tisdag 29 april 2014

"ครั้งสุดท้าย" อีกแล้ว .กปปส..มีการเคลื่อนไหว 2 การเคลื่อนไหว."คนละเรื่องเดียวกัน" ประชาชนโปรดตั้งตารออย่าได้กระพริบตา....ง






ขณะที่ กปปส.และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ กำหนดเอาการชุมนุมในวันพุธที่ 30 เมษายน เป็นเสมือนหนึ่ง
การต่อสู้ "ครั้งสุดท้าย"
มีการเคลื่อนไหว 2 การเคลื่อนไหวจากซีกฝ่ายซึ่งเคยอยู่ข้างเดียวกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ไม่ควรปล่อยให้ผ่านเลยไป

1 การเคลื่อนไหวของ "คณะรัฐบุคคล"
ขณะเดียวกัน 1 ซึ่งไม่ควรพลาดอย่างเด็ดขาด คือ การเดินสายเพื่อสร้างความปรองดองโดย
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ต้องยอมรับว่า 2 เรื่องนี้เป็นคนละเรื่อง แต่ดำเนินไปในแบบ 
"คนละเรื่องเดียวกัน"
เพราะว่าเป้าหมายของ "คณะรัฐบุคคล" แม้จะมี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นสถานีผ่าน แต่ปลายทางอยู่ที่ทางออกของประเทศ

เหมือนกับความหวังอันรังรองของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
คล้ายกับว่า 2 เรื่องนี้จะมาจากฝั่งเดียวกันกับ กปปส.และแนบแน่นอย่างเป็นพิเศษกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แต่รายละเอียดกลับไม่เหมือนกัน

ไม่มีมาตรา 7 ไม่มีการรัฐประหาร
ไม่ว่า พล.อ.สายหยุด เกิดผล ไม่ว่า นายปราโมทย์ นาครทรรพ ซึ่งเป็น "สมองก้อนโต" ของคณะรัฐบุคคล ล้วนยืนยัน
1 ไม่มีนายกรัฐมนตรีพระราชทาน ตามมาตรา 7
1 ไม่มีการเรียกร้องหรือหนุนเสริมให้ทหารออกมารัฐประหาร ทุกอย่างเดินในกรอบของรัฐธรรมนูญอย่างเคร่งครัด
อย่างน้อยในคณะรัฐบุคคลก็มี 3 คนเคย "ร่าง" รัฐธรรมนูญมาแล้ว
เช่นเดียวกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แสดงความเห็นด้วยว่าการเลือกตั้งคือทางออก และปฏิเสธอย่างแข็งขันว่า
ไม่ยอมรับกระบวนการ "รัฐประหาร"
ความน่าสนใจของการเคลื่อนไหวทั้งจาก "คณะรัฐบุคคล" และทั้งจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ล้วนสวนกับแนวทางและความต้องการของ กปปส. และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ยืนหยัดมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2556

นั่นก็คือ 1 ไม่เอาการเลือกตั้ง นั่นก็คือ 1 อาศัยช่องทางมาตรา 3 และมาตรา 7 เผด็จศึก
ต้องเอารัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ออกไปให้ได้ จากนั้น ดำเนินการปฏิรูปการเมืองเพื่อขจัดสิ่งที่เรียกว่า "ระบอบทักษิณ" ให้สิ้นซาก
ตั้งตนเสมอเป็น "องค์รัฏฐาธิปัตย์" แต่เพียงผู้เดียว
แนวทางของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประกาศปฏิเสธการเป็น "คนกลาง" ของตนเอง ปฏิเสธการมีวาระซ่อนเร้นในเชิง "ผลประโยชน์"
เหมือนกับจะไม่เข้าปะทะกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ
แต่กระบวนการของการเลือกตั้งก็ขัดกับความต้องการเฉพาะหน้าของ กปปส.และของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ
จึงเท่ากับยืดเวลาให้กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ออกไปอีก
ขณะที่แนวทางของคณะรัฐบุคคลเมื่อรับรู้กันอย่างเป็นทางการว่าที่ พล.อ.สายหยุด เกิดผล แถลงว่า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เห็นด้วยนั้น
เป็นการ "คิดเอาเอง"
ไม่ว่าจะโดย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ บอก พล.อ.สายหยุด เกิดผล ทางโทรศัพท์ไม่ว่าจะมอบหมายให้ พล.ท.พิศณุ พุทธวงศ์ หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษ ด้วยประโยค "เราแค่รับฟังยังไม่ได้รับปากอะไร"

ทุกอย่างก็จบ
เป็นอันว่า ไม่ว่าแนวทางของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่ว่าแนวทางของพล.อ.สายหยุด เกิดผล ล้วนไม่เอื้ออวยให้กับ 
นายสุเทพ เทือกสุบรรณยังจำเป็นต้องร้องเพลง "จูบ" กะเพลง "รอ" ต่อไป
จากนี้จึงเห็นได้ถึงความพยายามทั้งของ พล.อ.สายหุด เกิดผล ทั้งของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 
ล้วนแต่ 1 เป็นการหาหนทางออกเป็นการหาหนทางให้กับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณล้วนแต่ 1 เป็นตัวช่วยให้กับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และการชุมนุมที่ยืดเยื้อมา 6 เดือน
เป็นอันว่ามะม่วง "ยิ่งลักษณ์" ยังไม่ "หล่น" แม้จะงอมอย่างยิ่ง


................


(ที่มา:มติชนรายวัน 29 เมษายน 2557)

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar