วันอังคารที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2558
แถลงการณ์องค์การเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย ในวาระครบ ๑ ปีของการก่อตั้งองค์การ
แถลงการณ์องค์การเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย
ในวาระครบ ๑ ปีของการก่อตั้งองค์การ
วันพุธที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๘
เรื่อง ประเทศไทยสุ่มเสี่ยงต่อการเป็นรัฐล้มเหลว (a failed state)
นับตั้งแต่เกิดวิกฤติการณ์ทางการเมืองในประเทศไทยมาตั้งแต่ราวปี พ.ศ.๒๕๔๘ เนื่องจากระบอบเผด็จการซ่อนรูปได้รวมกำลังกันหลายด้านเข้าทำลายระบอบประชาธิปไตยที่ยังอ่อนกำลังอยู่ โดยเฉพาะด้วยการรัฐประหารยึดอำนาจการปกครองแผ่นดินเมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๗ ประเทศไทยซึ่งเป็นรัฐสมาชิกขององค์การสหประชาชาติ ได้เสื่อมถอยลงอย่างรุนแรงในทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม หลักการพื้นฐานระบอบประชาธิปไตยหลายเรื่องถูกละเลยหรือเลิกล้ม สิทธิมนุษยชนหลายด้านของประชาชนไทยถูกละเมิดและถูกทำลาย วิสัยทัศน์ยาวไกลของรัฐบาลกลายภาวะสายตาสั้นและการแก้แค้นของระบอบอำนาจเดิม โดยสรุปแล้ว ประเทศไทยกำลังสุ่มเสี่ยงที่จะกลายเป็นรัฐล้มเหลว ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของโลกและภูมิภาคที่ประเทศไทยเคยมีบทบาทนำ ก็กลับต้องลดหรือสละบทบาทนั้น เพราะการเมืองในประเทศเข้ามามีอิทธิพลครอบงำนโยบายต่างประเทศ ภาวะนี้กำลังกดประเทศไทยลงสู่ที่ต่ำ ซึ่งไม่เป็นธรรมอย่างยิ่งต่อประชาชนชาวไทยผู้สามารถ แต่ถูกระบอบเผด็จการไทยกีดขวางความเจริญก้าวหน้าอย่างจงใจ นี่คือเหตุผลที่เราต้องร่วมกันก่อตั้งองค์การเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยขึ้นเมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๗ เพื่อแสดงว่าเราชาวไทยไทยมิได้งอมืองอเท้าหรือยอมรับพฤติกรรมเช่นนั้นโดยดุษณี
เราถือว่า ความสุ่มเสี่ยงต่อสภาพรัฐล้มเหลว หรือ failed state ตามคำนิยามสากล เป็นวิกฤติการณ์อันใหญ่หลวงของประเทศไทย เพราะไม่ว่ากลุ่มอุดมการณ์ทางการเมืองใดได้ชื่อว่าชนะ หรือสีใดอยู่ในฐานะที่ได้เปรียบ ความล้มเหลวของรัฐไทยจักเป็นคำตอบสุดท้ายของพวกเราทุกๆ คนไม่ว่าจะอยู่ในแผ่นดินไทยหรือในต่างประเทศ องค์การเสรีไทยฯ จึงขอประกาศว่า ยุทธศาสตร์ในการป้องกันมิให้รัฐไทยต้องกลายสภาพเป็นรัฐล้มเหลว คือการกำจัดระบอบเผด็จการไทยแบบถอนรากถอนโคน หากเราศึกษาเรียนรู้จากประสบการณ์ต่อสู้กับระบอบเผด็จการไทยในอดีต เราจะพบว่าเรายังมิได้ใช้ชัยชนะแต่ละครั้งของฝ่ายประชาชนเข้าไปปรับเปลี่ยนโครงสร้างของรัฐเพื่อกำจัดระบอบเผด็จการอย่างจริงจังเลย ระบอบเผด็จการไทยจึงหลบซ่อนตนเองอยู่ในเปลือกนอกของรัฐที่ดูเสมือนประชาธิปไตย และวางแผนช่วงชิงอำนาจกลับคืนอยู่ตลอดเวลา สงครามเพื่อประชาธิปไตยของประชาชนชาวไทยจึงต้องย้อนกลับไปสู่การปฏิวัติประชาธิปไตยเมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๗๕ เสมอ เพราะระบอบเผด็จการไทยถือเอาจังหวะนั้นชักธงรบกับฝ่ายประชาชนไทยอย่างเข้มข้นและต่อเนื่องตราบถึงปัจจุบัน
องค์การเสรีไทยฯ ตระหนักดีว่า เป้าหมายในการถอนรากถอนโคนระบอบเผด็จการไทยเป็นเรื่องที่ใหญ่หลวงและต้องระดมทรัพยากรในด้านต่างๆ มากมาย แต่เราก็ต้องตั้งต้นให้ได้ ด้วยการประกาศเป้าหมายย่อย ๓ ประการดังนี้ :
๑. ยกเลิกสถาบันองคมนตรีโดยเด็ดขาดในทันที ในระยะราวสิบปีที่ผ่านมา ประชาชนชาวไทยทั่วประเทศได้ประจักษ์ด้วยสายตาตนเองแล้วว่า อิทธิพลและการก้าวก่ายทางการเมืองของประธานองคมนตรีและองคมนตรีบางคนได้ปรากฏชัด เสมือนต้องการประกาศให้รู้ว่าคณะองคมนตรีคือคณะผู้บริหารตัวจริงของระบอบเผด็จการไทย มิใช่รัฐสภาและรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง วิกฤติการณ์การเมืองของไทยครั้งนี้ เกิดขึ้นจากการดำรงอยู่และการทำงานของสถาบันองคมนตรีในทางที่เป็นโทษต่อการพัฒนาระบอบประชาธิปไตยไทยมาโดยตลอด องคมนตรีจะต้องไม่อยู่ในฐานะที่เป็นระบบบริหารหลักหรือเป็นคณะผู้บริหารทางเลือกของรัฐอีกต่อไป
๒. กองทัพไทยต้องยุติสภาพความเป็นกองกำลังส่วนตัวของระบอบเผด็จการไทย และมองประชาชนไทยในฐานะเพื่อนร่วมชาติและมนุษย์ที่มีฐานะเสมอภาคเท่าเทียมกัน หรืออย่างน้อยก็ตระหนักแก่ใจว่าเงินเดือนของทหารทุกๆ นายได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของประชาชน สภาพจริงของกองทัพไทยที่เป็นรัฐซ้อนรัฐ มักกระทำตนเป็นตัวแทนทางอำนาจของอภิสิทธิ์ชน อันเป็นชนกลุ่มน้อยที่มีอำนาจมากในสังคมไทย เรารู้ดีว่า กำลังพลของกองทัพไทยมิได้เห็นชอบกับภารกิจรับใช้ครอบครัวบางครอบครัวหรือชนกลุ่มน้อยเพียงบางกลุ่ม แต่ต้องฝืนใจทำเพราะถูกกำหนดด้วยกรอบของวินัยทหาร เราจึงขอร่วมมือร่วมใจกับกำลังพลประชาธิปไตยในกองทัพไทยเพื่อเปลี่ยนแปลงกองทัพไทยให้เป็นของประชาชนอย่างแท้จริง ตำแหน่งสำคัญๆ ในกองทัพไทยที่มีผลต่อการควบคุมรัฐ จะต้องอยู่ภายใต้การตรวจสอบของประชาสังคมอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับการเคลื่อนกำลังพลและยุทโธปกรณ์ การใช้ทรัพยากรอื่นๆ ของกองทัพไทย ไม่ว่าจะเป็นเงินงบประมาณไปจนถึงที่ดินในเขตทหาร จะต้องอยู่ภายใต้ระบบตรวจสอบเดียวกันกับพลเรือน ระบบศาลทหารจะต้องไม่มีอำนาจซ้อนกับระบบตุลาการหลักของประเทศ เว้นแต่ในยามศึกสงคราม อย่างไรก็ดี ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแนวทางขั้นต้น เมื่อถึงเวลาอันควรแล้ว ประชาชนชาวไทยทั้งมวลจะต้องมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงกองทัพไทยให้เป็นของตนด้วย
๓. อำนาจตุลาการและศาลไทยต้องพ้นจากการแทรกแซงและใช้อิทธิพลของระบอบเผด็จการไทย ขณะนี้แทบไม่มีประชาชนชาวไทยที่มีใจเป็นธรรมจะเชื่อว่า ระบบตุลาการไทยจะนำมาซึ่งความยุติธรรมอย่างแท้จริงได้ โดยเฉพาะในแสวงหาทางออกอย่างถูกต้องและเหมาะสมในทางการเมือง ผู้พิพากษาในระดับต่างๆ ส่วนหนึ่งมีความสัมพันธ์โยงใยใกล้ชิดกับระบอบเผด็จการไทย ส่วนมากได้รับความอุปถัมภ์ค้ำชูจากผู้มีอำนาจเหล่านี้อีกด้วย เมื่อปี พ.ศ.๒๕๕๐ ระหว่างชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยที่ท้องสนามหลวง ก็ได้เปิดเผยแถบบันทึกเสียงการสนทนาของผู้พิพากษาและเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งแสดงหลักฐานของอำนาจแฝงเร้นเบื้องหลังระบบตุลาการอย่างชัดเจนมาแล้วครั้งหนึ่ง เช่นเดียวกับกองทัพไทย ผู้พิพากษา ผู้ช่วยผู้พิพากษา และเจ้าหน้าที่ของศาลเป็นจำนวนมากล้วนต้องการประชาธิปไตยอันสมบูรณ์ ซึ่งมีความหมายว่าอำนาจตุลาการจักต้องเป็นอิสระและมีเกียรติยศ เราก็จะทำงานร่วมกับท่านเหล่านั้นในการปลดปล่อยสถาบันตุลาการจากพันธนาการของระบอบเผด็จการไทยให้ได้ในวันหนึ่ง
ในวาระครบรอบหนึ่งปีนี้ องค์การเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยขอตั้งมั่นที่จะเดินหน้าร่วมสรรค์สร้าง “ระบอบประชาธิปไตยประชาชน” โดยไม่เกรงกลัวอะไรใดๆ ทั้งสิ้น ขณะนี้องค์การเสรีไทยฯ ได้ขยายสาขาไปถึง ๕๑ จังหวัดในประเทศไทย และอีก ๑๘ ประเทศทั่วโลก และจะก้าวเดินต่อไป รวมทั้งการจัดตั้งสำนักงานประสานงานอย่างเปิดเผยในระดับโลกด้วย องค์การเสรีไทยฯ จะกระทำสิ่งที่เราเชื่อว่าถูกต้อง ซึ่งอาจจะไม่ถูกใจทั้งหมด เพราะความสำเร็จของประเทศไทยเป็นเรื่องสำคัญอย่างเอกอุ ที่ต้องกระทำการทุกอย่างอย่างถูกต้อง จริงจัง และด้วยความละเอียดรอบคอบเป็นที่สุด และต้องป้องกันทุกอย่างมิให้ผู้ใดมากระทำการสวนหลักการนี้และสกัดกั้นมิให้ประเทศไทยกลายเป็นรัฐล้มเหลวในที่สุดได้.
ประกาศ ณ วันพุธที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๘
นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ
เลขาธิการองค์การเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย
Statement of The Organization of Free Thais For Human Rights And Democracy
Upon The First Anniversary Wednesday, June 24, 2015
“Thailand Is At High Risk Of Becoming A Failed State”
Since Thailand’s political crisis has arisen around the year 2005, with the undemocratic network of Thailand deliberately destroying our young democratization on several fronts, and particularly the self-legitimized military takeover on May 22, 2014, Thailand as a state member of the United Nations deteriorates politically, economically, and socially. Cores of democratization have been undermined. People’s rights have been violated and abused. Long-term visions of the country cease to exist, as political short-sightedness and petty revenge come to replace. In short, Thailand risks becoming a failed state, in the midst of global and regional challenges that put Thailand in a state of leadership or at least a significant player. Linkage politics, or the state of domestic determinants affecting foreign policies, of these anti-democracy elements, are bringing Thailand down. It is incredibly unfair to our citizens, whose grittiness and determination to engage in the world remain strong, to have a dictatorship regime blocking their opportunity. Thus, the Organization of Free Thais For Human Rights And Democracy is founded exactly one year ago on June 24, 2014, stating that we the Thai people do not take this situation passively or for granted.
We regard the risk of becoming a failed state is Thailand’s major crisis. No matter which ideological group wins. No matter which colour is of advantage. The failure of the state of Thailand will be the ultimate end game to all Thais in Thailand and outside. We thus announce that the main strategy to prevent a failed-state status is the total elimination of Thailand’s dictatorship network. Our past struggle against dictatorship had confirmed that we the people stopped short of transforming a few past victories into the restructuring of the state of Thailand to rid ourselves of such dictatorial elements. Thailand’s dictatorship network still hides behind the facade of democracy, with continual effort to regain the upper hand. The battle for Thailand’s democracy must always bring us back to the revolution of 1932, as Thailand’s dictatorship network had grabbed that opportunity since then to battle with the people’s side until the present.
Our organization realizes how gigantic this task is, and how much we must pull all kinds of resource to turn it into the reality. However, we must give it a start now, with the following 3 immediate goals in mind:
1. Abolish the Privy Council. In the past 10 years or so, most Thai people have witnessed with their own eyes that enormous political influence and subsequent interference of the Privy Council’s President and some of its members have been visibly exhibited, as if to show that the Privy Council were the de facto government of Thailand and not the elected parliament and government. Thailand’s ongoing political crisis stems from the negative and anti-democracy existence and role of the Privy Council all along. The Privy Council must not be allowed as an alternative to power struggle any longer.
2. Thailand’s armed forces must withdraw from the role of personal army of Thailand’s dictatorship network, and regard all Thai citizens as equal human beings. The actual status of Thailand’s armed forces as state within the state reduce them to the service of Thailand’s privileged class, which is actually the minority who enjoys so much power in the Thai society. We understand that most members of the armed forces are not in agreement with the service for a family or a few privileged groups, but they are forced in the strictness of military disciplines. We pledge to work along with these democratic cells of the armed forces to transform them into those of the people. Crucial military positions must be closely monitored, so must the usage of military personnels and weaponry. The management of other resources, from the budget to military “prohibited” areas, must be administratively watched. Military tribunal must not exceed the powers of the Judiciary, except in a time of war. All these measures are only the beginning. In due time, the Thai public must participate in the process of democratizing Thailand’s armed forces.
3. Thailand’s Judiciary must be beyond the political interference and influence of the dictatorship network. Not many Thais today believe that justice can be granted through the current state of the Judiciary, especially as a solution provider of ongoing political crisis. Quite a number of judges have close ties with the dictatorship network, and are firmly under their patronage. In 2007, during a democratic rally at Sanam Luang in Bangkok, there was a disclosure of an audio clip showing some judges and a government official planning their political strategy. As in Thailand’s armed forces, most judges, associate judges, and court officials wish for true and complete democracy, meaning that the Judiciary be regarded as free and unquestionably honourable. We also wish to work with them at an appropriate time.
The organization of Free Thais For Human Rights And Democracy, in its first anniversary today, pledges to continue the effort in furthering Thailand’s democratization. On operations and networking, we have expanded to 51 provinces in Thailand and 18 other countries around the world, and will achieve more in due time, including a public coordinating office. Our organization intends to do what is right and not always what is temporarily popular. Thailand’s fate of not becoming a failed state is the most serious matter, as well as the state of democracy around the world. This mission requires absolute seriousness and prudence all through.
Dated: Wednesday, June 24, 2015
Charupong Ruengsuwan
Secretary-General
The Organization of Free Thais For Human Rights And Democracy
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar