จักรภพ เพ็ญแข - Jakrapob Penkair
ขอร่วมระดมสมองกับรัฐบาลในกรณีมีผู้คัดค้านการก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์สักหน่อยครับ
ขณะ
นี้ความคิดเห็นขัดแย้งในกรณีนี้ยังไม่บานปลาย
การเมืองระดับลูกน้องหรือระดับผู้ปฏิบัติยังไม่ซึมเข้ามามาก
มีแต่การเมืองในระดับโครงสร้าง
(การแย่งชิงอำนาจในการควบคุมดูแลทรัพยากรน้ำ) ซึ่งเราต้องคอยรับมืออยู่แล้ว
นี่จึงถือเป็นจังหวะเวลาที่ดี และมีค่ายิ่ง
ที่เราจะวางกรอบสื่อสารของภาครัฐให้ถูกต้องเสียตั้งแต่ต้นมือ
อย่าให้ซ้ำกับกรณีแปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยในยุครัฐบาลทักษิณ
ที่เราปล่อยให้เวลาอันมีค่าผ่านพ้นไปจนต้องเผชิญหน้ากันและกลายเป็นสงคราม
ตัวแทน (a proxy war) ระหว่างสองระบอบ ซึ่งบาดลึกมาจนถึงทุกวันนี้
คำ
ว่า เรา นี้ ผมรวมตัวผมเองเข้าไปด้วย
ในฐานะโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในเวลานั้น ผมยอมรับว่า อ่านไม่ขาด
มองไม่เห็น ไม่รู้เกม
และไม่คาดคิดว่าผู้ใหญ่ขนาดบ้านเมืองที่เราเคยเคารพนับถือมาตลอดชีวิตจะเป็น
ไปได้ถึงขนาดนั้น จึงขอนำข้อผิดพลาดของฝ่ายเราที่ผมมีส่วนรับผิดชอบด้วย
มาเตือนกันในคราวนี้ ก่อนจะต้องมานั่งวิเคราะห์ย้อนหลังกันอีก
ขั้นแรกรัฐบาลควรสื่อสารใน ๒ ประเด็นใหญ่ที่สุดให้ชัดเจนเสียก่อน
เพื่อให้ทุกคนนิ่งและสงบลง เพื่อจะได้หารือกันอย่างปัญญาชน
สองประเด็นนั้นคือ:
๑. ยังไม่มีการตัดสินใจสร้างเขื่อนแม่วงก์ในขณะนี้เลย ข่าวที่ทำให้
พลเมืองบางส่วนเกิดกังวล เป็นเพียงแนวคิดบนแผ่นกระดาษ
ซึ่งอาจปรับเปลี่ยนในสาระสำคัญและในรายละเอียดกันได้อีกหลายรอบ
เวทีที่จะระดมสมองกันได้มีอีกหลายเวที
รวมทั้งกระบวนการประชาพิจารณ์ที่ต้องทำอย่างครบขั้นตอนด้วย
๒. แนวคิดเรื่องการสร้างเขื่อนทั้งหลาย ไม่ได้มาจากรัฐบาล แต่รัฐบาลถูกขอร้องให้รับหน้าเสื่อและแบก “เผือกร้อน” แบบนี้แทนทุกครั้ง อดีต
นายกรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีปัจจุบันจะช่วยยืนยันได้ว่ารัฐบาลมักเป็นเพียง
เลขานุการหรือผู้ประสานงานในโครงการสร้างเขื่อนเท่านั้น ผมขอแนะว่า
รัฐบาลควรแถลงกับประชาชนเจ้าของประเทศให้ชัดเจนว่า
โครงการสร้างเขื่อนทั้งหลายรวมทั้งเขื่อนแม่วงก์ มาจากที่ใด
เลิกรับผิดแทนคนอื่น และปล่อยให้คนที่ไม่ควรได้รับความดี
ลอยตัวไปเรื่อยได้แล้วครับ
ขั้นต่อมา ในฐานะรุ่นลูกและรุ่นน้อง ผมกราบขอร้องให้ ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี
และคุณบรรหาร ศิลปอาชา นายกรัฐมนตรีคนที่ ๒๑ ของเมืองไทยให้ใจเย็นลงหน่อย
ท่านรองนายกฯ
ท่านรู้จักองค์กรพัฒนาเอกชนบางส่วนที่มีพฤติกรรมที่ไม่น่าชื่นชมยกย่อง
จนบางครั้งท่านเลยนึกว่าทุกหน่วยงานแย่เหมือนกันหมด
ผมคิดว่าเราจะได้ประโยชน์มากจากการแยกปลาออกจากน้ำ
องค์กรพัฒนาเอกชนที่จริงใจและคุยกันได้ยังมีตัวตนอยู่
ส่วนพวกที่รับงานจากบรรษัทข้ามชาติที่ให้เงินบริจาคผ่านมาหลายต่อจนถึง
องค์กรของตัวนั้น เราก็ค่อยๆ บอกให้สาธารณชนไทยได้รู้จัก และรับทราบ
ทำเหมือนตอนรัฐบาลแยกปลาออกจากน้ำในกรณีม็อบยางพารานั่นล่ะครับ
(ผู้เดือดร้อนตัวจริงกับนักการเมืองและนายหน้าแฝง)
ส่วนท่านนายกรัฐมนตรีคนที่ ๒๑ นั้น ดูท่านจะฉุนว่า
ผู้ประท้วงไม่ห่วงปัญหาน้ำท่วม และจะเอาแต่เรื่องที่ตนสนใจ
ซึ่งผมก็เข้าใจจิตใจท่าน แต่ผมคิดว่ามีผู้ประท้วงอย่างนี้เป็นการดีแล้ว
อย่าไปต่อว่าเขาเลยครับ มีคนมาจับตามองเรามากๆ อย่างนี้
จะทำให้เราเดินงานในระดับสากลได้สะดวกขึ้นในภาพรวม ถึงเสียงคัดค้านภายใน
ทำให้เราต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงขึ้นในบางครั้ง แต่คุ้มค่า
เพราะการนำผู้เกี่ยวข้อง (stakeholders)
ทั้งหมดมาประชันกันเสียแต่ต้นทางจะช่วยลดความเสี่ยงที่กลางทางและปลายทางไป
ได้มาก เรื่องนี้วานฝากถึงท่านอื่นๆ ด้วยนะครับ
ผมยกสองท่านนี้เป็นเพียงตัวอย่างเพราะเห็นอยู่ในสื่อตอนนี้เท่านั้นเอง
ขั้นต่อมา ประกาศภูมิศาสตร์น้ำของประเทศซึ่งจะใหญ่กว่าแผนแม่บทในการจัดการเรื่องน้ำ เพื่อให้ผู้คนทั่วประเทศได้รู้ว่าแต่ละโครงการเป็นขั้นตอนใดของแผนใหญ่นั้น แต่ระวังหน่อย ตอนจะโยนงบประมาณประชาสัมพันธ์ไปรอบๆ เราต้องวางระบบกรองงานที่ดี และลึกซึ้ง (ขนาดรู้ให้ชัดเลยว่าใครเป็นใคร และใครเป็นต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำของใคร) อย่ากระจายงบประมาณแบบโปรยทาน หรือชิงเปรต สื่อกระแสหลักส่วนหนึ่งเขาไม่ได้มุ่งหวังให้เกิดการพัฒนาประชาธิปไตย แต่มุ่งรักษาอำนาจของระบอบเดิมไว้เสมอ เขาก็จะรับการโปรยทานแล้วไปช่วยฝ่ายตรงข้ามเลื่อนขาเก้าอี้ของรัฐบาลไปเรื่อยๆ ทุกวันเช่นที่ทำมาโดยตลอด โดยเฉพาะสื่อที่พยายามช่วยป้ายสีว่าทุกโครงการของรัฐบาลเป็นเรื่องคอร์รัปชั่นทั้งนั้นนี่ล่ะครับ
ขั้นต่อมา โยงการจัดการทรัพยากรน้ำแห่งชาติของไทย ให้เป็นประเด็นความร่วมมือในอาเซียนและอยู่ภายในกรอบ AEC ไปเสียเลย เพราะการจัดการน้ำคือ ยุทธศาสตร์หลักเรื่องหนึ่งในการพัฒนาภูมิภาคเสมอมา น้ำทำให้เราลดและเพิ่มต้นทุนในชีวิตได้มาก รวมทั้งส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตอย่างใกล้ชิดที่สุดเรื่องหนึ่ง เพื่อนบ้านทุกประเทศที่มีพื้นที่ต่อกันกับไทย ล้วนได้รับผลโดยตรงจากนโยบายจัดการน้ำของไทย โดยเฉพาะในเรื่องผลิตผลทางการเกษตรและอาหาร อย่าให้เป็นเรื่องของไทยล้วนๆ เพราะเราลงทุนทั้งหมดนี้ก็เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในระดับชาติ ไม่ใช่ทำเท่หรือชวนขี่ช้างจับตั๊กแตนแต่อย่างใดเลย ซึ่งจะขยายไปถึงความสามารถการผลิตในระดับภูมิภาคอีกต่อหนึ่ง
โปรดรีบวางกรอบการสื่อสารและประชาสัมพันธ์เรื่องเขื่อนแม่วงก์และการจัดการน้ำในภาพกว้างเสียให้ดีครับ เราเป็นรัฐบาล ไม่ต้องเอาชนะด้วยคำพูดมันทุกเรื่อง เรายกตัวเองขึ้นไปเป็นอนุญาโตตุลาการให้มันสมภาคภูมิเลยจะดีกว่า
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar