måndag 22 juni 2015

เรื่องเก่า นำมาให้อ่านใหม่...เพื่อให้พี่น้องประชาชนเพื่อนร่วมชาติได้อ่านคิดทบทวน เพื่อยกระดับตัวเอง ไม่เดินหลงทางเเข้าสู่หลุมดำ"วงจรอุบาทว์"ที่ขุดล่อโดยแก็งค์ระบอบภูมิพล..

สถาบันพระมหากษัตริย์ ที่กำลังเสื่อมสุดฉุดไม่อยู่อย่างแน่นอน

โดย  หมอตำแย

27 ก.ย.  12


..... เมื่อมีการแบ่งชนชั้นสูง - ชนชั้นกลาง - ชนชั้นล่างและมีการแบ่ง"สีเหลือง"คือพวกที่ปกป้องสถาบันฯและพวกที่คลั่งสถาบันที่ปิดหูปิดตาตัวเองตลอดมา ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งก็คือ"สีแดง"ที่ยังแบ่งออกเป็น 2 ส่วนและทั้งสองส่วนนี้ทางสถาบันฯก็มีส่วนแบ่งฝ่ายเหลืองเป็นฝ่าย"เจ้า"และฝ่าย"แดง"คือฝ่ายไพร่คือ

1. ฝ่าย"แดงล้มเจ้า"ก็คือไม่เอาเจ้าเพราะเจ้าเล่นการเมืองและเจ้าใช้"กองทัพและศาล"เป็นเครื่องมือในการฆ่าฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยตลอดมา

2. ฝ่าย"แดงเอาเจ้า"เพราะคิดว่าอีกไม่นานเจ้าก็ไปแล้ว"แดง"พวกนี้จึงยอมฟังเสียงของ"แกนนำ"ว่าจะออคำสั่งมาอย่างไรก็ยอมทำตามกัน

------ ทั้งสองแดงนี้เรียกว่า"แดงตาสว่าง"ที่มีสติทำให้เกิดปัญญา -----
..... อย่างกรณีที่คุณครูเหลือง"มนัสนันท์ หนูคำ"ได้ไปด่าคุณ"ดารุณี กฤตบุญญาลัย"ที่นึกว่าเป็นคุณ"ดา ตอปิโด"นั้นไม่ใช่ไม่รู้เพราะทีวีออกข่าวมาเป็นปีๆจะปฎิเสธว่าไม่เคยเห็นทั้งสองคนนั้นไม่ได้เพราะ"ครูเหลือง"มีอายุสูงเกินแกงแล้วและถ้าเป็นครูปัญญาอ่อนทางโรงเรียนก็คงจะไม่ยอมให้มาสอนเด็กอย่างแน่นอน  เพราะจะทำให้เด็กปัญญาอ่อนตามไปด้วยและเรื่องนี้ ฝ่ายเจ้าได้จัดฉากเตรียมแผนเอาไว้นานแล้วเพียงรอจังหวะเข้าก็จะจัดการทันที เพื่อจะเป็น"น้ำผึ้งหยดเดียว"อันจะเป็นพาหะนำไปสู่เรื่องใหญ่ได้โดยง่าย

..... ณ.ที่กองปราบพวก"คลั่งเจ้า"ที่ชอบแอบอ้างตัวว่าปกป้องสถาบันฯยกพวกมาประมาณ 600 คน ส่วนพวกคน"เสื้อแดง"ที่มาให้กำลังใจคุณ"ดารุณี"มีมาประมาณ 100 คน พอพวก"คลั่งเจ้า"เห็นคน"เสื้อแดง"มาน้อยกว่าจึงกล้าออกมาทำร้ายคน"เสื้อแดง"อย่างรุนแรงและมีชายผู้สูงอายุคนหนึ่งที่สวมเสื้อ"ทรงพระเจริญ"ได้ใช้ไม้ไป  ตีกระจกรถวิทยุมวลชนลำลูกกาจนแตก ดังนั้นเราจึงจะเห็นได้ว่าพวกที่"คลั่งเจ้า"ทั้งหลายมีคนหนุนอยู่เบื่องหลังอย่างแน่นอนและคงจะไม่ใช่ใครอื่นนอกเสียจากพวกที่ได้รับ"ไฟเขียว"มาจากฝ่าย"เจ้า"นั่นเอง

..... ในกลุ่มแกะดำย่อมจะมีแกะขาวเป็นธรรมดา วานนี้ได้เห็นและได้ยินมากับหูจาก"นักรบศรีวิชัย"คนหนึ่งที่เสียบธงอยู่ที่หลังถึง3 อันได้บ่งบอกสังกัดว่ามาจากฝ่าย"เจ้า"เห็นพวกตัวเองกำลังใช้ไม้ตีรถอยู่จึงตระโกนขึ้น  ว่า"หยุดนะ"พวกเราอย่าทำอย่างนี้ผมไม่ชอบ ถ้าทำผมจะกลับซึ่งทำให้หลายคนไม่พอใจในคำพูดจึงเกิดชุลมุนกันขึ้น ทาง"แกนนำแดง"จึงรีบโทรไปยัง"โปรดิวเซ่อร์"ให้รีบตัดรายการเสนอข่าวออกไปในทันทีเพราะถ้ามีข่าวต่อไปอีกไม่นาน "กองทัพแดง" คงจะแห่กันออกมาเป็นพันเป็นหมื่นอย่างแน่นอนและเมื่อเกิดการประทะกันเมื่อไหร่ก็บอกได้เลยว่าเข้าทาง"เจ้า"ทันทีเพราะ"กองทัพทหาร"ได้เตรียมพร้อมเอาไว้แล้วที่จะออกมายึดอำนาจไปจากประชาชนเมื่อมีเหตุการณ์ที่รุนแรงเกิดขึ้น

..... หลายครั้งหลายคราที่มีพวกที่ชอบอ้างตัวว่าเป็นผู้ปกป้องสถาบัน"พระมหากษัตริย์"เพราะเห็นว่าขณะนี้สถาบันฯได้ตกต่ำลงมามากแล้วนั้นไม่ใช่"คนเสื้อแดง"ทำลายสถาบันฯ แต่คนที่ทำลายสถาบันฯตัวจริงก็คือตัว"เจ้า"และบริวารรอบข้างที่ลงมาเล่น"การเมือง"นั่นแหละเป็นผู้ทำลายตัวเองเพราะขนาดมีม.112ก็ใช่ว่าจะกลัวทุกคนไปและวันนี้"ศาล"ที่เป็น"สมุนเจ้า"ก็ได้มีคำพิพากษาออกมาว่า"สนธิ์ ลิ้มทองกุล"ที่ได้เอาคำของคุณ"ดา ตอปิโด"ที่พูดไปแล้ว"หมิ่น"ไปพูดต่อที่สะพานมัฆวานรังสรรค์เมื่อวันที่ 20 ก.ค 2551 นั้นไม่มีความผิด....ขอถามว่ามีใครที่เชื่อขบวนการ"ยุติธรรม" ที่เป็นตัวแทนของ"พระมหากษัตริย์" ที่ได้ตัดสินมาแล้วหลายครั้งและรวมทั้งครั้งนี้ด้วยว่าเป็นการตัดสินที่"ยุติธรรม"บ้าง....??????

..... ถ้าวงจรอุบาทว์ยังหมุนเวี่ยนเปลี่ยนไปในระบอบเดิมๆ ต่อให้ประชาชนค่อนประเทศออกมาปกป้องสถาบันอย่าง ไรก็คงจะปกป้องสถาบันฯที่เสื่อมลงทุกวันนั้นไม่มีทางได้เพราะตราบใดที่ ฝ่าย"เจ้า"ยังมีจุดยืนและส่งเสริมพวกที่ชอบทำผิด-ทำชั่วและไม่ยอมปรับสถาน ตัวเองให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันก็เชื่อเหลือเกินว่า

 .....สถาบันพระมหากษัตริย์ ที่กำลังเสื่อมสุดฉุดไม่อยู่อย่างแน่นอน
...........................................................

หมายเหตุ-แก้ไขเพิ่มเติม

โดยขบวนการประชาธิปไตยไทยในสแกนดิเนเวีย
๒๓ มิ.ย.๕๘


สถาบันพระมหากษัตริย์ ที่กำลังเสื่อมสุดฉุดไม่อยู่  และนอกจากนั้นสถาบันพระมหากษัตริย์ยังเป็นสาเหตุสำคัญทำให้สังคมไทยเสื่อมสุดฉุดไม่อีกอยู่เหมือนกัน สถาบันจะคงอยู่หรือเสื่อมสลายไปจากประเทศไทยก็ไม่เกียวข้องอะไรกับชีวิตความเป็นอยู่ ปากท้อง ของประชาชน   เพราะประชาชนต้องทำงานหาเลี้ยงตัวเองและครอบครัวเพื่อได้มาซึ่งปัจจัยสี่ในการดำรงชีวิต  คือที่อยู่อาศัย อาหาร เสื้อผ้า ยารักษาโรค นอกจากนี้ยังต้องการมีสิทธิเสรีภาพ ความเสมอภาพ  ได้รับความยุติธรรมอย่างเท่าเทียมกันและมีการปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงในสังคมไทย

สถาบันกษัตริย์ไม่ได้ให้สิ่งเหล่านี้แก่คนในสังคมไทย ซ้ำร้ายยังมี"ม.๑๑๒"ไว้ใช้บังคับกดหัวประชาชนให้เป็นฝุ่นใต้ตีนครอบครัวกษัตริย์   นอกจากนี้สถาบันกษัตริย์ยังเป็นกาฝากเหลือบศักดินาเกาะกินแรงงานของคนในสังคม  ด้วยเงินภาษีของประชาชนที่รัฐจ่ายให้และขอเพิ่มจำนวนเงินขึ้นทุกปี  ทั้งๆ ที่สถาบันกษัตริย์มีเงินรายได้มากมายมหาศาลติดอันดับรวยที่สุดในโลกติดต่อกันทุกปีและไม่ต้องเสียภาษี  นอกจากนี้สถาบันกษัตริย์ยังเอื้อประโยชน์ให้แก่พวกพ้องข้าทาสบริวารที่รับใช้  อำมาตย์ นายทุน  ขุนศึก นักการเมือง ใช้อิทธิพลอำนาจหน้าที่ร่วมกันทำมาหากินโกงกินผลประโยชน์ของประเทศชาติจนร่ำรวยมหาศาล   

เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับชีวิตประชาชนไทยชาวบ้านธรรมดา  ที่ต้องทำงานต่อสู้ดิ้นรนอย่างปากกัดตีนถีบใช้แรงงานทำมาหาเลี้ยงชีพ  ทำทุกอย่าง  ไม่ว่าจะอาชีพส่วนตัว อาชีพรับจ้าง ทำงานเอกชน หรือรับราชการ เพื่อให้ได้มาซึ่งปัจจัยสี่   ซึ่งสภาพสังคมไทยและสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันนี้  ทำให้คนส่วนมากในสังคมไทยไม่มีโอกาสได้ปัจจัยครบทั้งสี่อย่าง อย่างแน่นอน  เพราะความเหลื่อมล้ำทางชนชั้นของคนในสังคมไทยมีความแตกต่างกันมาก   คือมีพวกแรงงานคนจนด้อยโอกาสมากกว่า พวกนายทุนร่ำรวยคนกลุ่มน้อยในสังคมที่ควบคลุมเศรษฐกิจของประเทศไว้ในกำมือทั้งหมด  

ซึ่งในความเป็นจริงกิจการของพวกนายทุนจะอยู่ได้ก็ต้องอาศัยแรงงานของผู้ด้อยโอกาสเป็นผู้ผลิตให้    ในประเทศที่พัฒนาแล้วทั้งนายทุนและผู้ใช้แรงงานต่างก็มีกฎหมายแรงงานคุ้มครอง  ไม่ให้ขูดรีดเอารัดเอาเปรียบซึ่งกันและกัน   ทั้งนายทุนและผู้ใช้แรงงานทุกคนต้องเสียภาษีเข้ารัฐตามอัตราที่รัฐกำหนดให้ไว้   เพื่อรัฐจะได้นำเงินภาษีมาจัดสรรในการพัฒนาสังคมในทุกด้าน เพื่อบริการสวัสดิการให้แก่ประชาชนในสังคมมีคุณภาพชีวิตที่ดี.....

ท้ายนี้ฝากถึงพี่น้องประชาชนไทยเพือนร่วมชาติทุกคน เรื่องของสถาบันกษัตริย์คือปัจจัยหลักที่ขัดขวางการพัฒนาทุกอย่างของสังคมไทยทำให้ประเทศไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้จึงมีความจำเป็นต้องแก้ไขโดยไม่ให้มีสถาบันกาฝากนี้ทำนาบนหลังคนอีกต่อไป

สาเหตุที่มีพวกคลั่งเจ้า มีสีเหลืองสีแดง ทำให้สังคมแตกแยกก็เพราะมาจากสถาบันกษัตริย์นั้นเอง    ทุกคนจะต้องก้าวผ่านให้พ้นจากเรื่องน้ำเน่าไร้สาระในเรื่องของพวกเจ้าเหล่านี้เสียที  ด้วยการยกระดับตัวเองติดตามข่าวสารทันต่อสถานการณ์  เพื่อติดอาวุธทางปัญญา ด้วยการนำความรู้ความจริงมาแลกเปลี่ยนกัน  เพื่อเป็นแสงสว่างชี้นำทางให้แก่กันและกันเดินมุ่งหน้าสู่จุดหมายปลายทางร่วมกัน นับเป็นสิ่งที่ไม่อันตรายและมีประโยชน์สำหรับพี่น้องประชาชนเพื่อนร่วมชาติทุกคน เพื่อร่วมช่วยกันปลดปล่อยตัวเองและประเทศชาติออกเป็นไท .....

ด้วยความปราถนาดี

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar