โลกสวยล่มคนภูฎานเลิกพอเพียงเทเสียงให้ฝ่้ายค้าน
ข่าวจากThai E- News
ประเทศในนิทาน-กษัตริย์รูปงาม ราชินีผู้เลอโฉม ปกครองดินแดนแห่งความสุข ซึ่งบรรดาโลกสวยชาวไทยเพ้อฝัน กำลังจะเป็นตำนาน เมื่อผลการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยออกมาล่าสุดว่า พลเมืองประเทศนั้นได้ปฏิเสธมันแล้ว
GNH vs GDP ช่วงหลายปีมานี้ แนวโลกสวยบ้านเรามักขายฝัน “ภูฏาน” ว่าเป็นประเทศ “พอเพียง” ผู้คนยึด “ความสุข” (GNH) เป็นหลักมากกว่า “ความร่ำรวย” (GDP)
และตอนที่ภูฏานจัดเลือกตั้ง
แต่จากการเลือกตั้งล่าสุดเม
พรรค PDP มีนายTshering Togbay เป็นหัวหน้าพรรค เขาจบปริญญาโทด้านบริหารธุร
ข่าวนี้ประกาศให้บรรดาโลกสว
http://thediplomat.com/
โดย โกวิท วงศ์สุรวัฒน์
ราช อาณาจักรภูฏานเป็นประเทศเล็กๆ ไม่มีทางออกทะเล ตั้งอยู่ในเทือกเขาหิมาลัยล้อมรอบด้วยประเทศยักษ์ใหญ่ทั้ง 2
แห่งทวีปเอเชียคือ อินเดียทางใต้และจีนทางเหนือ ซึ่งการรักษาเอกราชของประเทศ จึงเป็นเรื่องที่ยากลำบากยิ่ง ในขณะที่ประเทศ ทิเบตที่ตั้งอยู่ทางเหนือพรมแดนติดกับภูฏานก็ถูกจีนยึดครองใน พ.ศ.2493 และประเทศสิกขิมที่อยู่ทางทิศตะวันตก
พรมแดนติดกับภูฏานเช่นกันก็ถูกอินเดีย ยึดครองไปใน พ.ศ.2518
ภูฏานเป็นภาษาสันสกฤตแปลว่า "แผ่นดินบนที่สูง" แต่คนภูฏานเรียกดินแดนของพวกเขาว่า "ดินแดนแห่งมังกรสายฟ้า"
ภูฏานมีเนื้อที่ประมาณ 38,394 ตารางกิโลเมตร (ใหญ่
ขนาดจังหวัดนครราชสีมากับอุบลราชธานีรวมกันเท่นั้นแหละ)
มีประชากรประมาณ 750,000 คน ภูฏานเป็นประเทศที่ถูกจัดโดยสหประชาชาติว่าเป็นประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุด (Least developed country-LDC)
ที่มีอยู่ 14 ประเทศในทวีปเอเชียโดยวัดจากความยากจน, ทรัพยากรมนุษย์ที่อ่อนแอทางด้านโภชนาการ, สุขภาพ, การศึกษากับจำนวนผู้รู้หนังสือ
และความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจที่ขึ้นอยู่กับผลิตผลทางการเกษตรที่มีราคาปรวน แปรสูง เป็นต้น
ประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของภูฏานเริ่มขึ้นใน พ.ศ.2450 เมื่อราชวงศ์วังชุกขึ้นเถลิงอำนาจเป็นพระราชาธิบดีปกครองภูฏานแบบสมบูรณาญา สิทธิราชย์
การปกครองภูฏานภายใต้พระราชาธิบดีทั้ง 2 รัชกาลสงบราบรื่นดี หลังจากนั้น พระราชาธิบดีจิกมี ดอร์จิ วังชุก กษัตริย์รัชกาลที่ 3 ของราชวงศ์วังชุก
พระองค์ทรงเป็นผู้นำสมัยใหม่ นำความทันสมัยของโลกมาสู่ภูฏาน ทรงปรับปรุงประเทศจนได้รับสมญานามว่า "พระบิดาแห่งภูฏานยุคใหม่"
พระองค์ทรงนำภูฏานเข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติได้สำเร็จใน พ.ศ.2514 (สำคัญมากนะครับสำหรับประเทศเล็กๆ ที่จะต้องเป็นสมาชิกสหประชาชาติ
เพื่อป้องกันการถูกรุกรานหรือถูกผนวกเข้า เป็นส่วนหนึ่งของประเทศยักษ์ใหญ่ ประเทศไทยของเราเองก็ดิ้นรนเข้าเป็นสมาชิกของสหประชาติเมื่อ พ.ศ.2489
และโมนาโกก็พยายามเข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติจนสำเร็จใน พ.ศ.2536 เช่นเดียวกับภูฏานนั่นเอง)
พระราชาธิบดีจิกมี ซิงเย นัมเกล วังชุก ขึ้นครองราชย์ เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ.2517 เป็นพระราชาธิบดี องค์ที่ 4 แห่งราชวงศ์วังชุก
ทรงนำการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ไปสู่ระบอบ ประชาธิปไตย ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขภายใต้รัฐธรรมนูญ
เมื่อปี พ.ศ.2541 สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี ซิงเย นัมเกล วังชุก ได้ทรงเปลี่ยนแปลงระบบการบริหารราชการแผ่นดินจากแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์
โดยให้มีหัวหน้ารัฐบาลและสภาคณะมนตรีทำหน้าที่บริหารประเทศ ซึ่งเป็นการกระจายอำนาจการปกครองและลดการรวมศูนย์
ที่พระมหากษัตริย์เพียง พระองค์เดียว
ภูฏานร่างรัฐธรรมนูญฉบับแรกแล้วเสร็จเมื่อต้นปี พ.ศ.2548 โดยศึกษารัฐธรรมนูญของประเทศต่างๆ กว่า 150 ประเทศ รวมทั้งของไทยด้วย เพื่อเป็นต้นแบบในการพัฒนาการเมือง
ให้มีความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้นโดยรัฐ ธรรมนูญภูฏานกำหนดอำนาจหน้าที่ของพระมหากษัตริย์ และอำนาจบริหารประเทศของคณะรัฐมนตรี ระบบรัฐสภาประกอบด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 75 คน
และวุฒิสภา 25 คน ส่วนพรรคการเมืองนั้นกำหนดให้มีเพียง 2 พรรคเท่านั้น
นอกจากนี้ ยังกำหนดวาระการครองราชย์ของพระราชาธิบดีให้อยู่ในตำแหน่งจนถึงอายุ 65 พรรษา ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ภูฏานต้องการลดบทบาทของพระราชาธิบดี
และต้องการให้พรรคการเมืองเข้ามามีส่วนร่วมในการปกครองประเทศในระบอบ ประชาธิปไตยมากขึ้น
ประเทศภูฏานจัดการเลือกตั้งภายใต้ระบอบ ประชาธิปไตยเป็นครั้งแรกใน พ.ศ.2550 ซึ่งจะเป็นวาระที่ภูฏานมีการปกครองในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ครบ 100 ปี
พระ ราชาธิบดีจิกมี ซิงเย นัมเกล วังชุก ยังเป็นผู้เสนอและนำแนวทางของความสุขมวลรวมประชาชาติ (Gross National Happiness, GNH)
เป็นการมองการพัฒนาประเทศที่ไม่ได้เน้นตัวเลขในการเติบโตทางเศรษฐกิจ (Gross Domestic Product, GDP) แต่เน้นมุมมองเรื่อง "ความสุข" ที่แท้จริงของสังคมเป็นหลัก
ปัจจุบันแนวคิด GNH กำลังได้รับความสนใจจากนักวิชาการและนักกิจกรรมทางสังคมในหลายๆ ประเทศ เนื่องจากเล็งเห็นว่าการพัฒนาทางเศรษฐกิจที่มี GDP (ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ)
เป็นเกณฑ์นั้นมักนำมาซึ่งผลกระทบในทางลบมากขึ้นทุกที
เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ.2548 ซึ่งเป็นวันชาติภูฏาน สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี ซิงเย นัมเกล วังชุก ได้ประกาศเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์
ไปเป็นระบอบ ประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขภายใต้รัฐธรรมนูญและประกาศจะ ทรงสละราชบัลลังก์ให้กับมกุฎราชกุมาร จิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ในปี พ.ศ.2549
ภูฏานจัดการเลือกตั้งทั่วไปขึ้นครั้งแรกในวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2551 มีพรรคการเมืองสองพรรคคือพรรคภูฏานสันติภาพและรุ่งเรือง (DPT) ซึ่งเป็นพรรคอนุรักษนิยมได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้น
เหนือพรรคประชาธิปไตย ประชาชน (PDP) ซึ่งเป็นพรรคเสรีนิยมด้วยที่นั่งในรัฐสภา 45:2 ซึ่งในช่วง 4 ปีของการบริหารงานของพรรค DPT จึงเน้นเรื่องความสุขมวลรวมประชาชาติ (GNH) มาก
และได้เผยแพร่ออกไปทั่วโลก
แต่ในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่สอง ของภูฏานในเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2513 ปรากฏว่าเกิดการพลิกล็อกครั้งใหญ่เนื่องจากว่าพรรค PDP ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน
ได้รณรงค์หาเสียงที่จะพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศตามแนวทุน นิยมนั่นคือ การเน้นการเจริญเติบโตของรายได้ประชาชาติ (GDP) มากกว่าความสุขมวลรวมประชาชาติ (GNH)
ปรากฏว่าพรรค PDP ได้รับที่นั่งในรัฐสภา 32 ที่นั่ง ส่วนพรรค DPT ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลเดิมได้รับที่นั่งในรัฐสภาเพียง 15 ที่นั่งเท่านั้น
นายก รัฐมนตรีคนใหม่ของภูฏานคือ นายซีริง โทบเก อายุ 47 ปี ผู้จบปริญญาตรีทางวิศวกรรมศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแห่งพิตสเบิร์กและปริญญาโท ทางรัฐประศาสนศาสตร์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
เคยรับราชการเป็นอธิบดีกรมอาชีวศึกษา ก่อนที่จะมาเล่นการเมืองโดยเป็นหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านในรัฐสภามาตลอด 4 ปี ก่อนที่จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีในปีนี้เอง
นายซีริง โทบเก ได้ให้สัมภาษณ์สำนักข่าว AFP อย่างชัดแจ้งว่า GDP ต้องมาก่อน GNH เพราะว่าการเสียเวลาพูดถึงความสุขมวลรวมประชาชาติมากๆ โดยไม่ทำงานนั้น
ทำให้ประเทศภูฏานไม่ใส่ใจในปัญหาที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าคือ หนี้สาธารณะของภูฏานได้เพิ่มขึ้นรวดเร็วมากจนเกิดการขาดแคลนเงินตราระหว่างประเทศ
อัตราการว่างงานโดยเฉพาะอย่างยิ่งการว่างงานของคนหนุ่มสาวและการคอร์รัปชั่น ที่เริ่มเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งปัญหาหลัก 4 ประการนี้ ทางการภูฏานต้องเร่งจัดการเป็นการเร่งด่วน
ยิ่งกว่านั้น นายกรัฐมนตรี ซีริง โทบเก ยังกล่าวอย่างประชดประชันว่า GNH คือ "Government Needs Help" ต่างหาก
ขอขอบคุณ บทความดีดี จากอ.โกวิท วงศ์สุรวัฒน์ นสพ. มติชนรายวัน 25 ก.ย. 2556
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar