สหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ค้านนายกคนกลาง/สภาประชาชน ยันให้เสียงข้างมากจากการเลือกตั้งชี้ขาด

 
แถลงการณ์ฉบับที่ 2
วิพากษ์แนวทาง  กป.ปส.
ฉีกหน้ากาก . กบฏเทพเทือก สัมภเวสีผู้แสวงหาอำนาจทางลัด รัฐประหารเงียบ

ตามที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ  ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กป.ปส.) แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2553

โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับแนวทางการต่อสู้ของ กป.กส. คือ

“ กดดันจนกว่านายกรัฐมนตรีจะลาออก เพื่อให้เกิดสูญญากาศทางอำนาจ และคงต้องใช้การบังคับโดยพลังประชาชน  หรือใช้มวลชนลุกขึ้นยึดอำนาจรัฐจนสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ และใช้อำนาจอธิปไตย  ดำเนินการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีที่มาจากคนกลาง  และตั้งสภาประชาชน ”
ความคิดเห็นของ สหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ (สกต.) คือ

1.ไม่ว่า  นายกรัฐมนตรีคนกลาง  หรือ สภาประชาชน  ล้วนเป็นข้อเสนอเพื่อสร้างพื้นที่ทางอำนาจให้กับชนชั้นนำ   สร้างป้อมค่ายที่จะใช้ต่อสู้ระหว่างชนชั้นนำ  “สภาประชาชน” แท้จริงก็คือสภาขุนนาง เพื่อเป็นฐานรองรับนายกคนกลางซึ่งสื่อมวลชนก็ วิเคราะห์ฟันธงออกมาแล้วว่าจะมาจากองคมนตรีคนใดคนหนึ่ง แล้วดอกผลอันใดเล่าที่จะตกถึงมือชนชั้นล่างของสังคมอย่างแท้จริง  แม้แต่มวลชนที่ร่วมสู้กับ นายสุเทพฯ ก็ไม่ได้รับอะไร  นอกจากความสะใจ

2. นายกฯ คนกลาง  คือใคร มาจากไหน  ก็รู้กันอยู่แล้ว ที่ผ่านๆมาก็ ล้วนมาจากการแต่งตั้งจากอำนาจเบื้องบน ซึ่งไม่ได้ยึดโยงกับอำนาจประชาชนโดยตรง  ประชาชนจึงไม่มีช่องทางในการตรวจสอบ  ทั้งๆ ที่ กป.ปส. เน้นย้ำเรื่อง “อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน”  ตรงนี้ก็ขัดแย้งในตัวเองมากๆ

3. การใช้มาตรการบังคับ กดดัน สร้างความเกลียดชัง ไม่ฟังเหตุผลใดๆ ทำตามอำเภอใจ จนเกินเลยไปสู่สภาวะอนาธิปไตย ในสังคม เพียงเพื่อบีบคั้นให้นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลาออก หรือสร้างเงื่อนไขให้ทหารยึดอำนาจ ไม่ใช่วิถีทางประชาธิปไตย  ไม่ใช่สันติอหิงสา ตามที่นายสุเทพฯ โฆษณาชวนเชื่ออยู่ทุกครั้งที่ขึ้นเวที  แนวทางการเคลื่อนไหวของ กป.ปส. จึงเข้าลักษณะ “กรรมส่อเจตนา”  เจตนาที่ว่า คือ ต้องการให้ทหารทำการรัฐประหาร หรือให้อำนาจนอกเหนือรัฐธรรมนูญ เข้ามาแทรกแซงการบริหารของรัฐบาล

4.  แนวทางของ กป.ปส. ที่นายสุเทพฯ ประกาศต่อสาธารณะนั้น  ต้องการให้เว้นวรรคประชาธิปไตย  8- 14 เดือน ให้ “นายกฯ และครม. คนกลาง” รักษาการบริหารประเทศ โดยอ้างว่าต้องให้คนกลางเข้ามานำการปฎิรูปการเมืองการปกครอง  ให้เสร็จแล้วจึงจัดการเลือกตั้งในภายหลัง  

แนวทางนี้เป็นการนำประเทศถอยหลังไปสู่ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชใหม่  และแก้ไขกฎกติกาต่างๆ ให้เอื้อประโยชน์กับพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพรรคของมหาอำมาตย์ แต่พ่ายแพ้ในสนามเลือกตั้งแบบเสรีประชาธิปไตย มาตลอดระยะเวลา 21 ปี  ส่วนที่นายอภิสิทธิ์ ฯหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เป็นนายกฯ จากการเลือกตั้งปลายปี 2551 ก็เพราะกองทัพฯ ช่วยอุ้มชูขึ้นสู่ตำแหนง  มิใช่เพราะชนะการเลือกตั้ง
กป.ปส.จะใช้ระบอบที่ได้อำนาจรัฐมาจากการ “บีบบังคับปล้นชิง” มาปฏิรูปการเมือง สร้างสรรค์ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ได้อย่างไร
งาช้างจะงอกออกมาจากปากสุนัข ได้อย่างไร
เผด็จการจะสร้างประชาธิปไตย ได้อย่างไร
ดังนั้นสหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ ( สกต.) ขอสนับสนุนการเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ 2557 และในระหว่างการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งแต่ละพรรคการเมืองและ องค์กรต่างๆ ในสังคม ที่ต้องการให้มีการปฎิรูปการเมือง ก็สามารถเสนอนโยบายเพื่อนำไปสู่การปฎิรูปการเมืองได้ตามความเชื่อของตนเอง  การเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ 2557  จะชี้ขาดว่า 48 ล้านเสียงของประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ต้องการระบบการเมืองแบบใด และ อย่างไร  เสียงข้างมากของประชาชนไทยจะชี้ขาด  เพราะนี่คือเจ้าของอำนาจอธิปไตยที่แท้จริง 
อำนาจอธิปไตยมิได้เป็นของ “มวลมหาประชาชน” ที่อยู่ภายใต้การบัญชาการของนายสุเทพฯ แต่เพียงกลุ่มเดียว หากแต่เป็นของผู้มีสิทธิเลือกตั้งทุกคน
เดินหน้าประชาธิปไตย  ไปเลือกตั้ง 2 กุมภา 57
ประชาชน  เสรีชน  ผู้รักประชาธิปไตย  จงลุกขึ้นสู้
 
สหพันธ์เกษตรกรภาคใต้  สกต.