“เสรีไทย” แก่หน่อยคอย “ดาวดิน”
ผู้เสียงก้องร้องได้ยินทั่วถิ่นสยาม
พลังไฟบริสุทธิ์จึงจุดลาม
พลังไฟบริสุทธิ์จึงจุดลาม
ประกาศนามเสรีชนคนแผ่นดิน
อุดมการณ์ผ่านยุคไม่ทุกข์ยาก
ดั่งน้ำหลากไหลรุมก็ชุ่มหิน
จากแห้งผากสากคอต้องขอกิน
น้อง “ดาวดิน” บินตรงลงพอดี
เขาคงจับเขาคงแกล้งเขาแรงแน่
เพราะความแก่ใกล้ลับดับวิถี
แม้ลูกหลานยังไม่นับเพราะอัปรีย์
เมืองไทยนี้วิบากกรรมต้องจำทน
ขอให้ดินสู่ดาวขาวสะอาด
ดาวถึงฆาตขอให้ร่วงเหมือนดวงหล่น
“ประชาธิปไตยประชาชน”
อาจตั้งต้น ณ ดาวดินจากถิ่นธรรม.
-เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๑๓ นายเลียง ไชยกาล อดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง เขียนจดหมายส่วนตัวไปถึง นายปรีดี พนมยงค์ ผู้อภิวัฒน์เปลี่ยนแปลงการปกครองที่ปารีสและปรารภว่า
“...ผมเห็นว่าท่านอาจารย์มีกรรมเก่ามากกว่า เพราะถ้าพิจารณาถึงเหตุผลในเรื่องฆ่าในหลวงแล้ว ผมพูดเสมอว่า เมื่อมาถึงขั้นนั้นแล้วทำไมปรีดีจึงยุติ (ไม่ประกาศล้มเลิกสถาบันกษัตริย์เสีย แล้วสถาปนามหาชนรัฐขึ้นแทน แต่นี่ท่านกลับอัญเชิญสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอขึ้นนั่งราชบัลลังก์ เป็นรัชกาลที่ ๙ สืบต่อมาจนถึงวันนี้-ผู้เขียน) ทั้งๆ ที่สภาทั้ง ๒ อยู่ในกำมือ...”
นี่คือบทเรียนอีกบทหนึ่งจากการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.๒๔๗๕.
..............................................
(ทำไมไม่ประกาศล้มเลิกสถาบันกษัตริย์เสีย แล้วสถาปนามหาชนรัฐขึ้นแทน แต่นี่ท่านกลับอัญเชิญสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอขึ้นนั่งราชบัลลังก์ เป็นรัชกาลที่ ๙ สืบต่อมาจนถึงวันนี้)
หมายเหตุ -"จากข้าพเจ้าผู้เคยร่วมทำงานการเคลื่อนไหวกับท่านอาจารย์ปรีดีมาก่อนเมื่อครั้งที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ในต่างประเทศ "ขอนำคำพูดของท่าน อาจารย์ปรีดี ที่ข้าพเจ้าได้ยินได้ฟังมาโดยตรงจากปากของท่านเอง ที่บ้านของท่าน ณ.กรุงปารีส ข้าพเจ้าเคยตั้งคำถามและได้รับคำตอบดังนี้....
ตามเจตนารมย์ของคณะราษฎร์
ประการที่หนึ่ง : อาจารย์ปรีดีไม่ได้มีเจตนาหรือมีความทะเยอทะยาน ที่จะล้มล้างระบอบกษัตริย์ เพียงแต่ต้องการให้มีกษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญเท่านั้น เพื่อธำรงรักษาไว้ซึ่ง ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และรัฐธรรมนูญ ตามเจตนารมณ์ของการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ ๒๔๗๕ ของ
คณะราษฎร์
ประการที่สอง : อาจารย์ปรีดีได้อัญเชิญ"ตระกูลมหิดล" ขึ้นครองราชย์ด้วยความเชื่อว่า อานันท์และภูมิพลมาจากครอบครัวที่แม่มาจากสามัญชนธรรมดา คิดว่าจะไม่ลืมชนชั้นของตนเอง คิดว่าจะมีทัศนะเข้าข้างชนชั้นสามัญชนธรรมดา "ไม่คิดว่าจะทิ้งกำพืดของชนชั้นตัวเอง " ซึ่งอาจารย์ปรีดีเองเป็นผู้อุ้มชูอุปถัมภ์ส่งเสริมสนับสนุนครอบครัวนี้มาตลอดและไม่คิดว่าจะทรยศต่อชนชั้นของตนเอง ซึ่งท่านพูดเองว่า " ผมสร้างมาด้วยมือไม่ต้องการลบด้วยเท้า "
ประการที่สาม : ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองเวลานั้นในหมู่ของพวกเจ้าเองก็แบ่งเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเจ้าที่มีแนวความคิดหัวก้าวหน้าก็มี ที่รักชาติ รักประชาธิปไตย และรักความก้าวหน้า ต้องการเห็นประเทศชาติปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย เจ้าฝ่ายหัวก้าวหน้ายังให้ความร่วมมือและช่วยเหลือขบวนการเสรีไทยกอบกู้ประเทศชาติ ขณะที่เจ้าอีกฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาระบอบเก่าเอาไว้
อุดมการณ์ผ่านยุคไม่ทุกข์ยาก
ดั่งน้ำหลากไหลรุมก็ชุ่มหิน
จากแห้งผากสากคอต้องขอกิน
น้อง “ดาวดิน” บินตรงลงพอดี
เขาคงจับเขาคงแกล้งเขาแรงแน่
เพราะความแก่ใกล้ลับดับวิถี
แม้ลูกหลานยังไม่นับเพราะอัปรีย์
เมืองไทยนี้วิบากกรรมต้องจำทน
ขอให้ดินสู่ดาวขาวสะอาด
ดาวถึงฆาตขอให้ร่วงเหมือนดวงหล่น
“ประชาธิปไตยประชาชน”
อาจตั้งต้น ณ ดาวดินจากถิ่นธรรม.
-เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๑๓ นายเลียง ไชยกาล อดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง เขียนจดหมายส่วนตัวไปถึง นายปรีดี พนมยงค์ ผู้อภิวัฒน์เปลี่ยนแปลงการปกครองที่ปารีสและปรารภว่า
“...ผมเห็นว่าท่านอาจารย์มีกรรมเก่ามากกว่า เพราะถ้าพิจารณาถึงเหตุผลในเรื่องฆ่าในหลวงแล้ว ผมพูดเสมอว่า เมื่อมาถึงขั้นนั้นแล้วทำไมปรีดีจึงยุติ (ไม่ประกาศล้มเลิกสถาบันกษัตริย์เสีย แล้วสถาปนามหาชนรัฐขึ้นแทน แต่นี่ท่านกลับอัญเชิญสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอขึ้นนั่งราชบัลลังก์ เป็นรัชกาลที่ ๙ สืบต่อมาจนถึงวันนี้-ผู้เขียน) ทั้งๆ ที่สภาทั้ง ๒ อยู่ในกำมือ...”
นี่คือบทเรียนอีกบทหนึ่งจากการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.๒๔๗๕.
..............................................
(ทำไมไม่ประกาศล้มเลิกสถาบันกษัตริย์เสีย แล้วสถาปนามหาชนรัฐขึ้นแทน แต่นี่ท่านกลับอัญเชิญสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอขึ้นนั่งราชบัลลังก์ เป็นรัชกาลที่ ๙ สืบต่อมาจนถึงวันนี้)
หมายเหตุ -"จากข้าพเจ้าผู้เคยร่วมทำงานการเคลื่อนไหวกับท่านอาจารย์ปรีดีมาก่อนเมื่อครั้งที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ในต่างประเทศ "ขอนำคำพูดของท่าน อาจารย์ปรีดี ที่ข้าพเจ้าได้ยินได้ฟังมาโดยตรงจากปากของท่านเอง ที่บ้านของท่าน ณ.กรุงปารีส ข้าพเจ้าเคยตั้งคำถามและได้รับคำตอบดังนี้....
ตามเจตนารมย์ของคณะราษฎร์
ประการที่หนึ่ง : อาจารย์ปรีดีไม่ได้มีเจตนาหรือมีความทะเยอทะยาน ที่จะล้มล้างระบอบกษัตริย์ เพียงแต่ต้องการให้มีกษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญเท่านั้น เพื่อธำรงรักษาไว้ซึ่ง ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และรัฐธรรมนูญ ตามเจตนารมณ์ของการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ ๒๔๗๕ ของ
คณะราษฎร์
ประการที่สอง : อาจารย์ปรีดีได้อัญเชิญ"ตระกูลมหิดล" ขึ้นครองราชย์ด้วยความเชื่อว่า อานันท์และภูมิพลมาจากครอบครัวที่แม่มาจากสามัญชนธรรมดา คิดว่าจะไม่ลืมชนชั้นของตนเอง คิดว่าจะมีทัศนะเข้าข้างชนชั้นสามัญชนธรรมดา "ไม่คิดว่าจะทิ้งกำพืดของชนชั้นตัวเอง " ซึ่งอาจารย์ปรีดีเองเป็นผู้อุ้มชูอุปถัมภ์ส่งเสริมสนับสนุนครอบครัวนี้มาตลอดและไม่คิดว่าจะทรยศต่อชนชั้นของตนเอง ซึ่งท่านพูดเองว่า " ผมสร้างมาด้วยมือไม่ต้องการลบด้วยเท้า "
ประการที่สาม : ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองเวลานั้นในหมู่ของพวกเจ้าเองก็แบ่งเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเจ้าที่มีแนวความคิดหัวก้าวหน้าก็มี ที่รักชาติ รักประชาธิปไตย และรักความก้าวหน้า ต้องการเห็นประเทศชาติปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย เจ้าฝ่ายหัวก้าวหน้ายังให้ความร่วมมือและช่วยเหลือขบวนการเสรีไทยกอบกู้ประเทศชาติ ขณะที่เจ้าอีกฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาระบอบเก่าเอาไว้
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar