"รัฐประหาร ไม่ให้มีเลือกตั้ง " คือคำสั่งจาก "เจ้าของระบอบราชาธิปไตย " ให้ทหาร(บางส่วน)ทำการยึดอำนาจรัฐ? ไม่เป็นไรเชิญลงมือเลย ครั้งนี้ประชาชนทั้งประเทศได้เตรียมพร้อมที่จะสู้เพื่อปกป้องระบอบประชาธิปไตยด้วยเลือดเนื้อและชีวิต ถึง"ทหารอาชีพ" ทุกนายโปรดคิดไตร่ตรองคิดดูให้ดี ตัวอย่างมีให้เห็น ๑๙ ก.ย.๔๙ ทหารยึดอำนาจมาแล้วประเทศชาติประชาชนได้อะไร ?ได้รํฐธรรมนูญโจร ปี๕๐ ที่เขียนเอื้อประโยชน์ให้พวกอำมาตย์ก็ใช้ปกครองประเทศไม่ได้ ประชาชนและประเทศชาติเสียเวลาเสียโอกาสมามากแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่ประชาชนจะยอมกลับไปอยู่ใต้อำนาจของระบอบเผด็จการราชาธิปไตยอีกต่อไป เพราะระบอบประชาธิปไตยเป็นระบอบที่คนทุกชนชั้นสามารถอยู่ร่วมกันได้ไม่เดือดร้อนอะไรเพราะ เพราะเป็นระบอบที่ทุกคนเคารพในสถานะและสิทธิของแต่ละชนชั้น เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับระบอบราชาธิปไตยที่ประชาชนไม่ต้องการเพราะมีคนบางกลุ่มใช้ความเป็นอภิสิทชนอยู่เหนือกฎหมาย เวลาทำผิดกฎหมายก็ถูกลงโทษ นอกจากนี้ยังไม่ยอมรับสถานะของกลุ่มคนชั้นล่างซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ ดังนั้นใครที่รับคำสั่งมาทำ"รัฐประหาร" เพื่อล้มล้างอำนาจรัฐครั้งนี้คงหนีไม่รอดเงื้อมมือของประชาชนไทยทั้งประเทศไปได้เหมือนทุกครั้งอย่างแน่นอน....

วางแผนทำเชรี่ยๆไรอยู่ หลังปีใหม่นี้?

ประวิตร เรียก กกต สมชัย เข้าพบ
อนุพงษ์ เรียก ประยุทธ์ เข้าพบ
 
มันชักจะยังไง!!ผบ.ทบ.กั๊ก ไม่ปิดประตูทำรัฐประหาร ... คิดให้ดีก่อนลงมือทำ ที่พูดว่า "....แล้วแต่สถานการณ์...."  คือ what?ทำ..ไม่ทำ..ทหารคงลืมว่าประเทศไทยเป็นของคนไทยทุกคน...คิดว่าประชาชนไทยคงไม่ยอมปล่อยให้ทหาร
ที่กินเงินเดือนจากเงินภาษีประชาชนมาทำลายระบอบประชาธิปไตยอย่างแน่นอน......



ผบ.ทบ. ย้ำกองทัพวางตัวเป็นกลาง วอนทุกฝ่ายยุติความรุนแรง พร้อมระบุ ทหารไม่ได้ปิดหรือเปิดประตูทำรัฐประหาร ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ เป็นตัวกำหนดพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) เปิดเผยว่า

จากสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้มีความเป็นห่วงเรื่องการใช้ความรุนแรง จึงอยากเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติการใช้ความรุนแรง เพราะจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้(26 ธ.ค.) ที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง จะเห็นว่ามีบุคคลอยู่กลุ่มหนึ่งที่นิยมใช้ความรุนแรง และจ้องก่อเหตุทำให้เกิดเหตุการณ์วุ่นวายลักษณะเดียวกับปี 53 ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเพราะเหตุใดก็ตามถือเป็นการกระทำที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง

ในส่วนของกองทัพเองจะดูแลสภาพแวดล้อมให้เกิดความปลอดภัย เพื่อให้สถานการณ์ไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น และอยากให้ทั้ง 2 ฝ่ายยุติการกระทำที่จะสร้างความขัดแย้งมากขึ้น

ผบ.ทบ.กล่าวว่าที่ผ่านมา ผมไม่ได้นิ่งนอนใจหรืออยู่เฉย แต่พูดอะไรมากไม่ได้ ทหารจะยืนหยัดในความเป็นธรรม โดยดูแลสภาพแวดล้อมให้เกิดความปลอดภัย ส่วนกรณีเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับกลุ่มผู้ชุมนุมเมื่อวานนี้ คงจะต้องมีการสอบสวนและดำเนินการเอาผิดกับผู้ที่ก่อเหตุรุนแรง เพราะจากเหตุการณ์ในปี 53 ก็ยังไม่มีความคืบหน้าของคดีแต่อย่างใดที่จะหาตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ ซึ่งเป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่รับผิดชอบต้องเร่งดำเนินการ

นอกจากนั้นยังเตือนไปถึงผู้ที่จะก่อเหตุรุนแรงว่าให้คำนึงถึงคนที่อยู่ข้างหลัง เพราะไม่ว่าจะเกิดผลอะไรตามมานั้น ครอบครัวตลอดจนคนที่อยู่ข้างหลังจะได้รับความเดือดร้อน โดยในส่วนของเจ้าหน้าที่เองต้องยึดหลักความอดทนเป็นสำคัญ เพราะจากภาพเมื่อวานที่ออกมาคือมีการตอบโต้กันนั้น เรื่องนี้ไม่ควรจะกระทำ เพราะจะยิ่งกระตุ้นให้เกิดความรุนแรงมากขึ้น ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่ได้เข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ซึ่งเรื่องดังกล่าวคงต้องใช้เวลาสักระยะ แต่ตอนนี้ขึ้นอยู่กับว่าคู่ขัดแย้งจะสามารถหาข้อยุติร่วมกันได้อย่างไร

สำหรับความเป็นไปได้ที่จะมีการทำรัฐประหารในสถานการณ์เช่นนี้นั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และเวลาเป็นตัวกำหนด แต่ในจุดนี้คิดว่าการทำรัฐประหารไปก็ไม่มีใครฟัง ซึ่งทหารไม่ได้ปิดประตูหรือเปิดประตูว่าจะไม่มีรัฐประหาร ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์

แต่สิ่งที่กองทัพกำลังจะใช้อยู่คือสันติวิธี และพยายามจะวางตัวอยู่ในบทบาทที่เหมาะสม ไม่ยืนอยู่ข้างใดข้างหนึ่ง ขณะเดียวกันจะไม่ทำอะไรที่เป็นการก้าวล่วงการทำงานของเจ้าหน้าที่ รวมทั้งจะต้องต้องดูแลประชาชนควบคู่กันไปด้วยhttp://news.mthai.com/headline-news/297858.html