Chaturon Chaisang
การที่ร่างรัฐธรรมนูญถูกคว่ำไป มีสาเหตุสำคัญอยู่ที่ร่างนี้มีเนื้อหาที่เป็นเผด็จการสุดโต่ง ทำให้มีการคัดค้านวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างรุนแรงจนผู้กำกับการแสดงของสปช.ตัดสินใจสั่งให้คว่ำเสีย
ส่วนการที่ร่างนี้มีเนื้อหาที่เป็นเผด็จการจนคนคัดค้านกันไปทั่วนี้ จะว่าเป็นเรื่องหนุมานเหาะเกินกรุงลงกาก็คงไม่ได้ ถ้าไม่มีเงื่อนไขต่างๆเอื้ออำนวยให้ คณะกรรมาธิการคงไม่กล้าขนาดนี้
เงื่อนไขที่ทำให้คณะกรรมาธิการกล้าร่างออกมาอย่างนี้ ลองทบทวนกันดูหน่อยก็จะพบว่า มีปัญหาตั้งแต่ที่มาของคณะกรรมาธิการเองซึ่งมาจากคสช. ไม่มีอะไรเชื่อมโยงกับประชาชนเลย
ผู้ที่มาเป็นกรรมาธิการส่วนใหญ่อาจเรียกได้ว่าไม่ได้มีจิตใจฝักใฝ่ประชาธิปไตยสักเท่าใด จะอ้างพลเมืองเป็นใหญ่กันพอให้ตนเองดูดีเท่านั้น
ที่ทำให้คณะกรรมาธิการนี้เลยเถิดไปใหญ่ก็คือ การที่กระบวนการร่างไม่เป็นประชาธิปไตยเอาเสียเลย คือไม่ให้ประชาชนมีส่วนร่วม ไม่รับฟังความคิดเห็นฝ่ายต่างๆอย่างเพียงพอ ทั้งยังปล่อยให้มีการปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นโดยเฉพาะฝ่ายที่เห็นแตกต่างตลอดกระบวนการ
แต่ที่น่าจะทำให้คณะกรรมาธิการนี้ได้ใจมากที่สุดน่าจะได้แก่ การที่ได้ธงจากทั้งคสช.และรัฐบาลทั้งในเชิงระบบและโดยบุคคล
คณะกรรมาธิการต้องส่งร่างให้คสช.และครม.พิจารณาเพื่อให้ความเห็น เมื่อกรรมาธิการแก้ไขปรับปรุงแล้วครม.ก็มีคนออกมาแสดงความพึงพอใจเป็นระยะๆ
ในส่วนของบุคคลก็จะพบว่า พล.อ.ประยุทธ์ซึ่งเป็นทั้งหัวหน้าคสช.และนายกฯออกมาพูดสนับสนุนหรือแก้ต่างให้คณะกรรมาธิการเป็นระยะๆโดยเฉพาะในช่วงหลังที่มีคปป.ขึ้นมา ยิ่งทำให้คณะกรรมาธิการอยู่ในสภาพไม่กลัวใคร
อีกเรื่องหนึ่งที่คนอาจจะเกือบลืมไปแล้วก็คือ การแก้รัฐธรรมนูญชั่วคราวที่ตัดเงื่อนไขที่บังคับให้สปช.ต้องรับร่างออกไป เป็นไม่ว่าจะผ่านหรือไม่ผ่านสปช.ก็ต้องพ้นจากตำแหน่งอยู่ดี เป็นการเอื้อให้คว่ำมากกว่าผ่าน
ยิ่งมีข่าวว่า มีการเสนอตำแหน่งสมาชิกสภาขับเคลื่อนแลกเปลี่ยนกับการโหวตคว่ำด้วยแล้วก็ทำให้เห็นได้ว่าผู้กับกำการแสดงอาจจะเตรียมทางหนีทีไล่ไว้เป็นสองทางมาก่อนแล้ว และเมื่อว่าเห็นว่าจำเป็นต้องคว่ำจึงสามารถคว่ำได้โดยไม่ยาก
ซึ่งก็สมประโยชน์พอดี การคว่ำก็มีผลทำให้คสช.อยู่ได้นานมากยิ่งขึ้นด้วย ซึ่งน่าจะเป็นเหตุให้มีทางเลือกที่จะคว่ำคู่ขนานกับการผ่านร่างแบบสุดๆมาโดยตลอด
โดยสรุป การที่มีร่างที่เผด็จการที่สุดเกิดขึ้นได้และทำให้ประเทศชาติต้องเสียโอกาสเสียเวลากันไปเป็นปี ภายใต้การปกครองที่ไม่เป็นประชาธิปไตยซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่แสนแพงนี้ ก็เพราะกระบวนการร่างที่ไม่เป็นประชาธิปไตยมาตั้งแต่ต้น
การที่ร่างนี้ถูกคว่ำไป อาจเกิดจากสำนึกของสปช.บางส่วนที่เป็นห่วงชาติบ้านเมือง แต่ที่แน่ๆคือ ไม่ได้เกิดจากจิตสำนึกของผู้มีอำนาจหรือผู้กำกับการแสดงของสปช.ซึ่งจำเป็นต้องตัดสินใจสั่งให้คว่ำ เพราะเห็นว่ามีเสียงคัดค้านร่างรัฐธรรมนูญนี้มากขึ้นเรื่อยๆและหากปล่อยให้ผ่านไปก็จะไปถูกคว่ำในขั้นการลงประชามติอยู่ดี
ถ้าไม่มีการวิพาษ์วิจารณ์คัดค้านร่างรัฐธรรมนูญนี้กันอย่างจริงจัง ร่างรัฐธรรมนูญนี้คงผ่านสปช.ไปแล้ว และในขั้นลงประชามติจะคว่ำก็คงยาก เพราะไม่มีใครค้านมาก่อน ในที่สุดเราก็คงจะได้รัฐธรรมนูญที่เลวร้ายกันจริงๆ
การที่ประชาชนฝ่ายต่างๆได้ร่วมกันวิพากษ์วิจารณ์คัดค้านร่างรัฐธรรมนูญเผด็จการในครั้งนี้จึงไม่เสียเปล่าหรือเหนื่อยเปล่า ต้องนับว่าประชาชนได้ช่วยกันป้องกันยับยั้งไม่ให้ประเทศต้องถลำไปสู่วิกฤตที่ร้ายแรงไปได้
ส่วนจากนี้จะทำอย่างไรกันดี การร่างรัฐธรรมนูญและการคืนประชาธิปไตยให้แก่ประชาชนควรเป็นอย่างไร คงต้องคุยกันต่อ
ถ้าจะพูดแบบสั้นที่สุด จะได้รัฐธรรมนูญที่ดีต่อเมื่อกระบวนการร่างเป็นประชาธิปไตยเท่านั้นครับ
คลิกดูเพิ่ม-Chaturon Chaisang
การที่ร่างรัฐธรรมนูญถูกคว่ำไป มีสาเหตุสำคัญอยู่ที่ร่างนี้มีเนื้อหาที่เป็นเผด็จการสุดโต่ง ทำให้มีการคัดค้านวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างรุนแรงจนผู้กำกับการแสดงของสปช.ตัดสินใจสั่งให้คว่ำเสีย
ส่วนการที่ร่างนี้มีเนื้อหาที่เป็นเผด็จการจนคนคัดค้านกันไปทั่วนี้ จะว่าเป็นเรื่องหนุมานเหาะเกินกรุงลงกาก็คงไม่ได้ ถ้าไม่มีเงื่อนไขต่างๆเอื้ออำนวยให้ คณะกรรมาธิการคงไม่กล้าขนาดนี้
เงื่อนไขที่ทำให้คณะกรรมาธิการกล้าร่างออกมาอย่างนี้ ลองทบทวนกันดูหน่อยก็จะพบว่า มีปัญหาตั้งแต่ที่มาของคณะกรรมาธิการเองซึ่งมาจากคสช. ไม่มีอะไรเชื่อมโยงกับประชาชนเลย
ผู้ที่มาเป็นกรรมาธิการส่วนใหญ่อาจเรียกได้ว่าไม่ได้มีจิตใจฝักใฝ่ประชาธิปไตยสักเท่าใด จะอ้างพลเมืองเป็นใหญ่กันพอให้ตนเองดูดีเท่านั้น
ที่ทำให้คณะกรรมาธิการนี้เลยเถิดไปใหญ่ก็คือ การที่กระบวนการร่างไม่เป็นประชาธิปไตยเอาเสียเลย คือไม่ให้ประชาชนมีส่วนร่วม ไม่รับฟังความคิดเห็นฝ่ายต่างๆอย่างเพียงพอ ทั้งยังปล่อยให้มีการปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นโดยเฉพาะฝ่ายที่เห็นแตกต่างตลอดกระบวนการ
แต่ที่น่าจะทำให้คณะกรรมาธิการนี้ได้ใจมากที่สุดน่าจะได้แก่ การที่ได้ธงจากทั้งคสช.และรัฐบาลทั้งในเชิงระบบและโดยบุคคล
คณะกรรมาธิการต้องส่งร่างให้คสช.และครม.พิจารณาเพื่อให้ความเห็น เมื่อกรรมาธิการแก้ไขปรับปรุงแล้วครม.ก็มีคนออกมาแสดงความพึงพอใจเป็นระยะๆ
ในส่วนของบุคคลก็จะพบว่า พล.อ.ประยุทธ์ซึ่งเป็นทั้งหัวหน้าคสช.และนายกฯออกมาพูดสนับสนุนหรือแก้ต่างให้คณะกรรมาธิการเป็นระยะๆโดยเฉพาะในช่วงหลังที่มีคปป.ขึ้นมา ยิ่งทำให้คณะกรรมาธิการอยู่ในสภาพไม่กลัวใคร
อีกเรื่องหนึ่งที่คนอาจจะเกือบลืมไปแล้วก็คือ การแก้รัฐธรรมนูญชั่วคราวที่ตัดเงื่อนไขที่บังคับให้สปช.ต้องรับร่างออกไป เป็นไม่ว่าจะผ่านหรือไม่ผ่านสปช.ก็ต้องพ้นจากตำแหน่งอยู่ดี เป็นการเอื้อให้คว่ำมากกว่าผ่าน
ยิ่งมีข่าวว่า มีการเสนอตำแหน่งสมาชิกสภาขับเคลื่อนแลกเปลี่ยนกับการโหวตคว่ำด้วยแล้วก็ทำให้เห็นได้ว่าผู้กับกำการแสดงอาจจะเตรียมทางหนีทีไล่ไว้เป็นสองทางมาก่อนแล้ว และเมื่อว่าเห็นว่าจำเป็นต้องคว่ำจึงสามารถคว่ำได้โดยไม่ยาก
ซึ่งก็สมประโยชน์พอดี การคว่ำก็มีผลทำให้คสช.อยู่ได้นานมากยิ่งขึ้นด้วย ซึ่งน่าจะเป็นเหตุให้มีทางเลือกที่จะคว่ำคู่ขนานกับการผ่านร่างแบบสุดๆมาโดยตลอด
โดยสรุป การที่มีร่างที่เผด็จการที่สุดเกิดขึ้นได้และทำให้ประเทศชาติต้องเสียโอกาสเสียเวลากันไปเป็นปี ภายใต้การปกครองที่ไม่เป็นประชาธิปไตยซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่แสนแพงนี้ ก็เพราะกระบวนการร่างที่ไม่เป็นประชาธิปไตยมาตั้งแต่ต้น
การที่ร่างนี้ถูกคว่ำไป อาจเกิดจากสำนึกของสปช.บางส่วนที่เป็นห่วงชาติบ้านเมือง แต่ที่แน่ๆคือ ไม่ได้เกิดจากจิตสำนึกของผู้มีอำนาจหรือผู้กำกับการแสดงของสปช.ซึ่งจำเป็นต้องตัดสินใจสั่งให้คว่ำ เพราะเห็นว่ามีเสียงคัดค้านร่างรัฐธรรมนูญนี้มากขึ้นเรื่อยๆและหากปล่อยให้ผ่านไปก็จะไปถูกคว่ำในขั้นการลงประชามติอยู่ดี
ถ้าไม่มีการวิพาษ์วิจารณ์คัดค้านร่างรัฐธรรมนูญนี้กันอย่างจริงจัง ร่างรัฐธรรมนูญนี้คงผ่านสปช.ไปแล้ว และในขั้นลงประชามติจะคว่ำก็คงยาก เพราะไม่มีใครค้านมาก่อน ในที่สุดเราก็คงจะได้รัฐธรรมนูญที่เลวร้ายกันจริงๆ
การที่ประชาชนฝ่ายต่างๆได้ร่วมกันวิพากษ์วิจารณ์คัดค้านร่างรัฐธรรมนูญเผด็จการในครั้งนี้จึงไม่เสียเปล่าหรือเหนื่อยเปล่า ต้องนับว่าประชาชนได้ช่วยกันป้องกันยับยั้งไม่ให้ประเทศต้องถลำไปสู่วิกฤตที่ร้ายแรงไปได้
ส่วนจากนี้จะทำอย่างไรกันดี การร่างรัฐธรรมนูญและการคืนประชาธิปไตยให้แก่ประชาชนควรเป็นอย่างไร คงต้องคุยกันต่อ
ถ้าจะพูดแบบสั้นที่สุด จะได้รัฐธรรมนูญที่ดีต่อเมื่อกระบวนการร่างเป็นประชาธิปไตยเท่านั้นครับ
ส่วนการที่ร่างนี้มีเนื้อหาที่เป็นเผด็จการจนคนคัดค้านกันไปทั่วนี้ จะว่าเป็นเรื่องหนุมานเหาะเกินกรุงลงกาก็คงไม่ได้ ถ้าไม่มีเงื่อนไขต่างๆเอื้ออำนวยให้ คณะกรรมาธิการคงไม่กล้าขนาดนี้
เงื่อนไขที่ทำให้คณะกรรมาธิการกล้าร่างออกมาอย่างนี้ ลองทบทวนกันดูหน่อยก็จะพบว่า มีปัญหาตั้งแต่ที่มาของคณะกรรมาธิการเองซึ่งมาจากคสช. ไม่มีอะไรเชื่อมโยงกับประชาชนเลย
ผู้ที่มาเป็นกรรมาธิการส่วนใหญ่อาจเรียกได้ว่าไม่ได้มีจิตใจฝักใฝ่ประชาธิปไตยสักเท่าใด จะอ้างพลเมืองเป็นใหญ่กันพอให้ตนเองดูดีเท่านั้น
ที่ทำให้คณะกรรมาธิการนี้เลยเถิดไปใหญ่ก็คือ การที่กระบวนการร่างไม่เป็นประชาธิปไตยเอาเสียเลย คือไม่ให้ประชาชนมีส่วนร่วม ไม่รับฟังความคิดเห็นฝ่ายต่างๆอย่างเพียงพอ ทั้งยังปล่อยให้มีการปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นโดยเฉพาะฝ่ายที่เห็นแตกต่างตลอดกระบวนการ
แต่ที่น่าจะทำให้คณะกรรมาธิการนี้ได้ใจมากที่สุดน่าจะได้แก่ การที่ได้ธงจากทั้งคสช.และรัฐบาลทั้งในเชิงระบบและโดยบุคคล
คณะกรรมาธิการต้องส่งร่างให้คสช.และครม.พิจารณาเพื่อให้ความเห็น เมื่อกรรมาธิการแก้ไขปรับปรุงแล้วครม.ก็มีคนออกมาแสดงความพึงพอใจเป็นระยะๆ
ในส่วนของบุคคลก็จะพบว่า พล.อ.ประยุทธ์ซึ่งเป็นทั้งหัวหน้าคสช.และนายกฯออกมาพูดสนับสนุนหรือแก้ต่างให้คณะกรรมาธิการเป็นระยะๆโดยเฉพาะในช่วงหลังที่มีคปป.ขึ้นมา ยิ่งทำให้คณะกรรมาธิการอยู่ในสภาพไม่กลัวใคร
อีกเรื่องหนึ่งที่คนอาจจะเกือบลืมไปแล้วก็คือ การแก้รัฐธรรมนูญชั่วคราวที่ตัดเงื่อนไขที่บังคับให้สปช.ต้องรับร่างออกไป เป็นไม่ว่าจะผ่านหรือไม่ผ่านสปช.ก็ต้องพ้นจากตำแหน่งอยู่ดี เป็นการเอื้อให้คว่ำมากกว่าผ่าน
ยิ่งมีข่าวว่า มีการเสนอตำแหน่งสมาชิกสภาขับเคลื่อนแลกเปลี่ยนกับการโหวตคว่ำด้วยแล้วก็ทำให้เห็นได้ว่าผู้กับกำการแสดงอาจจะเตรียมทางหนีทีไล่ไว้เป็นสองทางมาก่อนแล้ว และเมื่อว่าเห็นว่าจำเป็นต้องคว่ำจึงสามารถคว่ำได้โดยไม่ยาก
ซึ่งก็สมประโยชน์พอดี การคว่ำก็มีผลทำให้คสช.อยู่ได้นานมากยิ่งขึ้นด้วย ซึ่งน่าจะเป็นเหตุให้มีทางเลือกที่จะคว่ำคู่ขนานกับการผ่านร่างแบบสุดๆมาโดยตลอด
โดยสรุป การที่มีร่างที่เผด็จการที่สุดเกิดขึ้นได้และทำให้ประเทศชาติต้องเสียโอกาสเสียเวลากันไปเป็นปี ภายใต้การปกครองที่ไม่เป็นประชาธิปไตยซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่แสนแพงนี้ ก็เพราะกระบวนการร่างที่ไม่เป็นประชาธิปไตยมาตั้งแต่ต้น
การที่ร่างนี้ถูกคว่ำไป อาจเกิดจากสำนึกของสปช.บางส่วนที่เป็นห่วงชาติบ้านเมือง แต่ที่แน่ๆคือ ไม่ได้เกิดจากจิตสำนึกของผู้มีอำนาจหรือผู้กำกับการแสดงของสปช.ซึ่งจำเป็นต้องตัดสินใจสั่งให้คว่ำ เพราะเห็นว่ามีเสียงคัดค้านร่างรัฐธรรมนูญนี้มากขึ้นเรื่อยๆและหากปล่อยให้ผ่านไปก็จะไปถูกคว่ำในขั้นการลงประชามติอยู่ดี
ถ้าไม่มีการวิพาษ์วิจารณ์คัดค้านร่างรัฐธรรมนูญนี้กันอย่างจริงจัง ร่างรัฐธรรมนูญนี้คงผ่านสปช.ไปแล้ว และในขั้นลงประชามติจะคว่ำก็คงยาก เพราะไม่มีใครค้านมาก่อน ในที่สุดเราก็คงจะได้รัฐธรรมนูญที่เลวร้ายกันจริงๆ
การที่ประชาชนฝ่ายต่างๆได้ร่วมกันวิพากษ์วิจารณ์คัดค้านร่างรัฐธรรมนูญเผด็จการในครั้งนี้จึงไม่เสียเปล่าหรือเหนื่อยเปล่า ต้องนับว่าประชาชนได้ช่วยกันป้องกันยับยั้งไม่ให้ประเทศต้องถลำไปสู่วิกฤตที่ร้ายแรงไปได้
ส่วนจากนี้จะทำอย่างไรกันดี การร่างรัฐธรรมนูญและการคืนประชาธิปไตยให้แก่ประชาชนควรเป็นอย่างไร คงต้องคุยกันต่อ
ถ้าจะพูดแบบสั้นที่สุด จะได้รัฐธรรมนูญที่ดีต่อเมื่อกระบวนการร่างเป็นประชาธิปไตยเท่านั้นครับ
คลิกดูเพิ่ม-Chaturon Chaisang
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar