลเผด็จการขึ้นแทนเพื่อรักษาอำนาจของระบอบราชาธิปไตย ที่มีมาเป็นเวลา ๖๙ ปีนั้นต่อไป.....แต่ประชาชนชาวไทยได้ตาสว่างแล้วกษัตริย์ภูมิพลและพวกลูก สมุนจะไม่มีวันสามารถหมุนกงล้อประวัติศาสตร์ให้กลับคืนไปเป็นเหมือนเมื่อ ๖๙ ปีที่ผ่านมาได้อีกอย่างแน่นอน.... เวลาของกษัตริย์ภูมิพลมันหมดแล้ว ...!!!

 
Bhumibol and Ananda


เก้าชั่วโคตร: 9 มิถุนา 9 ฆ่ า 8

การสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดลจากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร


ในหลวง อานันทมหิดล ร. 8 เป็นผู้ทรงพระราชทานรัฐธรรมนูญประชาธิปไตยฉบับ พ.ศ 2489 เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม  ซึ่งถือได้ว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับที่เป็นประชาธิปไตยมากที่สุด  ให้แก่ราษฏรไทย ซึ่งตามรัฐธรรมนูญฉบับนั้นกำหนดให้กษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ แต่ในหลวงอานันทมหิดลถูกลอบปลงพระชนม์เมื่อวันที่ 9 มิถุนา 2489 โดย... ( 9 ฆ่า 8 ) ประชาธิปไตยของไทยจึงสิ้นสุดลงพร้อมกับยุวกษัตริย์ โดยน้องชายได้ขึ้นครองราชย์แทนในปีเดียวกัน  ต่อมาในปี 2490 พวกกลุ่มทหารที่นิยมเผด็จการโดยการสนับสนุนของพวกอนุรักษ์นิยมขวาจัดและพวก คลั่งชาติได้ทำการยึดอำนาจ นับตั้งแต่นั้นมาประเทศไทยก็มีการปกครองด้วยรัฐธรรมนูญเผด็จการโดยให้ กษัตริย์อยู่เหนือรัฐธรรมนูญ จึงเป็นปฐมเหตุของความขัดแย้งในสังคมไทยมาจนถึงปัจจุบัน ระหว่างฝ่ายประชาธิปไตย กับอีกฝ่ายคือพวกเผด็จการภายใต้การนำของศักดินาและลูกสมุนกากเดนของสังคม เก่า ๙ มิถุนายน พ.ศ ๒๔๘๙ เกิดอะไรขึ้นกับกษัตริย์อานันทมหิดล ....นี้คือความจริง กษัตริย์อานันทมหิดลได้ถูกยิงและเสด็จสวรรคตโดยพระอนุชาของพระองค์เองคือ กษัตริย์ภูมิพล......!!








โดย
Andrew MacGregor Marshall

ช่วงเช้าของวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 กษัตริย์อานันทมหิดล ซึ่งเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 8 ของประเทศสยามที่มีพระชนมายุ 20 พรรษา ได้ถูกยิงที่ศีรษะและเสด็จสวรรคตอยู่ในห้องบรรทมของพระองค์ในพระที่นั่งบรม พิมาน ภายในพระบรมมหาราชวังในกรุงเทพฯ ตอนเย็นของวันนั้น เจ้าฟ้าชายภูมิพลอดุลยเดชซึ่งเป็นพระอนุชาของพระองค์พระชนมายุ 18 พรรษา ได้รับการสถาปนาให้เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 9 กษัตริย์ภูมิพลได้ครองราชสมบัติตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ขณะนี้พระองค์ทรงชราภาพและเจ็บป่วยบ่อยครั้ง ทรงเก็บพระองค์เองอยู่ในโรงพยาบาลศิริราชด้านฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งไหลผ่านใจกลางเมืองหลวง แต่พระองค์ก็ยังคงดำรงตำแหน่งพระมหากษัตริย์ของประเทศไทย
โดยทางการแล้ว คดีฆาตกรรมเรื่องนี้ได้ถูกพรรณาไว้ว่าเป็นเรื่องลึกลับ เป็นปริศนาทางอาชญากรรมที่ผิดวิสัยที่สุดเรื่องหนึ่งของโลก ซึ่งไม่สามารถเฉลยข้อเท็จจริงออกมาได้ในศตวรรษที่ผ่านมา แต่ในความจริงแล้ว มันชัดเจนมาเป็นเวลานานแล้วว่าใครเป็นผู้ปลงพระชนม์กษัตริย์อานันทมหิดล ความจริงได้ถูกปกปิดโดยสถาบันของประเทศไทย ซึ่งส่วนหนึ่งจากการบังคับใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอันแสนเข้มงวด นั่นคือ กฎหมายอาญามาตรา 112 ของประเทศไทย ซึ่งได้ถูกนำมาใช้เพื่อจัดการบุคคลต่างๆให้กลายเป็นอาชญากร เมื่อมีการสนทนาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และการเมืองของประเทศไทยอย่างเปิดเผย และโดยสุจริตใจ
หลังจากที่กษัตริย์อานันทมหิดลได้เสด็จ สวรรคตไปเพียงไม่กี่นาที สถานที่เกิดอาชญากรรมได้ถูกดัดแปลงอย่างจงใจเพื่อปกปิดหลักฐานต่างๆว่า สิ่งที่เกิดขึ้นแท้จริงแล้วคืออะไร บุคลากรที่อยู่ในพระที่นั่งบรมพิมานในตอนเช้าของวันนัั้น ไม่เคยเปิดเผยความจริงต่อหน้าสาธารณะได้ว่าอะไรเกิดขึ้น และบุคคลผู้เดียวในขณะนั้นที่ยังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน คือ ตัวกษัตริย์ภูมิพลนั่นเอง ดูเหมือนว่าพระองค์ไม่เคยเปิดเผยเลยว่าอะไรได้เกิดขึ้น และจะนำความลับนี้ลงสู่หลุมฝังศพไปพร้อมๆ กับตัวพระองค์เอง การสืบสวนอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการเสด็จสวรรคตของกษัตริย์อานันทมหิดล ได้ถูกพิจารณาถึงความเป็นไปได้ 3 ประการคือ: 1) พระองค์ลอบถูกปลงพระชนม์ 2) ทรงพระราชอัตวินิบาตกรรม หรือ 3) พระองค์ทรงยิงพระองค์เองโดยอุบัติเหตุ
การสอบสวนนั้น ได้แยกความเป็นไปได้ในประการที่ 4 ออกไปอย่างจงใจ: นั่นคือ กษัตริย์อานันทมหิดลได้ถูกยิงโดยอุบัติเหตุจากบุคคลบางคน ความเป็นไปได้ในประการที่ 4 นี้คือความจริง กษัตริย์อานันทมหิดลได้ถูกยิงและเสด็จสวรรคตโดยพระอนุชาของพระองค์เองคือ กษัตริย์ภูมิพล ดูเหมือนเป็นสิ่งที่นึกไม่ถึงเลยว่า การปลงพระชนม์นั้นเป็นเรื่องที่ไตร่ตรองไว้ล่วงหน้าแล้ว มันเป็นอุบัติเหตุอันน่าเศร้าอย่างมหันต์หรือเป็นความวิปลาส และมันได้ตามหลอกหลอนกษัตริย์ภูมิพลอดุลยเดชตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
กษัตริย์ภูมิพลกำลังใกล้ถึงวาระสุดท้าย เป็นชายชราที่หมดกำลังวังชาในขณะนี้ เห็นได้ชัดเจนว่า พระองค์ได้รับความทุกข์ทรมานตลอดชีวิตด้วยความอัปยศและความเศร้าใจ เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเช้าของปี พ.ศ. 2489 คนไทยจำนวนมากที่เชื่อว่า ความจริงควรถูกฝังอยู่ ณ ที่แห่งนั้น เพราะการเปิดเผยมันขึ้นมาในเวลานี้ จะสร้างความเจ็บปวดมากยิ่งขึ้น แต่ในโลกศตวรรษที่ 21 ประเทศไทยได้จมปลักอยู่กับวิกฤตการณ์อันแสนเจ็บปวดนี้ เพราะการปฎิเสธจากชนชั้นสูงฝ่ายอำมาตย์ที่ทรงอำนาจ ต่อการอนุญาตให้มีการถกเถียงกันอย่างเปิดเผยและสุจริตใจเกี่ยวกับประวัติ ศาสตร์และรวมไปถึงอนาคตของประเทศด้วย กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพได้บ่อนทำลายประเทศไทย มันถึงเวลาแล้วที่ความจริงจะได้รับการเปิดเผยออกมา เพื่อให้ประเทศไทยสามารถเดินหน้าต่อไปได้
ถึงแม้ว่าจะมีการทำลายหลักฐานต่างๆ และข้อเท็จจริงตามที่บุคคลที่เกี่ยวข้องได้โกหกว่าอะไรเกิดขึ้น มันเป็นไปได้ที่จะประกอบเหตุการณ์ขึ้นมาใหม่ว่า กษัตริย์อานันทมหิดลทรงเสด็จสวรรคตได้อย่างไร จุดสำคัญประการแรกคือ ไม่มีความเป็นไปได้ต่อความน่าเชื่อถือที่ว่า มีผู้ลอบสังหารที่ไม่มีใครรู้จัก สามารถหลบหลีกเข้าไปในพระบรมมหาราชวังในตอนเช้าของวันนั้นได้ การนำเอาปืนสั้น โคลท์ .45 อัตโนมัติออกมาจากตู้ที่อยู่ข้างเตียงนอนของพระองค์ ยิงพระองค์ตรงกลางศีรษะด้วยปืนกระบอกนั้น แล้วหลบหนีไปได้โดยที่ไม่มีใครเห็นเลย คนที่เป็นฆาตกรได้มีเพียงบุคคลบางคนที่อยู่ในพระที่นั่งบรมพิมานเท่านััน
ผลที่ตามมาทันทีหลังจากที่กษัตริย์อานันท มหิดลเสด็จสวรรคตไปแล้ว มันเป็นการสันนิษฐานที่แพร่กระจายออกไปอย่างกว้างขวางว่า พระองค์ทรงกระทำอัตวินิบาตกรรม พระบรมวงศานุวงศ์หลายพระองค์และนักการเมืองเป็นจำนวนมาก ซึ่งได้มารวมตัวกันอยู่ที่ชั้นล่างของพระที่นั่งบรมพิมานหลังจากการเสด็จ สวรรคตของกษัตริย์อานันทมหิดลนั้น ไม่ได้ใช้เวลามากมายเท่าไรนักต่อการถกเถียงกันว่า พระองค์ได้ถูกปลงพระชนม์โดยมีผู้บุกรุกเข้ามาหรือไม่ —- ตามที่พวกเขาควรกระทำด้วยความมั่นใจ ถ้ามีข้อสงสัยอย่างชัดเจนว่าทำให้เกิดคดีนี้ขึ้น — แต่แทนที่จะเป็นเช่นนั้น ต่างก็โต้เถียงกันอย่างฉุนเฉียวว่าจะอธิบายต่อสาธารณชนอย่างไรดีว่า กษัตริย์อานันทมหิดลเสด็จสวรรคตจากอะไร นางสังวาลย์ ซึ่งเป็นพระราชมารดาของกษัตริย์อานันทมหิดลได้ขอร้องกับนายปรีดี พนมยงค์ (ผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ซึ่งถือว่าเป็นรัฐบุรุษทางจิตวิญญาณ) ให้ประกาศว่า การยิงนั้นเป็นอุบัติเหตุที่เกิดจากตัวกษัตริย์อานันทมหิดลเอง แทนที่จะเป็นการกระทำอัตวินิบาตกรรม จากเหตุผลส่วนหนึ่งคือเพื่อรักษาศักดิ์ศรีของสถาบันพระมหากษัตริย์เอาไว้ นายปรีดีและรัฐบาลก็ยินยอมทำตามคำขอร้องนั้น......

คลิกอ่านรายละเอียด-(ความลับอันสุดเศร้าของประเทศไทย)


( คลิปที่น่าสนใจกรณีสวรรคต ร. ๘ กับการตัดสินของศาลเรื่อง " อากง " โดย สมศักดิ์ )


คลิกดู-http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=U9Kfr9xFXTs


คลิกดู-http://www.youtube.com/watch?v=PtxCsbThgjA&feature=player_embedded#t=0s

ประวัติ ศาสตร์ของมนุษยชาติมิได้หยุดชะงักลงภายในอายุขัยของคนใด..จะต้องดำเนินต่อไป ในอนาคตโดยไม่มีสิ้นสุด ขอฝากไว้แก่ท่านและชนรุ่นหลังที่ต้องการสัจจะช่วยตอบให้ด้วย







Cquote1.svg
ก็อาจมีบาง เรื่องที่ผมรู้ แต่เผอิญเข้าลักษณะของคำพังเพยโบราณว่า เป็นเรื่องที่พูดไม่ออกบอกไม่ได้ ผมก็ต้องผลัดไปในโอกาสที่สถานการณ์อำนวยให้พูดออกบอกได้ ถ้าหากโอกาสนั้นยังไม่เกิดขึ้นในอายุขัยของผม แต่ประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติมิได้หยุดชะงักลงภายในอายุขัยของคนใดหรือเหล่า ชนใด คือประวัติศาสตร์จะต้องดำเนินต่อไปในอนาคตโดยไม่มีสิ้นสุด ดังนั้นผมขอฝากไว้แก่ท่าน และชนรุ่นหลังที่ต้องการสัจจะช่วยตอบให้ด้วย[2]
Cquote2.svg
ปรีดี พนมยงค์

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar