โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม
กองทัพไทยมีประเพณีอันยาวนานและเลวทรามในการขัดขวาง
ประชาธิปไตย
ทำร้ายประชาชนและเข้าแทรกแซงการเมืองเมื่อมองว่าจะเป็นผลประโยชน์ต่อตนเอง
ตัวอย่างคือเหตุการณ์สังหารหมู่ที่กรุงเทพฯ ในปี 2553
ที่พวกเขาไม่ลังเลใจที่จะสนับสนุนรัฐบาลนายอภิสิทธิ์แม้ว่ารัฐบาลนี้จะ
ปราศจากประชามติตามระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริงก็ตาม
และยังปรากฎด้วยว่าพวกเขาคือผู้กระทำมีความช่ำชองและยินดีที่จะสั่งพลซุ่ม
ยิงให้สังหารประชาชนมือเปล่าและตั้ง “เขตใช้กระสุนจริง”
เพื่อพิทักษ์อำนาจตนเอง
การพิทักษ์อำนาจที่มักนำไปใช้เพื่อทำลายประชาธิปไตยคือข้อเท็จจริงทาง
ประวัติศาสตร์ที่ไม่สามารถปฏิเสธได้
การทำรัฐประหารหลายครั้งเพื่อใช้กำลังบังคับให้มีการระงับสิทธิทางการเมือง
ตามระบอบประชาธิปไตยของประชาชนไทยกลายเป็นเรื่องปกติ
ดูเหมือนว่าการข่มขู่ทำรัฐประหารเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ในการดำเนินชีวิตทาง
การเมืองของคนไทย
ในทางตรงข้าม
เมื่อรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยขอความช่วยเหลือเพื่อปก
ป้องสิทธิทางการเมืองของประชาชนไทย ทหารกลับทำไม่รู้ไม่ชี้
กลุ่มนายพลที่ชั่วช้า (มี “นายพล” หลายระดับหลายร้อยนายในกองทัพไทย)
และผู้บัญชาการทหารได้จัดแถลงข่าวและข่มขู่สมาชิกรัฐสภาที่มาจากการเลือก
ตั้งทางอ้อม
และหาอ้างอ้างแบบน่าสมเพชเพื่อมาอธิบายว่าทำไมพวกเขาจึงไม่ต้องอยู่ภายใต้
การควบคุมของพลเรือนตามระบอบประชาธิปไตยและรับผิดทางกฎหมาย
และทำไมกองทัพจึงต้องรักษา “ความเป็นกลาง”
ซึ่งในบริบทการเมืองไทยหมายความว่าคุณยอมรับกลุ่มต่อต้านประชาธิปไตยว่าเป็น
กลุ่มการเมืองซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ปกติของการพูดคุยทางการเมืองไปโดยปริยาย
อย่างชัดเจน ดังนั้น
ความเป็นกลางในกรณีนี้คือสัตว์ประหลาดที่ไม่มีอยู่จริงสร้างขึ้นมาเพื่อใช้
เบี่ยงเบนการวิเคราะห์ที่ถูกต้องเรื่องเงื่อนไขอันแท้จริงภายในการปฏิบัติ
การของกองทัพไทย
ผลจากกระบวนการรัฐประหาร
การสังหารหมู่และความเฉื่อยชาที่ได้ปลุกเร้าโดยกองทัพคือประชาธิปไตยที่ยัง
คงอ่อนแอ เหมือนก้อนน้ำแข็งอันบิดเบี้ยว และพร้อมที่จะแตกสลายทุกเมื่อ
ทั้งยังยากที่จะประคับประคองการต่อสู้และการสนทนาที่เกี่ยวกับการเมืองอัน
เป็นประโยชน์ได้
ดังนั้นรัฐบาลที่ไม่เป็นประชาธิปไตยของนายอภิสิทธิ์จึงสามารถยัดเยียดให้
ประชาชนที่ไม่เห็นด้วยยอมรับตนเองได้ด้วยการใช้กำลังทางทหารอย่างรุนแรง
ในขณะที่ไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมา
รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยและเป็นที่นิยมกลับต้องยุบ
สภาเพื่อถ่วงเวลากองทัพที่อาจจะเข้ามาแทรกแซงโค่นล้มรัฐบาล
และวงจรนี้ทำให้ประชาธิปไตยไทยอ่อนแอลงทุกครั้ง
จะต้องใช้เวลานานอีกเท่าไรก่อนที่วิกฤติอันร้ายแรงยิ่งกว่านี้จะเกิดขึ้น
และทำให้ประชาคมโลกที่ติดอาวุธและสนับสนุนกองทัพไทยมาหลายทศววรษหันมาสนใจ
ปัญหานี้โดยทันที
สิ่งที่ชัดเจนคือ
ตราบใดที่กองทัพไทยไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของพลเรือนที่ชอบด้วยกฎหมาย,
มีความรับผิดชอบและเป็นประชาธิปไตย
กองทัพก็จะยังขัดขวางประชาธิปไตยไทยที่ล้มลุกคุกคลานแต่ก็ยังเติบโตอยู่ต่อ
ไปเรื่อยๆ
( บทความที่ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ วาสนานาน่วมนำมาลงพิมพ์เพื่อตอบโต้ ในไทยอีนิวส์ เราเห็นว่าเป็นการโต้ตอบที่ไร้หลักการและไร้คุณค่าของทหารเลวๆที่ทำตัวเป็นทหารรับจ้าง และยอมตัวเป็นขี้ข้ากลุ่มเผด็จการกษัตริย์ที่ออกมาเพ้อเจ้อเพื่อปกป้องอำนาจเผด็จการเท่านั้นเอง เราจึงไม่นำมาลงพิมพ์ในที่นี่ ความเห็นของผูเรียบเรียง ) .
( บทความที่ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ วาสนานาน่วมนำมาลงพิมพ์เพื่อตอบโต้ ในไทยอีนิวส์ เราเห็นว่าเป็นการโต้ตอบที่ไร้หลักการและไร้คุณค่าของทหารเลวๆที่ทำตัวเป็นทหารรับจ้าง และยอมตัวเป็นขี้ข้ากลุ่มเผด็จการกษัตริย์ที่ออกมาเพ้อเจ้อเพื่อปกป้องอำนาจเผด็จการเท่านั้นเอง เราจึงไม่นำมาลงพิมพ์ในที่นี่ ความเห็นของผูเรียบเรียง ) .
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar