คลิกดู-หยุดดัดจริตประเทศไทย
"การทุจริตเลี่ยงภาษีนำเข้าบุหรี่นอก 68,000 ล้านบาท"
มหากาพย์การทุจริตที่ใหญ่หลวงของประเทศไทยอันหนึ่งที่รับรองว่าสะท้านไม่แพ้ "อุทยานราชภักดิ์" ที่กำลังร้อนระอุอยู่ในเวลานี้ จริงๆเรื่องนี้มันเกิดมานานมากแล้วตั้งแต่ปี 2551 แต่เผอิญว่ารัฐบาล คสช. ประกาศหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาสะสางให้จบสิ้น
เรื่องนี้ถูกกระแสราชภักดิ์กลบซะมิด จนคนแทบไม่สนใจ แต่วันนี้เราขอหยิบขึ้นมานำเสนอให้สังคมไทยได้รับรู้คือเรื่อง
"การทุจริตเลี่ยงภาษีนำเข้าบุหรี่นอก 68,000 ล้านบาท"
อย่างที่เกริ่นนำไปว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2551 คือมีบริษัทข้ามชาติ ที่นำเข้าบุหรี่นอก มาขายในประเทศไทย นามว่าบริษัท "ฟิลิปมอร์ริส ประเทศไทย จำกัด"
ประมาณ 12 พ.ย. 2551 อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้เริ่มสอบสวนการเลี่ยงภาษีดังกล่าวของบริษัทฟิลิปมอร์ริส ยกตัวอย่างง่ายๆ บุหรี่ชื่อดังยี่ห้อ "มาร์โบโล" (Marlboro) การนำเข้าของนอกจะต้องสำแดงราคาให้ "กรมศุลากร" โดยราคาการนำเข้าดังนี้
ฟิลิปมอร์ริส ประเทศไทย นำเข้าที่ซองละ 7.76 บาท
-------------
King Power นำเข้าที่ซองละ 27.46 บาท
การบินกรุงเทพ นำเข้าที่ซองละ 30.39 บาท
นำเข้าของราคาแพง ก็ต้องเสียภาษีให้รัฐบาลผ่านกรมศุลกากรที่เยอะ จะเห็นได้ว่าราคาของการนำเข้า แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว เทียบกันแล้วต่ำกว่าบริษัทอื่นๆเกือบ 4 เท่าตัว เทียบจากการนำเข้าของบริษัทต่างๆในประเทศไทย แต่เชื่อหรือไม่ฟิลิปมอร์ริส นำเข้าถูกกว่านำเข้าที่สิงคโปร์ เสียอีก (สิงคโปร์ตกนำเข้าซองละ 20 บาท)
นี่คือการสำแดงเท็จต่อรัฐ ทำให้รัฐเก็บภาษีได้น้อยกว่าที่ควรจะเป็น ดีเอสไอมีหนังสือถึงอัยการสูงสุดว่าควรให้สั่งฟ้อง เรียกค่าเสียหายจากฟิลิปมอร์ริสจำนวน 68,000 ล้านบาท ตามกฎหมายไทยเลี่ยงภาษีต้องโดนโทษปรับ 4 เท่า ดังนั้นเงินที่ประเทศไทยต้องเก็บกับบริษัทนี้คือ 270,000 ล้านบาท โดยประมาณ
แต่อยู่ดีในสมัยของรัฐบาล "นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ปี 2554 มีการเรียกอัยการสูงสุดและดีเอสไอ "ไม่ฟ้อง" คดีดังกล่าว จนถูกพรรคเพื่อไทยที่เป็นฝ่ายค้านในเวลานั้นอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ต่อมาในสมัยของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อัยการสูงสุดคือ "นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์" ได้ทำการเซ็นอนุมัติให้ "สั่งฟ้อง" บริษัทฟิลิปมอร์ริส ประเทศไทย ในวันที่ 2 ตุลาคม 2556 ก่อนเกษียณอายุราชการ
ภายหลังประเทศไทยก็เกิดวิกฤตการณ์ทางการเมืองจนนำมาสู่การ "รัฐประหาร 22 พ.ค. 2557" ปรากฎว่าเรื่องนี้ก็หายเข้ากลีบเมฆ ไม่มีการดำเนินการใดๆแม้ว่ารัฐบาล คสช. มีอำนาจเด็ดขาด มีมาตรา 44 ในมือ เพียงแค่เซ็นคำสั่งให้เล่นงานฟิลิปมอร์ริส ทุกอย่างก็จบ แต่ปรากฎว่า เรื่องก็ซ้ำรอยรัฐบาล "อภิสิทธิ์" เมื่อ คสช. ประกาศนำคดีใหญ่ในอดีตขึ้นมาสะสาง คดีฟิลิปล์มอร์ริสก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย
แต่แล้ว "นายวิษณุ เครืองาม" รองนายกฯ ฝ่ายกฎหมายของ คสช. กลับใช้ทำเนียบเป็นซ่องโจร เรียกอัยการสูงสุดและดีเอสไอ มาสั่งประมาณว่า "ให้สอบสวนใหม่" เริ่มนับหนึ่งกันตั้งแต่ต้น ทั้งๆที่คดีนี้กำลังจะหมดอายุความในปี 2559
คำถามคือ "วิษณุ เครืองาม" มาเสือกอะไรด้วย? ต้องการจะช่วยฟิลิปมอร์ริสให้พ้นผิดหรืออย่างไร มีผลประโยชน์กันหรือไม่ ทำไมถึงขนาดลงทุนเรียกอัยการสูงสุดและดีเอสไอ มาคุยถึงทำเนียบ แทรกแซงกระบวนการยุติธรรมในคดีดังกล่าว
หน้าที่ของรัฐบาล คสช. ในตอนนี้มีอย่างเดียวในกรณีนี้คือ พาตัวผู้ต้องหาคือฟิลิปมอร์ริส ประเทศไทย ไปส่งให้กับศาล เพื่อตัดสินคดีความทางแพ่ง เรียกผลประโยชน์คืนให้กับชาติ
เงินจำนวน 68,000 ล้านบาทไม่ใช่น้อยๆ ลองคิดเล่นๆว่าถ้าฟิลิปล์มอร์ริสรอดขึ้นมา เพราะการกระทำของวิษณุ เครืองาม เปอร์เซ็นต์จากเงินก้อนนี้ก็อาจจะลอยไปเข้ากระเป๋าผู้มีอำนาจบางคนก็เป็นไปได้ แล้วคิดอีกครั้ง เรื่องนี้มีการพยายามเตะถ่วงและขัดขวางไม่ให้เดินหน้า ในสมัยของรัฐบาลพวกไหน? สมัยอภิสิทธิ์ก็จะไม่ให้สั่งฟ้อง สมัย คสช. ก็จะให้สอบใหม่
บริษัทข้ามชาติอันนี้ มันใหญ่ขนาดคนในรัฐบาลต้องเกรงใจ หรือว่ามันมีคนในรัฐบาลที่ผลประโยชน์ทับซ้อนกันอยู่ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ แต่จะเห็นได้ว่า คสช. ไม่พูดถึงเลย แต่เรื่องจำนำข้าว แทบจะแถลง 3 เวลาหลังอาหาร ขนาดส่งขึ้นศาลแล้วยังไม่พอใจ จะใช้กฎหมายพิเศษเรียกค่าเสียหายกับอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทำไมเรื่องเลี่ยงภาษีบุหรี่ นอกจากไม่สะทกสะท้าน แต่กลับมีท่าทีช่วยเหลือคนเลี่ยงภาษี
นี่นะเหรอรัฐบาลที่จะมาปราบการโกง? ถ้ารักชาติจริงก็ควรจะแชร์ออกไป แล้วตั้งคำถามกับ คสช. เหมือนที่กระชากการทุจริตในโครงการอุทยานราชภักดิ์ อย่าปล่อยให้คนโกงมีที่ยืนในสังคม
หมายเหตุ : ไม่ต้องไปถามองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน หรือ ป.ป.ช. หรอกนะ เพราะเขาไม่คิดจะทำอะไรอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่คดีในฝ่ายตรงข้าม คสช. เขาไม่รับเรื่อง
ที่มา : http://www.prachatai.com/journal/2015/08/61033
@ หยุดดัดจริตประเทศไทย
เรื่องนี้ถูกกระแสราชภักดิ์กลบซะมิด จนคนแทบไม่สนใจ แต่วันนี้เราขอหยิบขึ้นมานำเสนอให้สังคมไทยได้รับรู้คือเรื่อง
"การทุจริตเลี่ยงภาษีนำเข้าบุหรี่นอก 68,000 ล้านบาท"
อย่างที่เกริ่นนำไปว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2551 คือมีบริษัทข้ามชาติ ที่นำเข้าบุหรี่นอก มาขายในประเทศไทย นามว่าบริษัท "ฟิลิปมอร์ริส ประเทศไทย จำกัด"
ประมาณ 12 พ.ย. 2551 อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้เริ่มสอบสวนการเลี่ยงภาษีดังกล่าวของบริษัทฟิลิปมอร์ริส ยกตัวอย่างง่ายๆ บุหรี่ชื่อดังยี่ห้อ "มาร์โบโล" (Marlboro) การนำเข้าของนอกจะต้องสำแดงราคาให้ "กรมศุลากร" โดยราคาการนำเข้าดังนี้
ฟิลิปมอร์ริส ประเทศไทย นำเข้าที่ซองละ 7.76 บาท
-------------
King Power นำเข้าที่ซองละ 27.46 บาท
การบินกรุงเทพ นำเข้าที่ซองละ 30.39 บาท
นำเข้าของราคาแพง ก็ต้องเสียภาษีให้รัฐบาลผ่านกรมศุลกากรที่เยอะ จะเห็นได้ว่าราคาของการนำเข้า แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว เทียบกันแล้วต่ำกว่าบริษัทอื่นๆเกือบ 4 เท่าตัว เทียบจากการนำเข้าของบริษัทต่างๆในประเทศไทย แต่เชื่อหรือไม่ฟิลิปมอร์ริส นำเข้าถูกกว่านำเข้าที่สิงคโปร์ เสียอีก (สิงคโปร์ตกนำเข้าซองละ 20 บาท)
นี่คือการสำแดงเท็จต่อรัฐ ทำให้รัฐเก็บภาษีได้น้อยกว่าที่ควรจะเป็น ดีเอสไอมีหนังสือถึงอัยการสูงสุดว่าควรให้สั่งฟ้อง เรียกค่าเสียหายจากฟิลิปมอร์ริสจำนวน 68,000 ล้านบาท ตามกฎหมายไทยเลี่ยงภาษีต้องโดนโทษปรับ 4 เท่า ดังนั้นเงินที่ประเทศไทยต้องเก็บกับบริษัทนี้คือ 270,000 ล้านบาท โดยประมาณ
แต่อยู่ดีในสมัยของรัฐบาล "นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ปี 2554 มีการเรียกอัยการสูงสุดและดีเอสไอ "ไม่ฟ้อง" คดีดังกล่าว จนถูกพรรคเพื่อไทยที่เป็นฝ่ายค้านในเวลานั้นอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ต่อมาในสมัยของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อัยการสูงสุดคือ "นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์" ได้ทำการเซ็นอนุมัติให้ "สั่งฟ้อง" บริษัทฟิลิปมอร์ริส ประเทศไทย ในวันที่ 2 ตุลาคม 2556 ก่อนเกษียณอายุราชการ
ภายหลังประเทศไทยก็เกิดวิกฤตการณ์ทางการเมืองจนนำมาสู่การ "รัฐประหาร 22 พ.ค. 2557" ปรากฎว่าเรื่องนี้ก็หายเข้ากลีบเมฆ ไม่มีการดำเนินการใดๆแม้ว่ารัฐบาล คสช. มีอำนาจเด็ดขาด มีมาตรา 44 ในมือ เพียงแค่เซ็นคำสั่งให้เล่นงานฟิลิปมอร์ริส ทุกอย่างก็จบ แต่ปรากฎว่า เรื่องก็ซ้ำรอยรัฐบาล "อภิสิทธิ์" เมื่อ คสช. ประกาศนำคดีใหญ่ในอดีตขึ้นมาสะสาง คดีฟิลิปล์มอร์ริสก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย
แต่แล้ว "นายวิษณุ เครืองาม" รองนายกฯ ฝ่ายกฎหมายของ คสช. กลับใช้ทำเนียบเป็นซ่องโจร เรียกอัยการสูงสุดและดีเอสไอ มาสั่งประมาณว่า "ให้สอบสวนใหม่" เริ่มนับหนึ่งกันตั้งแต่ต้น ทั้งๆที่คดีนี้กำลังจะหมดอายุความในปี 2559
คำถามคือ "วิษณุ เครืองาม" มาเสือกอะไรด้วย? ต้องการจะช่วยฟิลิปมอร์ริสให้พ้นผิดหรืออย่างไร มีผลประโยชน์กันหรือไม่ ทำไมถึงขนาดลงทุนเรียกอัยการสูงสุดและดีเอสไอ มาคุยถึงทำเนียบ แทรกแซงกระบวนการยุติธรรมในคดีดังกล่าว
หน้าที่ของรัฐบาล คสช. ในตอนนี้มีอย่างเดียวในกรณีนี้คือ พาตัวผู้ต้องหาคือฟิลิปมอร์ริส ประเทศไทย ไปส่งให้กับศาล เพื่อตัดสินคดีความทางแพ่ง เรียกผลประโยชน์คืนให้กับชาติ
เงินจำนวน 68,000 ล้านบาทไม่ใช่น้อยๆ ลองคิดเล่นๆว่าถ้าฟิลิปล์มอร์ริสรอดขึ้นมา เพราะการกระทำของวิษณุ เครืองาม เปอร์เซ็นต์จากเงินก้อนนี้ก็อาจจะลอยไปเข้ากระเป๋าผู้มีอำนาจบางคนก็เป็นไปได้ แล้วคิดอีกครั้ง เรื่องนี้มีการพยายามเตะถ่วงและขัดขวางไม่ให้เดินหน้า ในสมัยของรัฐบาลพวกไหน? สมัยอภิสิทธิ์ก็จะไม่ให้สั่งฟ้อง สมัย คสช. ก็จะให้สอบใหม่
บริษัทข้ามชาติอันนี้ มันใหญ่ขนาดคนในรัฐบาลต้องเกรงใจ หรือว่ามันมีคนในรัฐบาลที่ผลประโยชน์ทับซ้อนกันอยู่ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ แต่จะเห็นได้ว่า คสช. ไม่พูดถึงเลย แต่เรื่องจำนำข้าว แทบจะแถลง 3 เวลาหลังอาหาร ขนาดส่งขึ้นศาลแล้วยังไม่พอใจ จะใช้กฎหมายพิเศษเรียกค่าเสียหายกับอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทำไมเรื่องเลี่ยงภาษีบุหรี่ นอกจากไม่สะทกสะท้าน แต่กลับมีท่าทีช่วยเหลือคนเลี่ยงภาษี
นี่นะเหรอรัฐบาลที่จะมาปราบการโกง? ถ้ารักชาติจริงก็ควรจะแชร์ออกไป แล้วตั้งคำถามกับ คสช. เหมือนที่กระชากการทุจริตในโครงการอุทยานราชภักดิ์ อย่าปล่อยให้คนโกงมีที่ยืนในสังคม
หมายเหตุ : ไม่ต้องไปถามองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน หรือ ป.ป.ช. หรอกนะ เพราะเขาไม่คิดจะทำอะไรอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่คดีในฝ่ายตรงข้าม คสช. เขาไม่รับเรื่อง
ที่มา : http://www.prachatai.com/journal/2015/08/61033
@ หยุดดัดจริตประเทศไทย
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar