söndag 24 april 2016

Somsak Jeamteerasakul...... "สองพรรคใหญ่" กับปัญหาการล้มระบอบทหาร

สมศักดิ์ เจียม

"สองพรรคใหญ่" กับปัญหาการล้มระบอบทหาร
(ภาพประกอบ เป็นกระทู้เก่าของผม ๑ ปีที่แล้วพอดี - ดูคำอธิบายตอนท้ายกระทู้นี้)
ถ้า คสช จะเลิกจัด"ประชามติ"ไปเอง เพราะกลัวว่าจัดแล้ว ผลจะออก"โน" หรือถ้า คสช จัดจริงๆ แล้วผลออกมาว่า "โน"
เหตุผลสำคัญที่ผลจะออกมาเช่นนั้น หรือเหตุผลสำคัญที่จะทำให้ คสช ล้มไม่กล้าจัด"ประชามติ"
คือการที่ทั้งพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์ ล้วนยืนยันว่าจะ "โน" ต่อรัฐธรรมนูญ (ถ้าเพียงแต่ ปชป ไม่ยืนยัน หรือ ปชป โหวต "เยส" แบบปี ๕๐ โอกาสที่ "ประชามติ" จะออกมา"เยส"ก็มี)
เรื่่องนี้เป็นเพียงกรณีรูปธรรม ที่สะท้อนเรื่องใหญ่ที่สำคัญมาก คือ
เป็นที่ชัดเจนว่า ถ้าจะมีการยกเลิกอำนาจระบอบทหารได้ (โดยที่ถ้าการเมืองไทยยังคงอยู่ในลักษณะเป็น "สองพรรคใหญ่" คือ ยังมี "สองพรรคใหญ่" คุมเสียงประชาชนไว้ในลักษณะปัจจุบัน)
มีทางเดียวเท่านั้น คือ เพื่อไทย และ ปชป จะต้อง "ร่วมกัน" - ไม่เช่นนั้น ไม่มีวันล้มระบอบทหารได้
*ความจริง โดยส่วนตัว ถ้าผมมีอิทธิฤทธิ์เป็นเทวดา สามารถเสกอะไรได้ ผมจะเสกให้สองพรรคหายไปเดี๋ยวนี้เลยพร้อมกัน อย่างน้อยเสกให้บรรดาระดับนำของทั้งสองพรรค ("ชิน-ดา-วงศ์" ของฝั่งเพื่อไทย และอภิสิทธิ์กับแกนนำของฝั่ง ปชป) หายไป ซึ่งผมคิดว่าจะทำให้มีโอกาสของการที่การเมืองจะก้าวไปข้างหน้าได้ และผลักดันเป็นประชาธิปไตยได้ง่ายกว่าขณะนี้มาก*
แต่ผมไม่มีอิทธิฤทธิ์ และดูท่า การเมืองไทย จะยังอยู่ในภาวะ "สองพรรคใหญ่" นี้ไปอีกนาน ดังนั้น พูดแบบเป็นจริง (realistic) ก็ยังกลับมาทีประเด็นที่พูดเมื่อครู่ว่า มีแต่ "สองพรรคใหญ่" "ร่วมกัน" จึงมีหนทางล้มระบอบทหารได้

ความจริง ยังมีอีกทางหนึ่ง คือ มีขบวนการ"ทีสาม"อันใหม่เลย ทีสามารถดึงการสนับสนุนของประชาชนทีเคยสนับสนุน "สองพรรคใหญ่" มาทีขบวนที่สามได้ - แต่อันนี้ ก็คล้ายๆกับเรื่องปาฐิหารย์ทีว่าเสกให้สองพรรคใหญ่่หายไป คือคงยากจะเกิดในอนาคตที่เห็น

อย่างไรก็ตาม ผมยังยืนยันว่า ใครที่ซีเรียสกับอนาคตประเทศไทย และหวังจะเห็นประเทศที่เสรี และมีประชาธิปไตย มีความเป็นธรรม มีการควบคุมกลไกรัฐทุกส่วน ควรต้องพิจารณาหาทางสร้าง "ทางเลือกทีสาม" นี้ขึ้นมา ‪#‎ตั้งแต่วันนี้‬ ‪#‎โดยแยกตัวเป็นตัวของตัวเองชัดเจนจากขบวนของเพื่อไทย‬ ผลของการสร้างทางเลือกทีสามนี้ อาจจะไม่เห็นภายในไม่กี่ปีนี้ แต่อาจจะเป็นสิบ หรือ ๒๐ ปีข้างหน้า - ผมคิดๆจะเขียนเรืองไต้หวันหลายครั้ง ไม่ได้เขียน หลายคนอาจจะไม่รู้ว่า่ ประธานาธิบดี(หญิง)ทีเพิ่งได้รับเลือกตั้งไม่นานนี้ พรรคของเธอ ใช้เวลา ๒๐ ปีกว่าจะเป็นพรรคทีสามารถท้าทายก๊กมินตั๋งได้

การที่ "สองพรรคใหญ่" จะสามารถ "ร่วมกัน" ในการเลิกระบอบทหารได้ หมายความว่าต้องเลิกภาวะ "แตกเป็นสองขั้ว" (polarization) ที่เป็นอยู่ การด่าๆๆกัน เช่น การด่าคนที่เรียกกันว่า "สลิ่ม" ทีนิยมทำกันในหมูเสื้อแดง หรือแม้แต่การด่าไปถึงระดับชาวบ้านทีเคยชุมนุม กปปส (ที่ตอนนี้มาเรียกร้องสิทธิผลประโยชน์ของตนทีชอบธรรม) เช่นกรณีเพจดังเสื้อแดงเพจหนึ่งด่าชาวบ้านประตูน้ำ หรือแม้แต่คุณ "ใบตองแห้ง" ด่าชาวสวนยาง ‪#‎เป็นอะไรทีมีแต่เป็นประโยชน์ต่อระบอบ‬ คสช (เมื่อเร็วๆนี้ ทีผมไป "ติง" "มิตรสหายท่านหนึ่ง" ทีอินกับ "การ์ตูน" ทีด่า "สลิ่ม" อย่างไร้สาระ และไร้หลักการ หลายคนไม่เก็ตว่า มันมีนัยยะอะไร หาว่าผมคงมีปัญหาความคิดอะไรแน่ ไปมีเรืองแม้แต่การ์ตูน ถ้าการ์ตูนทีไร้สาระ และด่า"สลิ่ม"อย่างผิดๆขนาดนั้น ทำให้ "มิตรสหาย" หลายคนสามารถ "อิน" ได้ ปัญหาความคิดจริงๆ ไมใช่อยู่กับผมแน่ๆ แต่อยู่ทีอาการ "เสื่่อม" (degeneration) ของ polarization ดังกล่าว

เมื่อหลายเดือนก่อน ลูกชายสุรินทร์ พิศสุวรรณ เขียนบทความนึง (ผมคิดจะพูดถึงบทความนั้นหลายครั้ง ไม่ได้พูดสักที) โดย "ฟันธง" ได้ดีมากๆว่า ต้อง BREAK POLARIZATION คือ "ทำลายการแตกเป็นขั้ว" ถึงจะเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตยได้ (เสียดาย "พ่อ" เขาคงไม่เก็ต ไม่ต้องพูดถึงผู้นำ ปชป คนอืน แม้แต่นักการเมืองฝังเพื่อไทย ก็ดูท่าไม่เก็ตประเด็นสำคัญนี้)

การจะ BREAK POLARIZATION หรือ ทำลายภาวะแตกขั้ว และทำให้มีการ "ร่วมกัน" ระหว่าง "สองพรรคใหญ่" ได้ หมายความว่าจะต้องมี "เงื่อนไข" ที่ ‪#‎ทั้งสองฝั่ง‬ ยอมเปลี่ยนแปลงบ่างอย่างที่สำคัญ (เช่น ฝั่งเพื่อไทย เลิกเป็น "บริษัทชินวัตรการเมืองจำกัด" ฝั่ง ปชป เลิกโหนทหาร) คือจะต้องมีการ "เจรจาต่อรอง" ("ยื่นหมู ยื่นแมว") ไม่มีทางที่ฝั่งใดฝังหนึงจะ "ได้หมด" ตามสภาพทีตัวเองเป็นในขณะนี้ ทั้งสองฝั่งจะต้องยอม give up หรือ "ยกเลิก" อะไรบางอย่างของฝั่งตัว
..............
เมื่อประมาณ ๑ ปีที่แล้วพอดี วันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๕๘ (ตอนนั้น รธน บวรศักดิ์ ยังไม่ถูกล้มไปเองด้วยเหตุที่ ปชป และ เพื่อไทย มีท่าทีไม่รับทั้งคู่เช่นกัน ด้วยซ้ำ ยังอีกเกือบครึ่งปี) ผมได้เขียนกระทู้นึงในเรื่องนี้ ดังที่แค็พมาเป็นภาพประกอบ เนื้อหาก็คล้ายกับที่เขียนข้างบนนี้ แต่มีบางส่วนอภิปรายมากกว่ากระทู้นี้ ใครทีสนใจหรือยังไม่เคยอ่าน อยากชวนลองอ่านดู หรืออ่านซ้ำดูใหม่ (น่าขำๆนิดหน่อยเหมือนกันว่า เหตุเฉพาะหน้าของการเขียนกระทู้นั้น คือการที่ ทักษิณทวีต แล้ว ปชป ออกมาด่า ก็คล้ายๆกับทีทักษิณโพสต์เฟซบุ๊ค ไม่กี่วันนี้แหละ)

ลิงค์กระทู้นั้น (ถ้าสนใจจะอ่าน แต่ขี้เกียจอ่านจากรูปทีแค็พ) https://www.facebook.com/somsakjeam/posts/820581294661818
 
คลิกดูภาพ- 2 new photos.

ประเด็น "ทางเลือกที่สาม" (เพิ่มเติม)
ในกระทู้ที่เพิ่งโพสต์ ซึ่งพูดประเด็นหลักเรื่องภาวะ "สองพรรคใหญ่" ผมได้เขียน "แตะ" ถึงประเด็นการสร้าง "ทางเลือกที่สาม" ไว้เล็กน้อย ขออนุญาต ยกข้อความนั้นมาอีกในทีนี้ โดยผมจะเขียนอธิบายอะไรเพิ่มเติมต่อจากข้อความนั้น ท้ายกระทู้
..................
ใครที่ซีเรียสกับอนาคตประเทศไทย และหวังจะเห็นประเทศที่เสรี และมีประชาธิปไตย มีความเป็นธรรม มีการควบคุมกลไกรัฐทุกส่วน ควรต้องพิจารณาหาทางสร้าง "ทางเลือกทีสาม" นี้ขึ้นมา ‪#‎ตั้งแต่วันนี้‬ ‪#‎โดยแยกตัวเป็นตัวของตัวเองชัดเจนจากขบวนของเพื่อไทย‬ ผลของการสร้างทางเลือกทีสามนี้ อาจจะไม่เห็นภายในไม่กี่ปีนี้ แต่อาจจะเป็นสิบ หรือ ๒๐ ปีข้างหน้า...
...................
การ "แยกตัวเป็นตัวของตัวเองชัดเจนจากขบวนของเพื่อไทย" ไม่ได้หมายความว่า จะ "ร่วมมือ" กับ เพื่อไทย ไม่ได้ เพราะอันทีจริง ไม่เพียงเพื่อไทยเท่านั้น "ขบวนทีสาม" ทีว่านี้ ‪#‎สามารถและควรร่วมมือกับประชาธิปัตย์‬ ‪#‎หรือกับใครก็ตามภายใต้เงื่อนไขที่ถูกต้อง‬ (การหาทางเลิกระบอบทหารอย่างถาวร และสร้างโครงสร้างการเมืองที่เสรี เป็นประชาธิปไตย ควบคุมตรวจสอบได้ ฯลฯ) อันที่จริง เหตุหนึ่งของการต้องแยกเป็นอิสระเป็นตัวของตัวเองชัดเจน ก็เพื่อหาทาง break polarization ระหว่างสองพรรคใหญ่ที่กล่าวถึงในกระทู้ที่แล้ว

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar