tisdag 8 november 2016

IN THE NAME OF THE FATHER... "ในนามของพ่อ"

 
Somsak Jeamteerasakul's Profile Photo  
Somsak Jeamteerasakul คลิกดู- 8 new photos. 
unless, of course, it was done IN THE NAME OF THE FATHER แน่นอน ยกเว้นแต่ว่า จะทำ "ในนามของพ่อ"

unless, of course, it was done IN THE NAME OF THE FATHER
แน่นอน ยกเว้นแต่ว่า จะทำ "ในนามของพ่อ"
ผมเคยพูดมานานว่า ประเทศไทย ยากจะถืออะไรแบบซีเรียส เพราะขาดมาตราฐาน ("สองมาตรฐาน") เสียจนการเรียกร้อง การประณามโดยอ้างหลักการอะไรก็แล้วแต่ ไม่มีความหมายอะไรแล้ว
อย่างการโวยวายเรื่อง "คอร์รัปชั่น" เรื่อง "การใช้อำนาจอย่างผิดๆ" ฯลฯ การจะตรวจสอบ หรือประณาม ก็ขึ้นอยู่กับว่า เป็นเรื่องเกี่ยวกับใคร
กรณีนายน็อต "น็อตหลุด" "กราบรถกู" ที่คนออกมาประณามอย่างเป็นเอกฉันท์ (โดยเฉพาะคนดังๆ ไปถึง ผบ.ตำรวจที่ "รับไม่ได้") ในแง่หนึ่งก็สมควรอยู่ เพราะนายน็อตใช้กำลังทำร้ายคน คือทำตัวเป็นศาลเตี้ยเอง แล้วยังพูดอะไรที่เหมือนไร้สติสุดๆ ให้คนทำความเสียหายต่อรถนั้นมา "กราบรถกู"
แต่ความจำผมไม่สั้นพอจะลืมว่า เพิ่งไม่กี่สัปดาห์ก่อนนี้เอง คนจำนวนมาก เชียร์ การตบ การทำร้ายร่างกาย (กระทั่งการจะยิงเลย - คนเชียร์เป็นพระก็มี) ต่อคนที่ถูกหาว่า "หมิ่นพ่อ"
"ตลกร้าย" ของกรณีเปรียบเทียบนี้คือ นายน็อตสามารถอ้างได้มากกว่าว่า สิ่งที่เขาเสียหายนั้นเป็นความเสียหายจริงๆ คือรถซึ่งเป็นทรัพย์ของเขาถูกทำให้เสียหายจริงๆ ... คนรักเจ้ามักอ้างกันอย่างหนึ่งประจำว่า "ถ้ามีคนมาด่าพ่อคุณ คุณจะว่ายังไง" (เผื่อใครลืม ดูรูปตัวอย่างกรณีพระเชียร์ให้ยิง อั้ม เนโกะ โดยอ้างแบบนี้ "หรือท่านชอบให้คนมาด่าพ่อท่าน") ความจริงคือ ไม่มีใครที่อ้างเรื่องนี้เป็นลูกของในหลวงจริงๆ ในหลวงไม่ได้เป็นพ่อของคนเหล่านั้นจริงๆ ไม่เหมือนกับการที่นายน็อตเป็นเจ้าของรถคันนั้นจริงๆ
"ตลกร้าย" คือ แสดงว่า สังคมไทย หรือคนไทยจำนวนมาก ให้ความสำคัญชนิดคอขาดบาดตายกับการ "หมิ่น" หรือ "ทำร้าย" สิ่งสมมุติ มากกว่าเรื่องการทำร้ายหรือละเมิดสิ่งจริงๆในแง่เป็นทรัพย์สินของตัวเองจริงๆเสียอีก นายน็อตรถถูกทำลาย ไม่ควรไปตบตีคนอื่น แต่ถ้าคนไทย "พ่อ"#สมมุติ ถูก "หมิ่น" (หรือหมิ่นสิ่งสมมุติ) ก็ควรลงมือทำร้ายได้เลย
(ผมจะไม่เสียเวลาเขียนถึงเรื่องอื่นๆที่ทำ "ในนามของพ่อ" นอกจากเรื่องตบคน ทำร้ายคน .... เช่น ทำรัฐประหารผิดกฎหมายร้ายแรงที่สุด ก็โอเค ถ้าทำ "ในนามของพ่อ" หรืออ้างว่าเพื่อ "ปกป้องพ่อ")
...............
ความ "สองมาตรฐาน" หรือ "ไม่มีมาตรฐาน" ของสังคมไทยขนาดนี้ เริ่มมาจากระดับที่พื้นฐานกว่านี้มาก ดังที่ผมพยายามชี้มาหลายปี เวลาคนพูดว่า "ในหลวงทำดี" หรือ "ในหลวงทำงานหนัก" (แล้วเชื่ออย่างจริงจังขนาดยินดีจะเชียร์การทำร้ายคนที่ไม่เชื่อนั้น) แท้จริงแล้ว #ไม่เคยใช้มาตรฐานการประเมิน #อย่างเดียวกับที่ใช้ประเมินเรื่องความดีไม่ดีของทุกเรื่องอื่นๆ (เช่น ไม่มีใครยอมรับหรอกว่า นักการเมือง "ทำงานหนัก" เพียงเพราะมีภาพนักการเมืองไปโน่นไปนี่ ในที่ทุรกันดารแน่นอน ไม่มีทางที่ใครจะยอมรับว่า ใครทำดี ทำงานหนัก ถ้าไม่ให้ประเมินและนำเสนอทุกเรื่องอย่างละเอียด งบประมาณที่ใช้ ผลลัพท์ที่ได้ทั้งทางลบ ทางบวก ข้อมูลในด้านอื่นๆที่ไม่เหมือนข้อมูลประชาสัมพันธ์ของคนนั้นหรือหน่วยงานของรัฐเอง ฯลฯ) - นั่นคือ เรื่อง ในหลวงทำดี ในหลวงทำงานหนักนั้น #ถ้าถือตามมาตรฐานที่ใช้ประเมินเรื่องอื่นๆทุกเรื่องก็เป็นเพียง #สิ่งสมมุติ #เท่านั้น (เหมือนการสมมุติเป็น "พ่อ" นั่นแหละ เป็นเรื่องเดียวกัน คือ สมมุติเป็นพ่อ และสมมุติว่าทำงานหนัก)
พูดอีกอย่างคือ "สองมาตรฐาน" ของสังคมไทย เริ่มมาจากการปฏิบัติต่อเรื่องเจ้าในทุกๆประเด็น จากประเด็นพื้นๆที่สุดที่ใช้อบรม โปรแกรมเข้าไปในพลเมืองตั้งแต่เด็กๆ และไม่ใช้มาตรฐานเดียวกันในการประเมินสิ่งต่างๆ...
...........
ประเทศไทย สังคมไทย ยากจะเป็นสังคมที่หามาตรฐานอะไรซีเรียส หรือถือสาอะไรซีเรียส จนกว่าจะยอมรับความจริง ให้ใช้มาตรฐานเดียวกัน ในเรื่องเดียวกัน ตั้งแต่เรื่องพื้นที่สุดว่า คุณไม่สามารถใช้วิธีโปรแกรมไปในสมองของพลเมืองตั้งแต่เด็กๆว่า เจ้าทำดี แล้วบอกว่า นี่คือความจริง.. ถ้าเจ้าทำดีจริง ถ้าจะให้คนเห็นว่าเจ้าทำดีจริง จะต้องใช้มาตรฐานในการประเมินแบบเดียวกับที่ใช้ในทุกๆเรื่องอื่นๆ.....
 
"ตบ..กระทืบคน"ในนามของพ่อ?????ไม่ผิดกฎหมาย..
"ได้รางวัลตัวอย่าง..ในนามคนดี"ต่อยคู่กรณีจนดั้งจมูกหัก???


Inga kommentarer:

Skicka en kommentar