lördag 11 januari 2014


โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม

กองทัพไทยมีประเพณีอันยาวนานและเลวทรามในการขัดขวาง ประชาธิปไตย ทำร้ายประชาชนและเข้าแทรกแซงการเมืองเมื่อมองว่าจะเป็นผลประโยชน์ต่อตนเอง ตัวอย่างคือเหตุการณ์สังหารหมู่ที่กรุงเทพฯ ในปี 2553 ที่พวกเขาไม่ลังเลใจที่จะสนับสนุนรัฐบาลนายอภิสิทธิ์แม้ว่ารัฐบาลนี้จะ ปราศจากประชามติตามระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริงก็ตาม และยังปรากฎด้วยว่าพวกเขาคือผู้กระทำมีความช่ำชองและยินดีที่จะสั่งพลซุ่ม ยิงให้สังหารประชาชนมือเปล่าและตั้ง “เขตใช้กระสุนจริง” เพื่อพิทักษ์อำนาจตนเอง การพิทักษ์อำนาจที่มักนำไปใช้เพื่อทำลายประชาธิปไตยคือข้อเท็จจริงทาง ประวัติศาสตร์ที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ การทำรัฐประหารหลายครั้งเพื่อใช้กำลังบังคับให้มีการระงับสิทธิทางการเมือง ตามระบอบประชาธิปไตยของประชาชนไทยกลายเป็นเรื่องปกติ ดูเหมือนว่าการข่มขู่ทำรัฐประหารเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ในการดำเนินชีวิตทาง การเมืองของคนไทย

ในทางตรงข้าม เมื่อรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยขอความช่วยเหลือเพื่อปก ป้องสิทธิทางการเมืองของประชาชนไทย ทหารกลับทำไม่รู้ไม่ชี้ กลุ่มนายพลที่ชั่วช้า (มี “นายพล” หลายระดับหลายร้อยนายในกองทัพไทย) และผู้บัญชาการทหารได้จัดแถลงข่าวและข่มขู่สมาชิกรัฐสภาที่มาจากการเลือก ตั้งทางอ้อม และหาอ้างอ้างแบบน่าสมเพชเพื่อมาอธิบายว่าทำไมพวกเขาจึงไม่ต้องอยู่ภายใต้ การควบคุมของพลเรือนตามระบอบประชาธิปไตยและรับผิดทางกฎหมาย และทำไมกองทัพจึงต้องรักษา “ความเป็นกลาง” ซึ่งในบริบทการเมืองไทยหมายความว่าคุณยอมรับกลุ่มต่อต้านประชาธิปไตยว่าเป็น กลุ่มการเมืองซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ปกติของการพูดคุยทางการเมืองไปโดยปริยาย อย่างชัดเจน ดังนั้น ความเป็นกลางในกรณีนี้คือสัตว์ประหลาดที่ไม่มีอยู่จริงสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ เบี่ยงเบนการวิเคราะห์ที่ถูกต้องเรื่องเงื่อนไขอันแท้จริงภายในการปฏิบัติ การของกองทัพไทย

ผลจากกระบวนการรัฐประหาร การสังหารหมู่และความเฉื่อยชาที่ได้ปลุกเร้าโดยกองทัพคือประชาธิปไตยที่ยัง คงอ่อนแอ เหมือนก้อนน้ำแข็งอันบิดเบี้ยว และพร้อมที่จะแตกสลายทุกเมื่อ ทั้งยังยากที่จะประคับประคองการต่อสู้และการสนทนาที่เกี่ยวกับการเมืองอัน เป็นประโยชน์ได้ ดังนั้นรัฐบาลที่ไม่เป็นประชาธิปไตยของนายอภิสิทธิ์จึงสามารถยัดเยียดให้ ประชาชนที่ไม่เห็นด้วยยอมรับตนเองได้ด้วยการใช้กำลังทางทหารอย่างรุนแรง ในขณะที่ไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมา รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยและเป็นที่นิยมกลับต้องยุบ สภาเพื่อถ่วงเวลากองทัพที่อาจจะเข้ามาแทรกแซงโค่นล้มรัฐบาล และวงจรนี้ทำให้ประชาธิปไตยไทยอ่อนแอลงทุกครั้ง จะต้องใช้เวลานานอีกเท่าไรก่อนที่วิกฤติอันร้ายแรงยิ่งกว่านี้จะเกิดขึ้น และทำให้ประชาคมโลกที่ติดอาวุธและสนับสนุนกองทัพไทยมาหลายทศววรษหันมาสนใจ ปัญหานี้โดยทันที

สิ่งที่ชัดเจนคือ ตราบใดที่กองทัพไทยไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของพลเรือนที่ชอบด้วยกฎหมาย, มีความรับผิดชอบและเป็นประชาธิปไตย กองทัพก็จะยังขัดขวางประชาธิปไตยไทยที่ล้มลุกคุกคลานแต่ก็ยังเติบโตอยู่ต่อ ไปเรื่อยๆ
( บทความที่ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ วาสนานาน่วมนำมาลงพิมพ์เพื่อตอบโต้ ในไทยอีนิวส์ เราเห็นว่าเป็นการโต้ตอบที่ไร้หลักการและไร้คุณค่าของทหารเลวๆที่ทำตัวเป็นทหารรับจ้าง และยอมตัวเป็นขี้ข้ากลุ่มเผด็จการกษัตริย์ที่ออกมาเพ้อเจ้อเพื่อปกป้องอำนาจเผด็จการเท่านั้นเอง เราจึงไม่นำมาลงพิมพ์ในที่นี่ ความเห็นของผูเรียบเรียง ) .


Inga kommentarer:

Skicka en kommentar