fredag 13 december 2013

..เสียงซุบซิบนินทากันหนาหูไปทั่วเมืองสารขันธ์ว่าผู้อยู่เบื้องหลังโจรกบฎ.คือองค์ราชันเจ้าของอำนาจ70%นั่นเอง ..ซึ่งชาวเมืองสารขันธ์คิดว่าเป็นการเอาเปรียบพวกชาวเมืองส่วนใหญ่ที่ทำมาหากินเสียภาษีมันไม่ถูกต้องไม่ยุติธรรมที่องค์ราชันจะสนับสนุนโจรมาปล้นเมืองยึดอำนาจประชาชน จึงเกิดการรวมตัวต่อต้านไม่ยอมรับมติให้โจรปล้นอำนาจประชาชนอีกต่อไป อีกอย่างชาวเมืองหมดความอดทนเมื่อรู้ว่าเจ้าเมืองสนับนุนร่วมมือให้โจรมาปล้นเมืองเพื่อรักษาอำนาจให้องค์ราชันและครอบครัว....


อยากจะกระซิบที่ข้างหูเบาๆ ว่าข้าเป็นคนของใคร



คิดถึงคำของหมอมิ้งครับ รัฐบาลมีอำนาจเพียงแค่ 30% เมื่อมีม็อบกบฏเทือกขึ้นมา จึงเป็นการเผยโฉมหน้าอำนาจ 70% ที่หมอมิ้งกล่าวไว้ ถึงจะยังไม่แสดงตนออกมาทั้งหมด 70% แต่ก็ได้เห็นกันแล้วว่าอะไรเป็นอะไร
ทำไมนายเทือกถึงมั่นอกมั่นใจขนาดนั้น ก็เพราะเขามั่นใจในทุนอำนาจประมาณ 70% ที่มีอยู่แล้ว เพียงแค่กระตุ้นให้อำนาจ 70% สลัดความเหนียมในแบบที่หลายๆองค์กรทำกันมาแล้ว นายเทือกก็จะชนะแน่ๆ
การที่มีอเมริกาเข้ามาเกี่ยว ทำให้หลายหน่วยงานเริ่มลังเล ปฏิบัติการของนายเทือกอาจต้องล้มเหลวไป ถ้าทหารไม่รับปากสนับสนุน เพราะหลายประเทศที่เป็นเผด็จการ มักถูกอเมริกาเล่นงานเอา แม้แต่พม่ายังต้องปรับเปลี่ยนตัวเอง แล้วเมืองไทยคิดยังไงกัน ถึงจะกลับไปใช้ระบอบเผด็จการอันสมบูรณ์
ประวัติศาตร์การผ่อนคลายเผด็จการในเมืองไทย ล้วนเกิดจากแรงกดดันจากประชาชน จากเหตุการณ์ปี16 ทำให้คนไทยได้รัฐธรรมนูญ ได้การเลือกตั้ง ทั้งนี้เพื่อใช้เป็นเหตุผลต่อต้านระบอบคอมมิวนิสต์ ขืนยังเป็นเผด็จการมีหวังโดนปฏิวัติประชาชน กลายเป็นคอมมิวนิสต์ ประชาชนคนไทยจึงได้ประชาธิปไตยมาแบบฟลุ้คๆ
การทะเลาะกันเองเพื่อแย่งอำนาจกันเองในปี35 ทำให้ประชาชนได้รัฐธรรมนูญปี40 ที่ดูเหมือนให้อำนาจประชาชนมากขึ้น อาจจะจาก 20% กลายเป็น 30% อะไรแบบนี้ แล้วก็ลดทอนอำนาจประชาชนลงอีก ในรัฐธรรมนูญปี50 ด้วยการสอดแทรกสว.สรรหา และเหมือนให้อำนาจองค์กรอิสระ(ที่ไม่อิสระจริง)ต่างๆเพิ่มขึ้น อำนาจบริหารมีอำนาจลดลง ถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวดโดยองค์กรต่างๆ แต่ไม่มีมาตรการใดๆที่จะตรวจสอบองค์กรเหล่านั้นได้
ถึงกระนั้นก็ยังไม่พอใจ เพราะฝ่ายบริหารยังคงหาช่องทางมุดไปจนได้ จึงต้องออกมาสยบด้วยวิธีประหลาดๆ อย่างที่เห็นๆกันอยู่
การที่ม็อบขอเข้าพูดคุยกับหน่วยงานและองค์กรต่างๆ ไม่ได้มีอะไรมากหรอก เพียงแค่ต้องการไปกระซิบที่ข้างหูเบาๆ ว่าข้าเป็นคนของใคร เองจะยอมร่วมมือด้วยไหม นี่แหละธาตุแท้วัฒนธรรมการเมืองไทย ที่เป็นกันมาทุกยุคทุกสมัย ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์กันแล้ว ไม่เคยปรับเปลี่ยนกันเลย
เพียงการไม่ยึดติดพรรคพวก ไม่ยึดติดอำนาจของตัวบุคคล ไม่ยึดติดว่าใครเป็นคนของใคร ประชาธิปไตยมันก็จะปฏิรูปด้วยตัวของมันเองโดยอัตโนมัติ ไปสู่ความเป็นธรรมในสังคม ไม่จำเป็นต้องมีใคร ที่ดีบัดซบหรือเลวบัดซบแค่ไหน มาทำการปฏิรูปให้นะจะบอกให้

: ศุกร์, 13/12/2013 - 09:34
เตือนกลุ่มอำมาตย์ 70 % จะโดนยึดทรัพย์ที่มีอยู่ทั่วโลก ปิดประเทศ ไม่มีใครซื้อสินค้าไทย ไม่มีการขายอาวุธให้กองทัพ
 ตัดเงินอุดหนุนทุกชนิดที่มี และ คนในประเทศ จะออกมาไล่กระทืบ ชนกลุ่มนำ ที่มีเพียง 5% ของคนทั้งประเทศ เหตุแบบ
 เขมร รวันดา ซีเรีย ก็ จะเกิด ขึ้นในประเทศไทย เรียกว่า คนชนบท อยู่ได้ แต่ คนกรุง ตายหมด นะครับ

ข่าวล่าสุด ยอดวันนี้ อนุสาวรีย์ 2000 สนามม้าเหลือ 60 คน ครับ 

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar