tisdag 1 september 2015

กงล้อ"วงจรอุบาทว์ " ยุคมืดตอนปลายรัชกาลเมื่อสถาบันกษัตริย์ตกต่ำ พยายามหมุนเข็มนาฬิกาย้อนเวลากลับสู่อดีตให้ได้ สารพัดวิชามารโบราณที่เคยใช้ได้ผล ขุดขึ้นมาใช้ใส่ร้ายป้ายสีใส่สีตีไข่เพื่อ "ปลุกระดม"สาวก ยุคโลกไร้พรหมแดนไฮเทคโนโลยี่การติดต่อสื่อสารส่งถึงกันและกันได้ชั่วอึดใจ.. ยุค"ความลับไม่มีในโลก" ไม่สามารถปิดกั้นความจริงที่เกิดขึ้นทั้งในอดีตและปัจจุบันได้ .เป็นการกระทำที่โง่บัดซบทำเพื่ออะไร? จงช่วยกันนำความจริงออกมาเปิดเผยให้อนุชนรุ่นหลังได้รับรู้ ความชั่วร้ายเลวระยำของ"ระบอบเผด็จการภูมิพล"ที่ผูกขาดสูบกินผลประโยชน์ทรัพยากรของชาติ พร้อมทำการขัดขวางทำลายวิวัฒนาการไม่ให้มีการปกครองในระบอบประชาธิปไตย โดนใช้กฎหมายเผด็จการกดขี่ข่มเหงทำร้ายประชาชนไทยมาเป็นเวลายาวนานหลายชั่วอายุคน ...จากอดีตจนถึงปัจุบัน..

ข่าวสดออนไลน์
ตะลึง!! หนุ่มสุดฟุ้ง อ้างเป็นตร.คาบบุหรี่ในเหตุการณ์ 6 ตุลา แถมคนข้างๆคือพ.ต.ท.ทักษิณ :...




( *ลูกไม้พิษหล่นใต้ต้น.*โกหกตอแหลเชื้อไม่ทิ้งแถว "สืบสาย"ลูกผู้สืบทอดสันดานเลวจากพ่อ"สุดสาย"หัวหน้ากลุ่มกระทิงแดง)


เมื่อวันที่ 1 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะเข้าไปติดตามทำข่าวปัญหาความขัดแย้งเรื่องที่ดินของสวนสัตว์ไนท์ซาฟารี กับสำนักสงฆ์แห่งหนึ่งในจ.เชียงใหม่ ก็มีพนักงานของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี คนหนึ่ง  ชื่อพ.ต.ท.สืบสาย หัสดิน อายุ 60 ปี ตำแหน่งหัวหน้ารักษาความปลอดภัยของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี มาพูดคุยกับผู้สื่อข่าวพร้อมเปิดเผยถึงรูปถ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยืนคาดบุหรี่ จ่อปืนเข้าไปในมหาวิทยาลัยธรรมศาตร์ ในเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 ซึ่งเป็นรูปที่ถูกเผยแพร่อย่างกว้างขวาง ว่านายตำรวจคนดังกล่าวนั้นคือตัวเอง 


โดยพ.ต.ท.สืบสาย เผยว่า ตนเป็นลูกชายของพล.ต.สุดสาย หัสดิน หัวหน้ากลุ่มกระทิงแดงในสมัยนั้น เมื่อเรียนจบชั้นปริญญาตรี ก็สมัครเข้ารับราชการตำรวจ โดยในช่วงเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 นั้นรับราชการเป็นรองสารวัตรปราบปราม สน.ชนะสงคราม โดยวันเกิดเหตุมีนักศึกษาไปรวมตัวอยู่ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งอยู่ในเขตรับผิดชอบของสน.ชนะสงคราม ตนเข้าเวรและถูกส่งไปดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย ขณะนั้นมีตำรวจและทหารจากหน่วยงานอื่นเข้ามาดูแล และล้อมม.ธรรมศาสตร์ไว้ ซึ่งตนเอาปืนซ่อนไว้ที่เอว แล้วเข้าไปดูเหตุการณ์ริมรั้วธรรมศาสตร์ จากนั้นเห็นคนในนั้นจ่อปืนมายังตน จึงตัดสินใจชักปืนที่ซ่อนไว้ชูไปข้างหน้าเพื่อบอกให้คนข้างในรู้ว่ามีปืน ซึ่งได้ผล ทำให้คนข้างในไม่ยิงออกมาและหดปืนกลับ

พ.ต.ท.สืบสาย กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ในภาพชายที่ใส่หมวกอยู่ข้างๆ ก็คือพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ถูกส่งมาหาข่าวเช่นกัน ซึ่งตนจำได้แม่น อย่างไรก็ตามหลังเกิดเหตุมีภาพออกมาเผยแพร่ ตนก็ไม่กล้าออกมายอมรับว่าเป็นตน จนเมื่อเวลาผ่านไปนานแล้ว จึงออกมาเปิดเผยข้อเท็จจริง ทั้งนี้ยืนยันว่าไม่ได้หวังผล หรือประโยชน์ใดๆทั้งสิ้น 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบข้อมูลทางประวัติศาสตร์พบว่า นายตำรวจที่คาบบุหรี่และจ่อปืนเข้ามาในม.ธรรมศาสตร์ ก็คือร.ต.ท.วัชรินทร์ เนียมวณิชกุล ผู้บังคับกองร้อยที่ 1 บางเขน โรงเรียนนายสิบตำรวจบางเขน 

นอกจากนี้คนในภาพที่สวมหมวกข้างนายตำรวจ ที่พ.ต.ท.สืบสายระบุว่าเป็นพ.ต.ท.ทักษิณ นั้น จากการตรวจสอบพบว่า หมวกดังกล่าวเป็นเครื่องแบบของตำรวจตชด. ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เคยสังกัดตชด.มาก่อน ยิ่งไปกว่านั้นช่วงเกิดเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 นั้น พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ระหว่างการศึกษาระดับปริญญาเอก ที่มหาวิทยาลัยแซมฮิวสตันสเตต ประเทศสหรัฐอเมริกา 
 
 นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อดีตแกนนำนักศึกษาในเหตุการณ์ 6 ตุลา ให้สัมภาษณ์ว่า คำสัมภาษณ์ของพ.ต.อ.สืบสาย หัสดิน ดังกล่าวเป็นไปไม่ได้ เพราะนายตำรวจที่อยู่ในรูปดังกล่าวคือร.ต.ท. วัชรินทร์ เนียมวณิชกุล 

โดยนายสมศักดิ์ อธิบายว่า ขณะที่ตนถูกดำเนินคดีในศาลทหารในฐานะเป็นแกนนำนักศึกษาในเหตุการณ์ดังกล่าว ทนายของฝ่ายจำเลยนำรูปถ่ายมาพิสูจน์ว่าตำรวจที่อยู่ในรูปคือร.ต.ท.วัชรินทร์ นอกจากนี้ร.ต.ท.วัชรินทร์ เคยให้สัมภาษณ์ยืนยันในเวลาต่อมาด้วยว่า เป็นคนที่ถือปืนในรูปจริง แต่ก็อธิบายเพิ่มเติมว่าไม่ได้ยิงปืนเข้าไปในธรรมศาสตร์ เพียงแค่เก็กท่าถ่ายรูปเฉยๆ 

 “นานมาแล้ว คือถ้าผมจำไม่ผิดนะ ตอนหลังลูกสาวเขามาเรียนธรรมศาสตร์ แล้วเธอเขียนเล่าถึงความทุกข์ของการทีเป็นลูกคนนี้ เวลามีคนรู้เข้า อะไรแบบนั้น ผมไปเขียนโต้ตอบกับเธอ คือเธอพยายามบอกว่า พ่อไม่ได้ทำอะไร ฯลฯ ผมก็ไปชี้แจงทำนองว่าจริงๆ แล้ว พ่อเธอมีส่วนจริง เพียงแต่ผมก็ไม่ถือว่าเขาเป็นคนสำคัญอะไร”นายสมศักดิ์กล่าว

สำหรับประเด็นที่สืบสาย ระบุว่า คนที่ยืนอยู่ข้างๆ คือพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้น สมศักดิ์กล่าวว่า เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากขณะนั้น ทักษิณมีตำแหน่งเป็นตำรวจเฝ้าทำเนียบ คอยคุ้มกันนักการเมือง ไม่ค่อยออกพื้นที่ และตำรวจชุดที่ไปถล่มธรรมศาสตร์ในเช้าวันนั้น จริงๆเป็นพวกของพล.ต.อ.สล้าง บุญนาค นอกจากนี้ยังเป็นไปได้ว่าทักษิณยังศึกษาอยู่ที่ต่างประเทศด้วยขณะเกิดเหตุ 6 ตุลา

"กรณีนี้ต้องนับเป็น มโนแห่งปี หรือ มโนแห่งทศวรรษ อะไรเลยมั้งครับ" สมศักดิ์ระบุ

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar