onsdag 11 november 2015

ข่าว บีบีซีไทย - BBC Thai

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนเรียกร้องปิดเรือนจำชั่วคราวในมณฑลทหารบกที่ 11 หลังเกิดเหตุร้ายกับผู้ต้องขังสองราย ด้าน รมว.ยุติธรรมยืนยันเรือนจำชั่วคราวไม่ใช่เรือนจำทหารแต่เป็นของราชทัณฑ์ และกำลังพิจารณาเปิดให้สื่อเข้าไปตรวจสอบ
วันนี้ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้โพสต์ข้อความทางหน้าเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับการตั้งเรือนจำชั่วคราวแขวงถนนนครไชยศรี และต่อการตายของพันตำรวจตรีปรากรม วารุณประภา และนายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ ผู้ต้องหาความผิดมาตรา 112 ประมวลกฎหมายอาญา โดยเรียกร้องให้ปิดเรือน...จำดังกล่าว
ศูนย์ทนายความฯ ให้เหตุผลว่าทั้งสถานที่และบุคคลากรซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ทหารที่ได้รับมอบหมายนั้นขาดทักษะและความเชี่ยวชาญในการกำกับดูแลสวัสดิภาพของผู้ต้องขังให้เป็นไปตามมาตรฐานสิทธิมนุษยชน ไม่มีความเหมาะสมในการควบคุมตัวและไม่มีเหตุจำเป็นในการจัดตั้งเรือนจำชั่วคราวในพื้นที่มณฑลทหารบกที่ 11 ซึ่งส่งผลให้เกิดเหตุร้ายกับผู้ต้องขังถึงสองราย
ศูนย์ทนายความฯ เรียกร้องให้ปิดเรือนจำชั่วคราวแขวงถนนนครไชยศรีและย้ายผู้ต้องขังไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพ และเปิดเผยเอกสารการชันสูตรพลิกศพ พร้อมทั้งเปิดเผยรายงานตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อความโปร่งใส เพื่อความโปร่งใส เป็นไปตามมาตรฐานด้านสิทธิมนุษยชนและกฎหมาย และสร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชนว่าสิทธิในกระบวนการยุติธรรมจะได้รับความคุ้มครองโดยเจ้าหน้าที่รัฐภายใต้การปกครองของคณะรัฐประหาร
เมื่อวานนี้เว็บไซต์ของ นสพ.กรุงเทพธุรกิจรายงานว่า พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงการอนุมัติให้เปิดเรือนจำชั่วคราวว่าเป็นไปตามคำร้องขอของหน่วยงานความมั่นคงและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมราชทัณฑ์มีหน้าที่ต้องอำนวยความสะดวกกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเรือนจำดังกล่าวคุมขังผู้ต้องขัง 2 คดี คือคดีระเบิดราชประสงค์ และคดีความผิดมาตรา 112 โดยทั้งหมดเป็นคดีที่อยู่ในความผิดชอบของตำรวจ ยืนยันว่าเรือนจำชั่วคราวไม่ใช่เรือนจำทหาร เป็นเรือนจำของกรมราชทัณฑ์ มีระเบียบการดูแลในเรือนจำดังกล่าวเหมือนเรือนจำอื่น เปิดใช้เพื่ออำนวยความสะดวกในเรื่องของการเบิกตัวและการประสานงานต่างๆให้มีความรวดเร็วขึ้น เพราะมีผู้ต้องขังจำนวนน้อย
ทั้งนี้ พล.อ.ไพบูลย์ จะหารือข้อกฎหมายกับอธิบดีกรมราชทัณฑ์กรณีหากจะเปิดเรือนจำชั่วคราวฯ แห่งนี้ ให้สื่อเข้าไปตรวจสอบ เพื่อเผยแพร่สู่ประชาชนว่าเรือนจำมีมาตรฐานอย่างไร ข้อกฎหมายจะสามารถทำได้หรือไม่ เพื่อคลายความสงสัย
บีบีซีไทย - BBC Thais foto.
ออง ซาน ซู จี ขอเจรจาสร้างความปรองดองในชาติกับกองทัพ
นางออง ซาน ซู จี ผู้นำฝ่ายค้านเมียนมาร์ ขอพบหารือคณะผู้นำเมียนมาร์ที่ได้รับการหนุนหลังจากกองทัพในสัปดาห์หน้าเพื่อเจรจาเรื่องการสร้างความปรองดองในชาติ
เว็บไซต์ข่าวอิรวดีรายงานว่า นางออง ซาน ซู จี ได้เขียนจดหมายถึงประธานาธิบดีเต็ง เส่ง, ผู้บัญชาการกองทัพ และประธานรัฐสภาเมียนมาร์ เพื่อขอเข้าพบหารือเรื่องการสร้างความปรองดองในชาติในสัปดาห์หน้า โดยชี้ว่าการปฏิบัติตามเจตนารมณ์ของประชาชนที่แสดงออกมาในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 8 พ.ย.... อย่างสันตินั้น ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อศักดิ์ศรีของประเทศและความสงบในใจของประชาชน
ด้านโฆษกประธานาธิบดีเต็ง เส่ง ได้แสดงความยินดีกับพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (เอ็นแอลดี) ของนางออง ซาน ซู จี แต่ระบุว่า การพบหารือจะมีขึ้นภายหลังการประกาศผลการเลือกตั้งขั้นสุดท้าย พร้อมกับปฏิเสธข่าวที่ว่ามีความพยายามทำให้การประกาศผลการเลือกตั้งล่าช้าออกไป
ขณะเดียวกันนางออง ซาน ซู จี สามารถครองที่นั่งในเขตกอว์มู ในนครย่างกุ้งซึ่งเป็นเขตเลือกตั้งของตนเองเอาไว้ได้ และแม้ว่าจะถูกรัฐธรรมนูญห้ามมิให้สามารถดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี แต่นางออง ซาน ซู จี ระบุว่านั่นจะไม่เป็นอุปสรรคที่ตนจะเป็นผู้ตัดสินใจในทุก ๆ เรื่อง

พรรคเอ็นแอลดี มีคะแนนนำโด่งในการเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยล่าสุดมีการประกาศผลการเลือกตั้งไปแล้วราว 40% และพรรคเอ็นแอลดีก็กวาดที่นั่งไปเกือบ 90% ขณะที่พรรคยูเอสดีพีของรัฐบาล ซึ่งเคยชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลายเมื่อ 5 ปีก่อน กลับได้ที่นั่งราว 5% แต่ยังมีที่นั่งที่สำรองไว้ให้ผู้แทนจากกองทัพอีก 1 ใน 4 ของที่นั่งในสภาทั้งหมด โจนาธาน เฮด ผู้สื่อข่าวบีบีซีบอกว่า ผลการเลือกตั้งครั้งนี้สร้างความอับอายให้กับพรรคยูเอสดีพีเป็นอย่างมาก
ด้านคณะกรรมการการเลือกตั้งค่อย ๆ ทยอยประกาศผลการเลือกตั้งออกมา แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะประกาศผลการเลือกตั้งขั้นสุดท้ายเมื่อใด โดยล่าสุดพรรคยูเอสดีพีได้ไป 10 ที่นั่งจากที่นั่งของทั้งสองสภาจำนวน 491 ที่นั่งที่เปิดให้พรรคการเมืองต่าง ๆ ลงชิงชัยกัน ขณะที่พรรคเอ็นแอลดีกวาดที่นั่งไปแล้ว 163 ที่นั่ง ซึ่งหากพรรคเอ็นแอลดีจะชนะเสียงข้างมากก็จะต้องกวาดที่นั่งให้ได้ 329 ที่นั่งหรือ 2 ใน 3 ของที่นั่งทั้งหมด 664 ที่นั่ง สำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้มีผู้มีสิทธิ์ออกเสียงราว 30 ล้านคน และมีผู้ออกไปใช้สิทธิ์ราว 80%
‪#‎Myanmar2015Election‬, ‪#‎MyanmarElection2015‬



Inga kommentarer:

Skicka en kommentar