onsdag 11 december 2013

@@@...ประเมินสถานการณ์ ***2 แนวทาง XXX-OOO***...@@@... เรากำลังอยู่ในสถานการณ์ "ผลัดแผ่นดิน" ...และผู้ที่จะเข้ามามีบทบาทและ “ทรงอิทธิพล” ต่อแนวโน้มการผลัดแผ่นดินที่ไม่เป็นไปตามกฎเกณฑ์นี้ คือ “ผู้สำเร็จราชการฯ” ซึ่ง รธน บังคับเอาไว้ว่าคือ “ประธานองคมนตรี” เป็นผู้ที่จะ “ชี้นำ” ทิศทางแห่งการผลัดเปลี่ยนรัชสมัยที่ไม่เป็นไปตามกฎเกณฑ์นี้ .


Posted Image


1. ม๊อบยุติการชุมนุม เดินหน้าเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง

หากเป็นไปในแนวทางแรกนี้ก็เท่ากับว่า XXX ยอมรับสภาพความพ่ายแพ้ ยอมวางมือ
และเครือข่ายบริวารต่าง ๆ ที่สร้างมารวมถึงแผนการสืบทอดอำนาจต่าง ๆ ที่วางเอาไว้
และทุ่มเทมาตลอดหลายสิบปีแห่งการครองอำนาจนี้ มีอันเป็นพังทลายลง
รวมถึง ปชป องค์กรอิสระ ตุลาการ ทหาร ศาล สื่อ ปล่อยให้อำนาจเหล่านี้หลุดมือไป

มันง่ายดายขนาดนั้นเลยหรือ? มันจะจบเอาง่าย ๆ แบบนี้เลยหรือ?

แต่หากลองมองย้อนกลับไปที่อดีตก็จะเห็น “ตัวตน” ที่แท้จริงของ XXX ได้เป็นอย่างดี
ตั้งแต่การได้มาและรักษา “อำนาจ” เขาไม่เคยยอมอะไรง่าย ๆ
แต่จะทำทุกวิถีทางเพื่อ “อำนาจ” นี้
และปัจจุบันก็ยังคงปรากฏให้เห็นเป็นประจักษ์พยานอยู่อย่างสม่ำเสมอ
และความจริงก็คือ “เครือข่าย” ที่จะใช้ในปฏิบัติการครั้งนี้
ตัวละครของฝ่ายเขายังแสดงไม่ครบ
มวลชนที่ออกมาอย่างหนาแน่นในครั้งนี้เป็นเพียง “ฐาน”
เพื่อเรียกความเชื่อมั่นให้กับ “ดาบ” ต่อ ๆ ไปที่เขาจะใช้ฟันลงมาอย่างไม่ยั้งมืออีกแล้ว

และหากเป็นแบบนี้แล้ว สถานการณ์ก็จะเดินเข้าสู่ แนวทางที่ 2

2. ทุ่มสุดตัว สู้สุดกำลัง

การถอยสุดซอยของนายกยิ่งลักษณ์ด้วยการ “ยุบสภา
ทำให้ม๊อบอำมาตย์ที่มีสุเทพเป็นหนังหน้าไฟรุกไล่ไปพบกับ “ซอยตัน
ไม่มีเงื่อนไขที่จะเอาประเด็นมาหล่อเลี้ยงม๊อบได้อย่างคึกคักอีกต่อไป
จุด PEAK ของม๊อบอำมาตย์นั้นผ่านไปแล้ว

ดังนั้นจึงจะต้องมีการ “ส่งไม้ต่อ” ไปให้เครือข่ายต่อไปของอำมาตย์นำไปเล่นต่อ
ต่อจากนี้ไปม๊อบอำมาตย์จะเป็นได้เพียง “กำแพง” พิงหลัง
ให้องค์กรต่อไปของกลไกอำมาตย์เล่นต่อ

- ลงดาบ 312 สส สว
เพราะถึงแม้จะยุบสภา สส สิ้นสภาพไปแล้ว แต่ สว ยังอยู่เป็นอุปสรรค
ดังนั้นจึงต้อง “ล้างขั้ว” ให้สะเด็ดน้ำ

- ชี้มูลความผิดรัฐบาล
อันจะส่งผลต่อสถานะและความชอบธรรมของรัฐบาล
เป็นผลให้รัฐบาลต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่และมีมลทินติดตัว
เพื่อทำลายความชอบธรรมต่อสายตาโลกป้องกันการตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น

- สร้างสถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดนด้านตะวันออก
เพื่อปิดช่องทางการส่งกำลังบำรุงจากทางด้านนี้

ซึ่งสถานการณ์ต่อไปจะเดินเข้าสู่สภาพ “สงครามกลางเมือง

หรือหากมีการ “ยึดอำนาจ” ด้วยกองทัพ ก็จะใช้เป็นข้ออ้างในการก่อการ

กลเกมส์การเมืองต่าง ๆ เหล่านี้ เป็นการแย่งชิงอำนาจในช่วงปลายรัชกาล
เพื่อที่จะได้เป็นฝ่ายชี้นำการเปลี่ยนผ่านรัชสมัย
ซึ่งจะไปเกี่ยวข้องกับ รธน หมวด 2 พระมหากษัตริย์

.
.
.
หากการเปลี่ยนผ่านรัชสมัยเป็นไปอย่างราบรื่น
โดยยึดตามกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ 2467
โดยมี รธน เป็นเครื่องมือในการผลัดแผ่นดิน
และ ครม จะเป็นผู้ที่ “ทรงอำนาจ” ต่อการผลัดแผ่นดินนี้
โดยอาศัยรัฐสภาจะเป็นเครื่องมือรับรอง “รัชสมัยใหม่”


ตรงนี้จะกลับกลายมาเป็นอุปสรรคขวากหนาม
หากมีนัยส่อว่าการผลัดแผ่นดินมีแนวโน้มว่าจะไม่เป็นไปตาม
“กฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์2476”
เพราะในสภาพของการมี รัฐสภา รัฐบาล และ ครม ในสภาพปกติ
จะเป็นอุปสรรคอย่างยิ่งต่อการผลัดแผ่นดินที่ไม่เป็นไปตามกฎเกณฑ์
เพราะอาจจะเกิดการ “อภิปราย” ถึงความไม่เหมาะสมอย่างกว้างขวาง
อันจะส่งผลออกมาเป็นทางลบก็เป็นได้

ดังนั้น จึงต้อง “กำจัด” รัฐสภา รัฐบาล และ ครม ในสภาพปกตินี้ออกไปเสีย
ให้พ้นทางต่อการเปลี่ยนผ่านรัชสมัยที่ไม่เป็นไปตามกฎมณเฑียรบาล2476 นี้

และผู้ที่จะเข้ามามีบทบาทและ “ทรงอิทธิพล”
ต่อแนวโน้มการผลัดแผ่นดินที่ไม่เป็นไปตามกฎเกณฑ์นี้
คือ “ผู้สำเร็จราชการฯ” ซึ่ง รธน บังคับเอาไว้ว่าคือ “ประธานองคมนตรี”
เป็นผู้ที่จะ “ชี้นำ” ทิศทางแห่งการผลัดเปลี่ยนรัชสมัยที่ไม่เป็นไปตามกฎเกณฑ์นี้


.
เรากำลังอยู่ในสถานการณ์ "ผลัดแผ่นดิน"

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar