torsdag 12 september 2013

...นับเป็นนิมิตรหมายที่ดี....ที่สามารถใช้ระบอบบรัฐสภาแก้ปัญหาถอดถอน สว.สรรหา สมุนเก่า คมช. ตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย เพราะ สว.สรรหาพวกนี้มาจากระบอบเผด็จการและกระทำตนเป็นดั่งเหลือบของรัฐสภา วิ่งไปหาขาใหญ่นอกสภาอย่างศาลรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระ สื่อมวลชนสมุนเก่าของพวกตน ฯลฯ ให้มาทำร้ายสมาชิกรัฐสภาเสียงข้างมาก ด้วยการเสนอข่าวให้ร้ายบ้าง ขอให้ยุบพรรคบ้าง ถอดถอนสมาชิกภาพ สส. สว. บ้าง ฯลฯ เพียงเพราะเสียงข้างมากเขาเห็นต่างจากพวกตน ที่เป็นแค่เสียงส่วนน้อยและแพ้มติในสภามาแล้ว



การลงมติของรัฐสภาเมื่อคืนนี้ที่มีข่าวน้อยมาก แต่น่าสนใจมาก ก็คือการที่รัฐสภาไม่เห็นด้วยกับคณะกรรมาธิการที่เสนอร่างมาว่า “ให้ส.ว.สรรหาชุดปัจจุบัน ยังคงสมาชิกภาพตามจำนวนเท่าที่เหลืออยู่ แต่เพิ่มเติมข้อความห้ามไม่ให้พิจารณาแต่งตั้งหรือถอดถอนบุคคล จนกว่าจะมี ส.ว.เลือกตั้งชุดใหม่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่”

แต่มติที่ประชุมร่วมรัฐสภาเปลี่ยนมาเห็นด้วยกับคำแปรญัตติของ กลุ่มนายนิรมิต สุจารี ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย และคณะ ด้วยคะแนน 333 ต่อ 1 ไม่ลงคะแนน 26 งดออกเสียง 1 ส่งผลให้ ส.ว.สรรหาชุดปัจจุบันจะสิ้นสุดสมาชิกภาพทันทีเมื่อมีส.ว.เลือกตั้ง ชุดใหม่เข้ามา


เพราะความจริงที่คนมากมายรู้กันแจ่มชัดก็คือ สว.สรรหาชุดนี้ หลายคนไม่ได้มีคุณสมบัติใด ๆ เลยที่เหมาะกับการเป็น สว. และจำนวนมากอีกเช่นกัน เช่น กลุ่ม สว. 40 อย่างกลุ่ม นายสมชาย แสวงการ นายประสาร มฤคพิทักษ์ นางรสนา โตสิตระกูล นายคำนูณ สิทธิสมาน พล อ.สมเจตน์ บุญถนอม ฯลฯ นั้น ล้วนกระตือรือร้นเข้าร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ กระทำตนเป็นดั่งเสนียดของรัฐสภา วิ่งไปหาขาใหญ่นอกสภาอย่างศาลรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระ สื่อมวลชนสมุนเก่าของพวกตน ฯลฯ ให้มาทำร้ายสมาชิกรัฐสภาเสียงข้างมาก ด้วยการเสนอข่าวให้ร้ายบ้าง ขอให้ยุบพรรคบ้าง ถอดถอนสมาชิกภาพ สส. สว. บ้าง ฯลฯ เพียงเพราะเสียงข้างมากเขาเห็นต่างจากพวกตน ที่เป็นแค่เสียงส่วนน้อยและแพ้มติในสภามาแล้ว

คนประเภทนี้ คือคนที่ไม่ยอมรับหลักการประชาธิปไตย ที่ต้องเคารพต่อมติของเสียงข้างมาก ไม่รู้จักแพ้ รู้จักชนะ ไม่สมควรอยู่ในรัฐสภาอันทรงเกียรติต่อไปอีกแม้แต่นาทีเดียว
หลังลงมติวาระสามในอีก 15 วันข้างหน้านี้ ก็จะนำเสนอ พรบ.นี้เพื่อลงพระปรมาภิไธย ประกาศในราชกิจจานุเบกษา จากนั้นก็จัดให้มีการเลือกตั้ง สว.ใหม่ ทั้วประเทศ ผลก็คือ

 สว.สรรหา สมุนเก่า คมช.พวกนี้ก็จะหมดวาระ แต่ระหว่างนี้ก็จะทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว เพราะ มาตรา 12 ของ พรบ. แก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ บัญญัติว่า ห้ามไม่ให้พิจารณาแต่งตั้งหรือถอดถอนบุคคล จนกว่าจะมี ส.ว.เลือกตั้งชุดใหม่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่” ยุติอำนาจหน้าที่ของ สว.สรรหาชุดนี้ที่จะปั่นป่วนกวนโอ๊ยประชาชนในเรื่องที่พวกนี้ทำได้และพยายามทำอยู่อย่างเด็ดขาด

เกมของพรรคเพื่อไทยคราวนี้ถือว่าเป็นเรื่อง “เขี้ยว” พอควร เพราะความจริงแล้วมีหลายคนรวมทั้งผมเองด้วยเคยเรียกร้องให้แปรญัตติ ยกเลิก สว.สรรหา ทันที มาก่อน ซึ่งถ้าแปรญัตติตามนี้ในชั้นกรรมาธิการก่อนเข้าสภาแล้ว รับรองว่าวุ่นมาก เพราะไอ้พวกเวรตะไล สว.สรรหา และพรรค ปชป. มันจะวิ่งวุ่นต้านกันเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโตแน่นอน ดังนั้น การทำเป็นคงสถานะของพวกมันไว้จนกว่าจะหมดวาระในชั้นกรรมาธิการ แล้วเข้ามาแปรญัตติเปลี่ยนแปลงไสหัวพวกมันไปเลยทันทีในขั้นลงมติรับร่างวาระ 2 ครั้งนี้

 ถือเป็นเกมในสภาชัดเจน และทั้งพวก สว.สรรหาและ พรรคแมลงสาป ก็ไม่รู้จะแก้ไขได้ทันการอย่างไร ใครว่าเพื่อไทยอ่อนด้อยเรื่องเกมในสภา คราวนี้คงเห็นว่าไม่ใช่

ขอบคุณรัฐสภาที่กำลังช่วยกันปรับประเทศให้เข้าสู่สภาพอารยะสากล อันดับต่อไปมีเรื่องเร่งด่วนที่ต้องรีบจัดการทันที คือกวาดล้างอำนาจอธรรมของขบวนการอยุติธรรม และองค์กรสมุนอำมาตย์ที่อ้างว่าเป็นองค์กรอิสระให้มันหมดสิ้นไป หรืออยู่ในมาตรฐานสากลที่ควรเป็น ไม่เอียงกะเท่เร่อย่างในช่วงหกเจ็ดปีที่ผ่านมา รีบทำนะครับ เดี๋ยวประเทศต่าง ๆ ในโลกนี้ที่จะมีนิติสัมพันธ์กับไทย เขาจะพากันเรียกร้องขอให้จัดการความขัดแย้งด้วยอนุญาโตตุลาการเท่านั้น หรืออาจเลยเถิดไปถึงขั้นขอให้มีศาลกงสุล มีสิทธิสภาพนอกอาณาเขตทางศาล แทนกระบวนการยุติธรรมในประเทศกันก็ได้ ซึ่งทั้งนี้และทั้งนั้น พวกตุลาการวิบัติไม่กี่ตัวที่อยู่ในอำนาจอธิปไตยที่เรียกว่าอำนาจตุลาการของเราเองนั่นแหละ ที่หกเจ็ดปีมานี้พากันทำให้อาจเกิดปัญหาแบบนั้นขึ้นได้ โดย ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก  

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar