อานนท์ นำภา-ภาณุพงศ์ จาดนอก ถูกส่งตัวเข้าเรือนจำ หลังศาลมีคำสั่งถอนประกัน
ศาลอาญาถอนประกันตัวนายอานนท์ นำภา ทนายความสิทธิมนุษยชน ตามคำร้องของพนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ และเห็นว่านายภาณุพงศ์ จาดนอก แกนนำกลุ่มเยาวชนตะวันออกเพื่อประชาธิปไตย ทำผิดเงื่อนไขประกันจริงจึงมีคำสั่งเพิ่มเงินประกัน แต่นายภาณุพงศ์ยืนยันไม่ขอยื่นประกันตัวตามที่ศาลวางเงื่อนไขเพิ่มเงินประกัน ศาลจึงมีคำสั่งเพิกถอนประกันด้วย
ศาลอาญาเริ่มการไต่สวนพิจารณาคำร้องของตำรวจที่ขอให้เพิกถอนประกันตัวนายอานนท์และนายภาณุพงศ์ตั้งแต่เวลา 09.00 น. วันนี้ (3 ก.ย.) โดยแยกห้องพิจารณคดีกัน ศาลใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมงก่อนจะอ่านคำตัดสินในเวลาประมาณ 16.00 น.
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนซึ่งจัดทีมทนายให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ผู้ต้องหาทั้งสองรายงานว่า ศาลอาญามีคำสั่งเพิกถอนประกันตัวอานนท์จากการกระทำผิดเงื่อนไขประกันตัว เนื่องจากการขึ้นปราศรัยที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 9 ส.ค. และที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เมื่อ 10 ส.ค. เป็นการกระทำในลักษณะเดียวกับที่ถูกกล่าวหาในคดีการชุมนุมของกลุ่มเยาวชนปลดแอก ซึ่งเป็นเหตุให้เขาถูกจับกุมและได้รับการประกันตัวก่อนหน้านี้
ศูนย์ทนายฯ รายงานว่าศาลไม่ตัดสิทธิการยื่นขอประกันตัวใหม่ แต่นายอานนท์แถลงว่าไม่ขอยื่นประกัน และได้โพสต์ข้อเขียนยืนยันการต่อสู้ 2 ข้อความระบุว่า
"ยินดีที่ได้ต่อสู้กับทุกคน เราเดินมาไกล จงเดินต่ออย่างกล้าหาญ หน้าที่นอกคุกผมจบแล้ว ขอเดิมพันทั้งหมดเพื่อการเปลี่ยนแปลง 19 กันยายนนี้ ช่วยยืนยันทีว่าเรามาถูกทางเชื่อมั่นในทุก ๆ คน 3 ก.ย. 63 ณ ศาลอาญา" และ
"ให้การขังผมในวันนี้เป็นใบเสร็จของการคุกคสมประชาชน 19 ก.ย. 63 ไปเอาคืน เชื่อมั่นและศรัทธา"
นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความของนายอานนท์กล่าวว่า สน.สำราญราษฎร์ได้ขออำนาจศาลขังผู้ต้องหาไว้ระหว่างการสอบสวน ซึ่งตามอำนาจสามารถขังไว้ได้นาน 48 วัน ซึ่งหลังจากนี้นายอานนท์จะตัดสินใจยื่นขอประกันตัวใหม่หรือไม่ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์
ทนายความยังได้ถ่ายทอดคำพูดของนายอานนท์ที่ให้เหตุผลที่ไม่ขอยื่นประกันตัวต่อศาลว่าเป็นเพราะ "อิสรภาพของผมสำคัญน้อยกว่าความก้าวหน้าของสังคมและน้อยกว่าประชาธิปไตยของประเทศชาติ
ส่วนในกรณีของนายภาณุพงศ์ ศูนย์ทนายฯ รายงานว่าผู้พิพากษาเห็นว่า จากการที่นายภาณุพงศ์ยอมรับว่าขึ้นพูดที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิตนั้น ศาลเห็นว่าเป็นการทำผิดเงื่อนไขประกัน แต่เมื่อพิเคราะห์ถึงอายุ อาชีพ และพฤติการณ์สำคัญที่พยานอ้าง เห็นว่ายังไม่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่การสอบสวนหรือการดำเนินคดี ศาลจึงเห็นควรให้โอกาสแก่ผู้ต้องหาสักครั้งหนึ่ง แต่มีเงื่อนไขว่าให้เพิ่มวงเงินประกันจาก 100,000 บาท เป็น 200,000 บาท และให้ผู้ต้องหามารายงานตัวต่อศาลใน 15 วัน หากไม่ดำเนินตามคำสั่งให้เพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราว
หลังจากนั้นนายภาณุพงศ์ปฏิเสธที่จะยื่นขอประกันตัวใหม่ตามเงื่อนไขที่ศาลให้เพิ่มเงินประกัน ศาลจึงมีคำสั่งเพิกถอนประกันตัวนายภาณุพงศ์ด้วย
หลังจากศาลมีคำสั่งถอนประกัน นายภาณุพงศ์ได้เขียนข้อความในกระดาษระบุว่า
"ขบวนการประชาธิปไตยเริ่มออกเดินทาง เมื่อทุกคนรู้ว่าสิ่งที่เป็นอยู่ในสังคมปัจจุบันคือการหลงระเริงด้วยอำนาจของเหล่าชนชั้นผู้นำ การออกเดินทางในครั้งนี้ พวกเรามีอุดมการณ์แห่งความเป็นประชาธิปไตย มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือการเดินหน้าสู้ต่อความอยุติธรรมและความเหลื่อมล้ำ รวมถึงระบบศักดินาที่กัดกร่อนกินระบอบประชาธิปไตยของเราเรื่อยมา"หากขบวนการในการเดินทางครั้งนี้จะต้องขาดใครสักคน ขอทุกคนจงเชื่อมั่นในจุดมุ่งหมายที่เราร่วมทางกันมา อย่าหยุดรอใครให้เวลามันเดินไปอย่างเสียเปล่า แต่ขอจงสู้ต่อไปเพื่อนำชัยชนะมาสู่ขบวนการของพวกเรา การเสียสละอิสรภาพของใครคนใดคนหนึ่งเป็นเพียงการต่อสู้ที่ต้องพบเจอของนักสู้ ผมเชื่อมั่นในตัวทุกคนว่าถ้าผมไม่ได้รับอิสรภาพ ทุกคนจะเดินต่อไปได้ และจะพบชัยชนะตามที่เราต่อสู้มา (ลงชื่อ) ไมค์ ภาณุพงศ์"
ต่อมา เวลาประมาณ 17.20 น. เจ้าหน้าที่นำนายอานนท์และนายภาณุพงศ์จากศาลอาญาไปเรือนจำพิเศษกรุงเทพ
ก่อนจะถึงวัน "ถอนประกัน"
นายอานนท์ ทนายความวัย 35 ปี และนายภาณุพงศ์ นักกิจกรรมชาว จ.ระยอง วัย 23 ปี ถูกออกหมายจับและถูกจับกุมเมื่อวันที่ 7 ส.ค. ถูกตั้งข้อหา 8 ข้อหาจากการร่วมชุมนุมของกลุ่มเยาวชนปลดแอกที่ถนนราชดำเนินกลางวันที่ 18 ก.ค. ทั้งสองถูกควบคุมตัวอยู่นานเกือบ 24 ชั่วโมงก่อนที่ศาลจะอนุญาตให้ประกันตัวช่วงบ่ายวันที่ 8 ส.ค.โดยตั้งเงื่อนไขห้ามกระทำการใด ๆ ในลักษณะเดียวกับการกระทำที่ถูกกล่าวหาในคดีนี้ มิฉะนั้นถือว่าผิดสัญญาประกัน
หลังจากได้รับการปล่อยตัว ทั้งนายอานนท์และนายภาณุพงศ์ยังเดินทางไปร่วมการชุมนุมและขึ้นเวทีปราศรัยวิจารณ์รัฐบาลและเรียกร้องการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างต่อเนื่อง เช่น วันรุ่งขึ้นหลังจากได้รับอิสรภาพ นายอานนท์เดินทางไปปราศรัยที่ จ.เชียงใหม่ และขึ้นเวทีปราศรัยที่การชุมนุม "ธรรมศาสตร์จะไม่ทน" ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิตในวันที่ 10 ส.ค.
นายอานนท์ยังได้ขึ้นเวทีปราศรัยในการชุมนุมใหญ่ที่จัดโดย "คณะประชาชนปลดแอก" ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเมื่อวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมาด้วย
นอกจากนี้ ทั้งสองคนยังถูกออกหมายจับและถูกจับกุมในคดีอื่นอีกก่อนที่ศาลจะอนุญาตให้ประกันตัวในทุกคดี กล่าวคือ นายอานนท์ถูกจับกุมครั้งที่ 2 ในวันที่ 19 ส.ค. ตามหมายจับของ สน.ชนะสงคราม จากการขึ้นปราศรัยเรียกร้องปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ที่การชุมนุม "แฮร์รี พอตเตอร์" ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเมื่อ 3 ส.ค. และได้รับการประกันตัวในวันรุ่งขึ้น คือวันที่ 20 ส.ค. และถูกจับกุมครั้งที่ 3 ตามหมายจับของ สภ.คลองหลวง จากการร่วมชุมนุม "ธรรมศาสตร์จะไม่ทน" ที่ มธ. ศูนย์รังสิต เมื่อ 10 ส.ค.
ส่วนนายภาณุพงศ์ถูกจับกุมเป็นครั้งที่ 2 ตามหมายจับของ สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 24 ส.ค. จากการขึ้นเวทีปราศรัยในการชุมนุม "ธรรมศาสตร์จะไม่ทน" จัดโดยแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมที่ มธ. ศูนย์รังสิต เมื่อวันที่ 10 ส.ค.
เมื่อวานนี้ (2 ก.ย.) นายอานนท์ได้ทำหนังสือถืออธิบดีอัยการเพื่อขอให้พิจารณาคดีโดยเปิดเผยและจัดห้องพิจารณาให้เพียงพอต่อคู่ความและผู้ร่วมฟังการพิจารณา
นายอานนท์ระบุในจดหมายว่า เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีที่เกี่ยวกับการใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองอันเป็นสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ เป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชนและสื่อมวลชนจำนวนมาก จึงขอให้ศาลอาญาพิจารณาคดีของเขาและนายภาณุพงศ์อย่างเปิดเผย เพื่อให้สอดคล้องกับหลักพิจารณาคดีโดยเปิดเผยและเป็นธรรม ซึ่งเป็นสิทธิและหลักการที่ได้รับการรับรองไว้ในปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
อย่างไรก็ตาม ประชาสัมพันธ์ศาลอาญาได้แจ้งต่อสื่อมวลชนช่วงเช้าวันนี้ว่าได้ตั้งแผงเหล็กกั้นโดยรอบอาคารศาลอาญา และอนุญาตให้ตัวแทนสื่อมวลชนเข้าฟังการพิจารณาคดีของนายอานนท์และนายภาณุพงศ์ห้องละ 2 สำนักข่าวเท่านั้น ส่วนในห้องพิจารณาคดีศาลอนุญาตให้เฉพาะคู่ความแลผู้ติดตามหรือสังเกตการณ์คดีเข้าฟังได้ไม่เกิน 2 คน
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar