โดย แสงตะวัน
พวกชนชั้นศักดินาและทหารเผด็จการมักจะอ้างอยู่เสมอว่าการใช้ ม. ๑๑๒ ก็ดี การใช้ ม. ๔๔ ก็ดีเพื่อรักษาความมั่นคงของชาติ
โดยอ้างเหตุผลว่าความมั่นคงของสถาบันกษัตริย์คือความมั่นคงของชาติ ก่อนอื่นเราต้องคำนึงถึงการให้นิยามของคำว่า “ชาติ” เสียก่อนว่ามีความหมายถึงอะไร “ ชาติ “ หมายถึงเขตแดน หรือ ( territory ) ที่มีคนหลายเชื้อชาติหลายชนเผ่าอาศัยอยู่รวมกันเป็นสังคมของชุมชน มี รัฐบาลที่มาจากประชาชน โดยประชาชนมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของอำนาจนั้น ซึ่งผู้เขืยนหมายถึงระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยไม่ใช่เหมือนระบอบเผด็จการ แบบประเทศไทย โดย ธรรมชาติของสังคมมนุษยชาติ ตั้งแต่เกิดมีชุมชนขึ้นมาในโลก อำนาจการปกครองสูงสุดเป็นของปวงชน แต่ในประเทศไทยอำนาจสูงสุดของปวงชนถูกกษัตริย์ภูมิพลแย่งชิงเอาไปตั้งแต่ วันที่ ๙ มิถุนา พ.ศ. ๒๔๘๙ โดยการฆ่าพีชายของตนเองรัชกาลที่ ๘
เมื่อกษัตริย์ภูมิพลขึ้นเป็นกษัตริย์รัชกาลที่ ๙ ได้ สนับสนุนให้ทหารยึดอำนาจตลอดมาจนถึงเวลานี้มีการยึดอำนาจมาแล้วนับครั้งไม่ ถ้วน รวมครั้งหลังสุดเมื่อวันที่ ๒๒ เดือน พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ โดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ดังนั้นถ้าจะอ้างถึงคำพูดของ “ Saint-Just อธิบายว่า กษัตริย์นั้นเป็นทรราชโดยธรรมชาติและโดยตัวของมันเอง เราไม่ต้องพิจารณาเลยว่าการกระทำของกษัตริย์หรือการบริหารราชการแผ่นดินของ กษัตริย์มีความผิดทางอาญาหรือไม่ ถ้ากษัตริย์เป็นทรราช นั่นไม่ใช่เพราะความผิดจากการบริหารราชการแผ่นดินของเขา แต่เขาเป็นทรราชก็ด้วยลักษณะของความเป็นกษัตริย์นั่นแหละ “
สถาบันกษัตริย์
สถาบันกษัตริย์คือโครงสร้างส่วนบนของสังคมเป็นเพียงสถาบันส่วนหนึ่งของสังคมไม่ใช่
“
ชาติ “ เพราะถ้าไม่มีชาติก็ไม่มีกษัตริย์ แต่ถ้าไม่มีกษัตริย์ “ ชาติ “
ก็อยุ่ได้ ดังนั้นชาติไม่จำเป็นต้องมีกษัตริย์
เหมือนกับหลายๆประเทศทั่วโลกที่ไม่มีกษัตริย์ประเทศเหล่านั้นก็พัฒนาเจริญ
รุ่งเรืองก้าวหน้า ประชาชนมีความเสมอภาค มีสิทธิเสรีภาพ มีประชาธิปไตย
มีการกินดีอยู่ดี
มีสวัสดิการสังคมที่ดีรับประกันให้คนในสังคมตั้งแต่เกิดมาจนตาย
มีหลักประกันความปลอดภัยทางเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา มีบ้านอยู่อาศัย
ไม่มีการกดขี่ห่มเหงเอารัดเอาเปรียบกันเหมือนในระบอบเผด็จการภูมิพลและครอบ
ครัว
ฉะนั้น
สถาบันกษัตริย์จึงไม่ใช่ “ ชาติ “
แต่เป็นเพียงสถาบันกาฝากที่ประชาชนต้องเสียเงินภาษีเลี้ยงดูเพิ่มขึ้นทุก
ปีๆ ปีนี้หมื่นแปดพันล้านบาทไม่รวมค่าบริจาคและวิธีการรีดไถอื่นๆอีก
จนภูมิพลกลายเป็นกษัตริย์ทีร่ำรวยที่สุดในโลก
นอกจากนี้อำนาจการปกครองทุกอย่างรวมศูนย์อยู่ในมือของกษัตริย์แต่ผู้เดียว เช่น ศาล, ตำรวจ, ทหาร,
ข้าราชการ, พรรคการเมือง, สื่อสารมวลชน, ไปจนถึง สถาบันสงฆ์
และองค์กรอิสระต่างๆ มาถึงยุคปลายรัชกาลที่ ๙ ชึ่งเป็นรัชกาลปัจจุบัน
ประชาชนไทยได้รับรู้
ได้สัมผัสได้ลิ้มรสของความโหดเหี้ยมอำมหิตของกษัตริย์ภูมิพล
รวมถึงการโกหกหลอกลวงการตีสองหน้าของภูทิพล เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการยึดอำนาจแต่ละครั้งและเป็นผู้สั่งฆ่านักศึกษาประชาชนมาอย่างมากมายมาเป็นเวลายาวนาน โดยเฉพาะการสังหารหมู่ประชาชนในใจกลางเมืองหลวง
เมื่อวันที่ ๑๐ เมษายนและ ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๓
ที่ประชาชนล้มตายเป็นจำนวนมากถึง ๙๑ ศพ
บาดเจ็บและหายสาบสูญเป็นจำนวนหลายพันคน
เมื่อเป็นเช่นนี้ประชาชนชาวไทยส่วนมากจึงสิ้นศรัทธาไม่ต้องการให้มีระบอบการปกครองที่มีกษัตริย์อยู่เหนือรัฐธรรมนูญอีกต่อไป
จึงทำให้สถาบันกษัตริย์สั่นคลอนอ่อนแอลง
อีกทั้งประกอบกับอาการเจ็บป่วยหนักของกษัตริย์และราชินีที่ไม่สามารถช่วยตัวเองได้
ในสภาพเช่นนี้พวกลิ่้วล้อบริวารของกษัตริย์ที่เกาะทำมาหากินอยู่กับกษัตริย์
กลัวว่าตนเองจะเสียผลประโยชน์ จึงใช้กฎหมายครอบจักรวาล ทั้ง ม. ๑๑๒ และ ม.
๔๔ อย่างไม่มีขอบเขตโดยอ้างว่าเป็น " ความมั่นคงของชาติ "
เพื่อกดหัวประชาชนเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของพรรคพวกตน และกำลังวางแผนการณ์ปิดประเทศเพื่อจะรักษาระบอบเผด็จการภูมิพลให้คงอยู่จนชั่วฟ้าดินสลาย.
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar