ผู้บริหารธรรมศาสตร์ขลาดเขลา ประกาศไม่อนุญาตให้จัดม็อบ 19 ก.ย. อ้างว่าไม่ทำตามข้อตกลง อ.อนุสรณ์ อุณโณ ยังงง ก็คุณต้องอนุญาตก่อน แล้วถึงจะไปทำข้อตกลงกับตำรวจ จู่ๆ จะมาอ้างว่าไม่ทำตามข้อตกลงได้อย่างไร
เข้าใจนะ อ.เกศินี อ.ปริญญา ให้เสรีภาพนักศึกษามาตลอด แต่ครั้งนี้เหมือนถูกอำนาจบางอย่างบีบ แล้วก็ตัดสินใจเอาตัวรอด หนีความรับผิดชอบ ซึ่งสมควรโดนเด็กด่า
ผู้บริหารมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะปริญญา อดีตเลขาฯ สนนท.พฤษภา 35 ตื่นตูมมาตั้งแต่ 10 สิงหา #ธรรมศาสตร์จะไม่ทน ออกมาขออภัย น้อมรับผิด แล้วก็ชิงชี้มูลความผิดนักศึกษาเสียเองว่า แม้เนื้อหาหลักอยู่ในขอบเขตของรัฐธรรมนูญและกฎหมาย แต่มีบางส่วนอาจจะเลยขอบเขต
คำถามคือ ผู้บริหาร มธ.อนุญาตให้จัดชุมนุม แล้วต้องรับผิดชอบทุกคำพูดทุกการแสดงออกหรือ คุณเป็น ผอ.อนุบาล หรือผู้บริหารมหาวิทยาลัยที่มีเสรีภาพทุกตารางนิ้ว
ผู้บริหาร มธ.กลัวหมอเหรียญทอง หมอวรงค์จะไล่ เพียงเพราะยอมให้จัดม็อบ แล้วบังคับว่าต้องรับผิดชอบกับนักศึกษาด้วย?
รู้หรอกน่าว่ากลัวอะไร แต่คนเราวัดใจวัดความรับผิดชอบกันในสถานการณ์อย่างนี้แหละ ไตรรงค์ สุวรรณคีรี อ้างว่าตอน 6 ตุลา 2519 อ.ป๋วยห้ามแล้วนักศึกษาไม่ฟังจนต้องลาออก นั่นเป็นการบิดเบือนย่ำยีเกียรติภูมิ อ.ป๋วย เพราะท่านเตือนท่านห้ามปรามก็จริง แต่เมื่อนักศึกษายืนยันว่าไม่มีทางเลือก อ.ป๋วยก็ปกป้อง เพราะท่านเห็นว่าถ้าไล่นักศึกษาออกไปชุมนุมสนามหลวงจะอันตรายกว่า อ.ป๋วยไม่ได้ออกมาตีโพยตีพายเอาตัวรอดว่าห้ามแล้วนักศึกษาไม่ฟัง ท่านลาออกหลังเกิดการเข่นฆ่า เพราะเสียใจว่าไม่สามารถปกป้องนักศึกษาได้
อ.ป๋วยจึงเป็น อ.ป๋วย เป็นปูชนียบุคคลของธรรมศาสตร์ ของประชาชน (ไม่ใช่ป๋วยเดอะสลิ่ม ที่ยกย่องท่านเป็นคนดีคนเก่งช่วยสร้างประเทศยุคเผด็จการ)
ฟังไปฟังมา อดีตอาจารย์ธรรมศาสตร์อย่างไตรรงค์ กลับโทษเหยื่อ 6 ตุลา ว่ารู้ทั้งรู้เขาจะปราบ ยังมาชุมนุมให้เขาฆ่า ถ้าเชื่อฟังเสีย ไม่ก่อม็อบไล่ถนอม คงไม่ถูกฆ่า
แบบเดียวกับแก้วสรร อดีตประธานค่ายอาสายุค 14 ตุลา อ้างว่าถ้าม็อบเดินขบวนไปทำเนียบจะเกิดวีรชน ช่างน่าเห็นใจถนอม-ประภาส สุจินดา ต้องโทษม็อบแส่เอง อย่าโทษทหารยิง
แน่ละ ในที่สุด มธ.ห้ามม็อบไม่ได้ เพราะยังยืนยันจะจัด ปิดประตูก็ห้ามคนหลายหมื่นไม่ได้ แต่ผู้บริหาร มธ.น่าจะรู้แก่ใจ ว่าเมื่อสั่งห้าม ม็อบก็มี 2 ทางเลือกคือ ยึดมหาวิทยาลัยหรือยึดสนามหลวง
ซึ่งก็คือการผลักม็อบ ผลักนักศึกษา ให้โดนข้อหาชุมนุมไม่สงบตั้งแต่ต้น จากพวกที่ปิดเมืองขัดขวางเลือกตั้ง ทำลายประเทศเป็นอัมพาต แต่อ้างได้ว่าศาลรัฐธรรมนูญคุ้มครอง
เข้าทางรัฐบาล ที่ต้องการกดดัน สร้างความกลัว ปลุกความเกลียดชัง สร้างภาพม็อบจะก่อความรุนแรง จะมีปะทะกัน ฯลฯ เพื่อให้คนไปร่วมน้อยที่สุด เช้าวันที่ 20 ก.ย.จะได้เปิดไวน์ฉลอง ไม่ต้องแก้รัฐธรรมนูญเลยด้วยซ้ำ แล้วหวนมากวาดจับแกนนำ ข่มขู่คุกคามม็อบตามพื้นที่ต่างๆ แล้วอยู่ยาวไปทั้งตู่ป้อม 250 ส.ว.
แล้วก็เข้าทางขบวนการดาวสยามให้ร้ายป้ายสี ปลุกปั่นทำลาย บิดเบือนข้อมูลหน้าด้านๆ โทษอเมริกาอยู่เบื้องหลัง โทษจอร์จ โซรอส อ้างว่าทวิตเตอร์ฝ่ายประชาธิปไตยมาจากฝรั่ง แล้วก็ส่งไลน์ต่อๆ กันในพวกสมองกลวง
แก้วสรรก็ดิสเครดิตแกนนำนักศึกษา ว่าไม่มีความสามารถในการนำ ไว้วางใจไม่ได้ เป็นมวลชนจากทวิตเตอร์ที่จงเกลียดจงชัง ถูกปลุกปั่นมายาวนาน มีเบื้องหลัง ไม่มีความชัดเจนเรื่องค่าใช้จ่าย
ไม่เหมือนม็อบกำนัน มีความสามารถสูงส่ง เชื่อมือได้ ในการชัตดาวน์ บุกสถานที่ราชการ ทำลายป้ายตำรวจ มีความชัดเจนในการรับบริจาค มวลชนคุมได้ เป่าปี๊ดๆ ก็ซ้ายหันขวาหัน
ถามว่าตั้งแต่ม็อบ 18 ก.ค. มีครั้งไหนที่นักศึกษาประชาชนสร้างความรุนแรง 10 สิงหามีคนเป็นหมื่น 16 สิงหามีคนร่วมสี่หมื่น ก็ชุมนุมโดยสงบแล้วเลิก ยังถูกยัดข้อหา ซึ่งทำให้โกรธแค้น จนยื้อยุดกับตำรวจเมื่อไปให้กำลังใจคนถูกจับ มีศิลปินสาดสีใส่ตำรวจ แต่ก็มีคนเรี่ยไรบริจาคเงินซื้อชุดให้ทันควัน แล้วหลังจากนั้นเขาก็สาดสีใส่ตัวเอง
มวลชนจากทวิตเตอร์ที่นัดกันออกมา ก็คือม็อบตุ้งติ้ง ม็อบแฮมทาโร่ นี่จงเกลียดจงชัง?
มีแต่การยกระดับเนื้อหาเท่านั้น ที่ทำให้ฝ่ายอนุรักษนิยมแตกตื่น “แผ่นดินไหว” จนยอมให้ม็อบเดินต่อไม่ได้
19
ก.ย.ประกาศว่า “อาจยึดสนามหลวง” แต่ยังไม่ได้ทำ
เพราะถ้าจะยกระดับต้องดูปัจจัยหลายอย่าง ขึ้นกับสถานการณ์
ท่าทีของรัฐบาลต่อการแก้รัฐธรรมนูญ ฯลฯ ซึ่งถ้าผู้บริหาร
มธ.ไม่ลอยแพนักศึกษาตั้งแต่ต้น จนเป็นปรปักษ์กัน ก็ยังพูดคุยกับเขาได้
มันอาจเป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆ แต่ผู้บริหารธรรมศาสตร์ไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบได้ กับการมีส่วนร่วมทำลายขบวนประชาธิปไตย ทำลายสปิริตธรรมศาสตร์ในตัวเอง
แม้สปิริตนั้นยังอยู่กับนักศึกษาประชาชน เช่นที่ดำรงอยู่มา 86 ปี
ที่มา: ข่าวสดออนไลน์ www.khaosod.co.th/politics/hot-topics/news_4896212
หมอวรงค์ล่าชื่อค้านแก้รัฐธรรมนูญ วันเดียวได้เป็นแสน ทหารแก่ปลาบปลื้ม พลังเงียบแสดงตน เจ๋งกว่า iLaw ล่าชื่อแก้รัฐธรรมนูญเป็นเดือนๆ ได้ไม่ถึงห้าหมื่น
ที่ไหนได้ ชาวโลกออนไลน์หัวร่อครึกครื้น เพราะหมอวรงค์ใช้ google sheet ซึ่งใครจะพิมพ์ชื่ออะไร มีตัวตนจริงหรือไม่ พิมพ์กี่ครั้งก็ได้ นับหมดจึงได้ครบแสนอย่างรวดเร็ว ต่างกับการล่าชื่อแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องถ่ายสำเนาบัตรยืนยันตัวตน
แต่คนแก่ๆ ตกยุคโง่เทคโนโลยี ก็เอาไปส่งต่อกันในกลุ่มไลน์สวัสดีวันจันทร์ ปลาบปลื้มว่าพวกเรายังมีเยอะ ทั้งที่จัดกิจกรรมเก้าอี้ว่างมากกว่าคน
แบบเดียวกับซูเปอร์โพลหนุนประยุทธ์ 78% อ้างว่าฝ่ายประชาธิปไตยในโซเชียลมีเพียง 1.34% ที่ดูเยอะเพราะปั่นกระแสจากต่างประเทศ คนรุ่นใหม่หัวเราะกลิ้ง เด็กสมัยนี้ใช้ VPN เป็นตั้งแต่ประถมต้น จึงเล่นทวิตเตอร์ได้เต็มเหนี่ยว ไม่ต้องกลัวกฎหมายความมั่นคง
แต่พวกอยู่ในโลก 0.4 ก็ปักใจเชื่อ อเมริกาหนุนม็อบ ไปด่าสถานทูต หาว่าต้องการทำลายประเทศไทยเพื่อสกัดจีน ทำผังโยงจอร์จ โซรอส ซึ่งสนับสนุนภาคประชาสังคมทั่วโลก ตลกร้ายคือในอเมริกา พวกขวาสุดโต่งก็หาว่าโซรอสอยู่เบื้องหลัง Black Lives Matter โค่นทรัมป์ แต่ในเมืองไทย หาว่าทรัมป์จับมือโซรอสหนุนม็อบต้านจีน
คำถามคือ เวลาอ่านข่าว คอลัมน์ หรือดูรายการ ของพวกสื่อดาวสยามย้อนยุคครึ่งศตวรรษ ที่ปั้นข้อมูลให้ร้ายป้ายสี ม็อบมีเบื้องหลัง เพนกวินรับเงิน คนรุ่นใหม่เป็นพวกซอมบี้คลั่งติดเชื้อจากโลกออนไลน์ ฯลฯ คนที่อยู่ในโลกธุรกิจสมัยใหม่รู้สึกอย่างไรบ้าง
ปัญญาอ่อนไร้สาระ หลุดโลก สุดโต่ง แต่รัฐบาลไม่ใช่อยู่ได้เพราะคนพวกนี้หรอก
ใช่ แต่มันไม่ใช่เรื่องของคนกลุ่มเดียว ไม่ใช่แค่ความเห็นต่าง นี่มันคือการปกป้อง “อุดมการณ์หลักของชาติ” ที่ควบคุมประเทศอยู่
ทำไมการปกป้องอุดมการณ์หลักของชาติต้องงี่เง่าล้าหลังอย่างนี้ ทั้งที่ประเทศเปลี่ยนไปถึงไหนแล้ว ทั้งธุรกิจ วิถีชีวิต เทคโนโลยี ข้อมูลข่าวสาร ฯลฯ ก็ยังทำเหมือนยุค 6 ตุลา 2519 หรือยุคสงครามเย็น
เศรษฐกิจสมัยใหม่เชื่อมกับโลก ค่าเงินทองหุ้นขึ้นลงตามสงครามการค้า ตัวเลขจ้างงานสหรัฐฯ ท่าทีของเฟด ฯลฯ แต่อุดมการณ์ในประเทศยังเหมือนยุคฆ่านักศึกษาโดยหาว่าจีนญวนอยู่เบื้องหลัง ระบอบการปกครองความคิดวัฒนธรรม ยังต้องการครอบงำปลูกฝังบังคับให้อยู่กับความเชื่อถือศรัทธาแบบโบราณ โดยรัฐราชการ มหาดไทย กองทัพ กอ.รมน. กระทรวงศึกษา
แต่ก็ยังต้องการให้คนคิดเป็น อยากเห็นคนรุ่นใหม่สมาร์ตสตาร์ตอัพ เพราะโลกยุคนี้ถ้าไม่มี Critical thinking มัวแต่จบมาเป็นลูกจ้างวิ่งเต้นเส้นสายเป็นข้าราชการประเทศไปไม่รอด
อุดมการณ์รัฐจึงขัดกับโลกสมัยใหม่ เศรษฐกิจสมัยใหม่ สะท้อนออกมาทางแรงระเบิดของคนรุ่นใหม่ เหมือนที่ม็อบ “นักเรียนเลว” ไล่จี้ แทนที่จะมุ่งคุณภาพการศึกษา อุดมการณ์รัฐมุ่งจัดระเบียบเด็ก ใช้อำนาจนิยม บังคับเสื้อผ้าหน้าผม ก้มกราบ พิธีกรรม แล้วครูก็ใช้อำนาจคุกคาม บุลลี่ กระทั่งลามไปทำร้ายร่างกาย คุกคามทางเพศ
คนรุ่นใหม่ก้าวหน้าเกินกรอบจารีตบังคับ ประกาศเป็นอุกกาบาตพุ่งชนโลกเก่า ให้ไดโนเสาร์สูญพันธุ์ ไดโนเสาร์ก็ดิ้นพล่าน ไปหยิบเอาทัศนะเสรีภาพทางเพศมาสำรากอย่างหยาบคายว่าร่าน
ความขัดแย้งครั้งนี้จึงไม่เหมือนอดีต ที่อุดมการณ์รัฐอ้างศีลธรรมโทษนักการเมือง รัฐประหารทำลายประชาธิปไตย แล้วอ้างว่ารักษาความสงบ ให้ประเทศเดินต่อได้
แต่ครั้งนี้ อุดมการณ์รัฐถอยไปล้าหลังสุดโต่งปะทะคนชั้นกลางรุ่นใหม่ ในโลก Disrupt ที่กำลังเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว แล้วก็ยังดันทุรังรักษาอำนาจครอบงำเบ็ดเสร็จ
คนรุ่นใหม่อาจเอาชนะอำนาจที่ใหญ่โตมโหฬารไม่ได้ แต่รัฐก็เอาชนะโลกใหม่ไม่ได้ ยิ่งถอยหลังไปครึ่งศตวรรษอย่างที่เห็นกัน
แล้วประเทศจะเดินต่ออย่างไร
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar