คำวินิจฉัยที่ “การบินไทย” รอคอย
.
วันนี้ (14 ก.ย.) ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของ บมจ.
การบินไทยโดยมีประเด็นวินิจฉัย 4 ประการ
คำสั่งศาลในวันนี้นับเป็นจุดเริ่มต้นของการเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ
ส่วนทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนที่วางไว้หรือไม่ ต้องติดตามดูต่อไปเพราะ
“มหากาพย์การบินไทย” ยังไม่จบในเร็ววัน
การบินไทย: จะเกิดอะไรขึ้นหลังศาลล้มละลายกลางอนุญาตให้การบินไทยเข้าสู่แผนฟื้นฟูกิจการ
ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของการบินไทยหลังจากใช้เวลาไต่สวนคำร้องขอฟื้นฟูกิจการบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เกือบหนึ่งเดือน ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการอย่างเป็นทางการเพื่อบริหารจัดการภาวะหนี้สินล้นพ้นตัว เป็นมูลค่ากว่า 3.32 แสนล้านบาท (ข้อมูล ณ เดือน มิ.ย. 2563)
ศาลล้มละลายเริ่มไต่สวนครั้งแรกวันที่ 17 ส.ค. และนัดไต่สวนเพิ่มเติมอีกสองครั้งในวันที่ 21 ส.ค. และวันที่ 25 ส.ค. ตามลำดับ เนื่องจากมีลูกหนี้บางส่วนคัดค้านแผนฟื้นฟู อย่างไรก็ตาม ผู้บริหาร บมจ. การบินไทยยืนยันว่าเจ้าหนี้ส่วนใหญ่เห็นชอบกับแผนฟื้นฟูฉบับนี้
วันนี้ (14 ก.ย.) ศาลล้มละลายกลางนัดอ่านคำสั่งคดีหมายเลขดำที่ ฟฟ10/2563 ระหว่าง บมจ. การบินไทย ลูกหนี้ผู้ร้องขอและเจ้าหนี้ผู้คัดค้าน คำร้องฟื้นฟูกิจการของการบินไทยและแต่งตั้งคณะผู้จัดทำแผน ซึ่งศาลได้มีคำสั่งให้การบินไทยเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการแล้ว
ทั้งนี้การทำแผนฟื้นฟูกิจการดังกล่าวเพื่อปรับโครงสร้างหนี้และปรับโครงสร้างกิจการการบริหารองค์กรให้เหมาะสมกับสภาพการแข่งขัน เพื่อให้มีรายได้สามารถชำระหนี้เจ้าหนี้ได้
นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร รักษาการแทนกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ. การบินไทย ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวหลังรับทราบคำสั่งศาลล้มละลายกลางว่า คณะทำแผนฟื้นฟูกิจการคาดว่าการเจรจากับเจ้าหนี้จะแล้วเสร็จไม่เกินไตรมาสที่สี่ของปีนี้ และแผนฟื้นฟูกิจการก็จะแล้วเสร็จภายในสิ้นปีเช่นกัน
หลังจากนั้นคาดว่าศาลล้มละลายกลางจะมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนและแต่งตั้งผู้บริหารแผนภายในไตรมาสที่ 1 ของปี 2564 และจะใช้เวลาดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้และโครงสร้างองค์กรตามแผนฟื้นฟูกิจการที่ศาลฯ เห็นชอบแล้ว ให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 5 ปี
จะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้
คำสั่งเห็นชอบแผนฟื้นฟูกิจการและแต่งตั้งผู้บริหารแผนเพื่อดำเนินการตามแผนฟื้นฟูของศาลล้มละลายกลางเป็นสิ่งที่สายการบินแห่งชาติรอคอยมานานหลายเดือน นับตั้งแต่ตัวแทนบริษัทได้ยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายกลางเมื่อวันที่ 26 พ.ค.
หลังจากศาลล้มละลายกลางอนุญาตให้การบินไทยเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการแล้ว ขั้นตอนต่อไป คือ กรมบังคับคดีจะดำเนินการแจ้งเจ้าหนี้ทุกรายให้ทราบถึงขั้นตอนการลงทะเบียนเพื่อยื่นคำขอรับชำระหนี้ โดยเจ้าหนี้จะสามารถดำเนินการผ่านระบบออนไลน์ หรือจะนำเอกสารมาที่ บมจ. การบินไทยสำนักงานใหญ่ ถนนวิภาวดีรังสิต เพื่อที่การบินไทยและกรมบังคับคดีจะช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกแก่เจ้าหนี้ในการยื่นคำขอรับชำระหนี้ออนไลน์ โดยเจ้าหนี้ต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ภายใน 1 เดือน นับแต่คำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการและตั้งผู้ทำแผนประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เปิด 4 ประเด็นวินิจฉัยศาลล้มละลายกลางคดีการบินไทย
1.การบินไทยมีหนี้สินล้นพ้นตัวหรือไม่
ศาลพิจารณาเห็นว่า เมื่อพิจารณางบแสดงฐานะทางการเงิน ณ วันที่ 31 มี.ค. และวันที่ 30 มิ.ย. ลูกหนี้มีหนี้สินทางการเงินมากกว่าสินทรัพย์และส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบ นอกจากนี้ปัจจุบันลูกหนี้มีหนี้สินที่ถึงกำหนดชำระ โดยลูกหนี้ไม่สามารถชำระหนี้ที่ถึงกำหนดได้ ซึ่งในเรื่องนี้เจ้าหนี้ผู้คัดค้านในคดีก็ไม่ได้นำสืบเป็นอย่างอื่น ลูกหนี้จึงมีหนี้สินล้นพ้นตัวและไม่สามารถที่จะชำระหนี้ตามกำหนดได้ โดยเป็นเจ้าหนี้คนเดียวหรือหลายคนรวมกันเป็นจำนวนแน่นอนไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาท
2.มีช่องทางและเหตุผลอันสมควรที่จะฟื้นฟูกิจการหรือไม่
ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าโครงสร้างธุรกิจของลูกหนี้เป็นธุรกิจที่มีศักยภาพในการสร้างรายได้และมีความจำเป็นต่อระบบการคมนาคมและขนส่งทางอากาศ การบินไทยมีทรัพยากรในการดำเนินธุรกิจที่มีมูลค่าและบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ รวมทั้งมีชื่อเสียงและประสบการณ์จากการประกอบกิจการมานาน และการบินไทยยังมีความสามารถในการสร้างรายได้ สาเหตุที่ทำให้ประสบปัญหาการเงินไม่ได้มาจากพื้นฐานของธุรกิจ แต่เป็นสภาพการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลง รวมทั้งผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการระบาดของโรคโควิด-19
หากไม่ได้รับการฟื้นฟูกิจการย่อมเกิดความเสียหายทั้งต่อการบินไทย ลูกจ้าง เจ้าหนี้ ผู้ลงทุนและเศรษฐกิจของประเทศ การฟื้นฟูกิจการทำให้การบินไทยดำเนินธุรกิจต่อได้ มีรายได้มาชำระหนี้และรักษาการจ้างงาน มีประโยชน์กว่าปล่อยให้ล้มละลาย
3.การบินไทยยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการโดยสุจริตหรือไม่
ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า การบินไทยมีหนี้สิ้นล้นพ้นตัวและไม่อาจจะชำระหนี้ตามกำหนดได้ และได้ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการเพื่อหาวิธีการรักษามูลค่าทรัพย์สิน และเพื่อให้เจ้าหนี้ได้รับการชำระหนี้มากที่สุดด้วยความเป็นธรรม ดังนั้น มีคุณสมบัติครบถ้วนและมีสิทธิยื่นคำร้องได้ตามพ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 90/3 และได้ความจริงครบถ้วนตามมาตรา 90/10
4. บุคคลที่การบินไทยเสนอสมควรเป็นผู้ทำแผนฟื้นฟูหรือไม่
ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า เจ้าหนี้ผู้คัดค้านไม่มีหลักฐานประกอบว่าบุคคลดังกล่าวขาดคุณสมบัติ และไม่ได้เสนอบุคคลอื่น ศาลเห็นควรตั้งบุคคลตามที่การบินไทยเสนอ
ลูกหนี้รายย่อยคัดค้านแผน เหตุไม่เชื่อมั่น บ.ที่ปรึกษาทำแผน
หากพิจารณาในสัดส่วนจากมูลหนี้แล้ว เจ้าหนี้ที่คัดค้านแผนมี 15 รายเท่านั้นคิดเป็นสัดส่วนราว 1-2% ของมูลหนี้ ด้านนายชาญศิลป์เปิดเผยว่าลูกหนี้ส่วนมากราว 100 ราย ได้แก่ เจ้าหนี้สถาบันการเงินทั้งในประเทศและต่างประเทศ ผู้ให้เช่าและเช่าซื้อเครื่องบินผู้ให้บริการด้านอากาศยาน สายการบินคู่ค้า ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ อย่างกระทรวงการคลัง และหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการประกอบธุรกิจของการบินไทย ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 54.5% ของจำนวนหนี้ตามงบการเงินไตรมาสที่ 2 ประจำปี 2563 ของการบินไทย เห็นชอบกับแผนการฟื้นฟูกิจการ
อย่างไรก็ตาม ประเด็นหลัก ๆ ที่กลุ่มเจ้าหนี้รายย่อยที่คัดค้านได้ขึ้นเบิกความต่อศาล ได้แก่ ความน่าเชื่อถือ คุณสมบัติ ความรู้ความสามารถ ประสบการณ์และค่าตอบแทนที่การบินไทยเสนอมาคือ บริษัท อีวาย คอร์ปอเรท แอดไวซอรี่ เซอร์วิสเซส จำกัด
ในประเด็นนี้ รักษาการแทนกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ. การบินไทย ยืนยันว่าบริษัท อีวายฯ เป็นบริษัทผู้ทำแผนที่มีความน่าเชื่อถือ เพราะเป็นบริษัทเครือข่ายของบริษัท อีวาย คอร์เปอร์เรท เซอร์วิสเซส จำกัด ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัท BIG4 หรือหนึ่งในสี่ผู้ให้บริการรายใหญ่ระดับโลกที่มีชื่อเสียงทางด้านการสอบบัญชีและการเงิน และมีสำนักงานเครือข่ายอยู่ทั่วโลก
ศาลไต่สวนพยานลูกหนี้ผู้ร้องขอรวม 5 ปาก และไต่สวนพยานเจ้าหนี้ผู้คัดค้านรวม 3 ปากใช้เวลาพิจารณาคดีรวม 3 นัด แต่เดิมมีเจ้าหนี้ทั้งหมด 16 รายที่คัดค้านแผนฯ แต่ต่อศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้คัดค้านที่ 5, 7, 9 และ 16 ถอนคำคัดค้าน
28,030 ล้านบาทขาดทุนสุทธิ ( 1 ม.ค. - 30 มิ.ย. 2563)
เพิ่มขึ้น 336.5%จากช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว
รายได้รวม40,493 ล้านบาท
ลดลงจากช่วงเดียวกันในปีก่อน56.1%
อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนการดำเนินการตามแผนซึ่งจะต้องทำให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนฯ แต่สามารถขยายได้ไม่เกิน 2 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 1 ปี
สำหรับรายนามผู้จัดทำแผนฟื้นฟูกิจการที่การบินไทยเสนอต่อศาลล้มละลายกลางประกอบด้วย บริษัท อีวาย ฯ ร่วมกับกรรมการบริษัทอีก 6 คน คือ พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค นายบุญทักษ์ หวังเจริญ นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ และนายชาญศิลป์ ตรีนุชกร
ปัญหาคืนตั๋วเครื่องบิน
นับเป็นประเด็นปัญหาที่ลูกค้าของการบินไทยปวดหัวไม่น้อย แต่จากคำชี้แจงของการบินไทย แบ่งการจัดการปัญหาดังกล่าวลูกค้าที่ออกบัตรโดยสารไปแล้วเป็น 2 กลุ่ม คือ
1. กลุ่มที่ขอคืนค่าบัตรโดยสาร (Refund) ไปแล้ว 331,996 ราย มีทางเลือก 2 ทาง คือ หากต้องการได้รับเงินคืนอาจจะต้องรอดูเงื่อนไขจากคณะผู้ทำแผน ซึ่งได้หารือกันเกี่ยวกับการกำหนดเงื่อนไขและรายละเอียดส่วนนี้ไว้ในแผนฟื้นฟูกิจการแล้ว หรือว่าหากว่าลูกค้าต้องการใช้สิทธิเก็บบัตรโดยสารไว้ใช้เดินทางกับการบินไทยหรือไทยสมายล์ได้จนถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2564 หรือจะแลกเป็น Travel Voucher ซึ่งสามารถนำมาใช้แทนเงินสดในการออกบัตรโดยสารของการบินไทยหรือไทยสมายล์ได้จนถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2565
2. กลุ่มที่ถือบัตรโดยสาร แต่ยังไม่ได้เดินทางและยังไม่ได้ดำเนินการขอคืนค่าบัตรโดยสาร สามารถรักษาสิทธิเก็บบัตรโดยสารไว้เดินทางกับการบินไทยและไทยสมายล์ได้จนถึงสิ้นปี 2564 หรือสามารถแลกเป็น Travel Voucher ใช้แทนเงินสดในการออกบัตรของสายการบินทั้งสองได้จนถึงสิ้นปี 2565
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar