lördag 6 oktober 2012

......๓๖ปี....๖ ตุลาคม๒๕๑๙....ขอสดุดีและรำลึกถึงวีระชนผู้กล้าทุกท่านที่เสียสละพลีชีพเพื่อความถูกต้องยุติธรรม เหตุการณ์ความจริงจากอดีตที่ชี้ให้เห็นถึงความโหดเหี้ยมอำมหิตผิดมนุษย์ของระบอบกษัตริย์ทรราชอาชญากรรมนิรันดร (crime eternal) จนถึงปัจจุบันที่สั่งฆ่าประชาชนฝ่ายประชาธิปไตยครั้งแล้วครั้งเล่าต่อเนื่องไม่มีที่สิ้นสุด...... เหมือนกงจักรปีศาจ..... ในช่วงระยะเปลียนผ่านนี้ชี้ให้เห็นความตกต่ำเสื่อมโทรมถึงที่สุดของอำมาตย์และพวกสมุนรับใช้อำมาตย์ ขณะเดียวกันพลังฝ่ายประชาธิปไตยได้พัฒนาตัวเองเติบโตแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ถือว่าเป็นโอกาสทองของพี่น้องชาวไทยทั้งประเทศที่รักความถูกต้องยุติธรรมและต้องการให้ประเทศไทยมีประชาธิปไตยที่แท้จริง ต้องลุกขึ้นมาช่วยกันต่อสู้โค่นล้ม "ระบอบเผด็จการทรราชอาชญากรรมนิรันดร" ให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดินไทย.....

เราคงรู้จักภาพๆ นั้น "เค้าชื่อเปี๊ยก วิชิตชัย อมรกุล"

โปสเตอร์โดย เก้อ น่ะ

เราคงรู้จักภาพๆนั้น
เก้าอี้ที่ลอยเด่น ผู้คนยืนดูยิ้มแย้ม
อยู่รายรอบเด็กหนุ่มคนหนึ่ง
เด็กหนุ่มผู้ซึ่งล่องลอยอยู่กลางภาพ


เค้าชื่อเปี๊ยก วิชิตชัย อมรกุล
จากบ้านเกิดที่ จ.อุบลราชธานี มาเรียนต่อ
ที่กรุงเทพมหานคร จากเตรียมอุดม
ปี 2518 สอบติดคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ท่ามกลางความดีใจของญาติพี่น้อง

“ไปมาแล้ว เดี๋ยวจะกลับไปอีก จะซื้อข้าวไปให้เขากิน”
เปี๊ยกคุยกับเพื่อนก่อนขนข้าวไปให้พวกที่ธรรมศาสตร์
เป็นอาหารมื้อเที่ยงของวันที่ 5 ตุลาคม 2519
พอช่วงบ่ายๆเปี๊ยกเอารถมาคืน แล้วก็จากไป
นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่เพื่อนๆ ได้เห็นหน้าเขา...ในสภาพปกต

แม้จะอยู่ไกลถึง จ.อุบล แต่พ่อของวิชิตชัย
รีบเดินทางจากอุบลมายังกรุงเทพ ตั้งแต่เหตุการณ์
ส่อเค้าความรุนแรงและข่าวถูกเผยแพร่ไปทั่วประเทศ
พ่อของเค้าไล่ค้นหาที่สถานีตำรวจ โรงพยาบาล
แต่ไม่พบแม้เงาร่างของลูกชา

จนคุณพ่อตัดสินใจขอเข้าดูดูศพเผู้สียชีวิต แต่ก็ไม่พบอีก
ดูเหมือนความหวังจะเลือนรางเต็มที แต่เพื่อนสนิท
ของวิชิตชัยอาสามาช่วยดูอีกรอบ ในที่สุดเพื่อนก็
มาหยุดที่ร่างหนึ่งที่ใบหน้าแหลกเหลว มีเชือกผูกคอ
เขาสังเกตเห็นรองเท้าที่มีรอยซ่อม รองเท้ากีฬาคู่โปรดของวิชิตชัย

พ่อของเด็กหนุ่มเข่าอ่อนร่วงลงที่ตรงนั้น
.......

36 ปีต่อมา
เขายังอยู่ที่ไหนสักแห่ง แม้จะซ่อนตัวอยู่ในความหลงลืม
แน่ล่ะว่าเราอยากลืมเขา เราอยากหลอกตัวเอง
เราอยากบอกตัวเองว่าสังคมเรานี้ดี ไม่เคยมีสิ่งนี้เกิดขึ้น
ยิ่งกว่านั้น เรากลัวที่จะรู้ว่าเพราะอะไรหรือใคร?

เราจึงซุกซ่อนมันเอาไว้ในมุมที่ลึกที่สุด
แต่ยิ่งซ่อน มันกลับยิ่งผุดพราย
36 ปีผ่านไป บนโลกอีกใบที่เรียกว่า Facebook

เด็กหนุ่มคนนั้นก็กลับมามีชีวิตอีกครั้ง.

------------
เรียบเรียงจาก ตุลากาล, ตุลาคม 2539
และ www.2519.net

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar