เราคงรู้จักภาพๆ นั้น "เค้าชื่อเปี๊ยก วิชิตชัย อมรกุล"
เราคงรู้จักภาพๆนั้น
เก้าอี้ที่ลอยเด่น ผู้คนยืนดูยิ้มแย้ม
อยู่รายรอบเด็กหนุ่มคนหนึ่ง
เด็กหนุ่มผู้ซึ่งล่องลอยอยู ่กลางภาพ
เก้าอี้ที่ลอยเด่น ผู้คนยืนดูยิ้มแย้ม
อยู่รายรอบเด็กหนุ่มคนหนึ่ง
เด็กหนุ่มผู้ซึ่งล่องลอยอยู
เค้าชื่อเปี๊ยก วิชิตชัย อมรกุล
จากบ้านเกิดที่ จ.อุบลราชธานี มาเรียนต่อ
ที่กรุงเทพมหานคร จากเตรียมอุดม
ปี 2518 สอบติดคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ท่ามกลางความดีใจของญาติพี่ น้อง
“ไปมาแล้ว เดี๋ยวจะกลับไปอีก จะซื้อข้าวไปให้เขากิน”
เปี๊ยกคุยกับเพื่อนก่อนขนข้ าวไปให้พวกที่ธรรมศาสตร์
เป็นอาหารมื้อเที่ยงของวันท ี่ 5 ตุลาคม 2519
พอช่วงบ่ายๆเปี๊ยกเอารถมาคื น แล้วก็จากไป
นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่เพื ่อนๆ ได้เห็นหน้าเขา...ในสภาพปกต ิ
แม้จะอยู่ไกลถึง จ.อุบล แต่พ่อของวิชิตชัย
รีบเดินทางจากอุบลมายังกรุง เทพ ตั้งแต่เหตุการณ์
ส่อเค้าความรุนแรงและข่าวถู กเผยแพร่ไปทั่วประเทศ
พ่อของเค้าไล่ค้นหาที่สถานี ตำรวจ โรงพยาบาล
แต่ไม่พบแม้เงาร่างของลูกชา ย
จนคุณพ่อตัดสินใจขอเข้าดูดู ศพเผู้สียชีวิต แต่ก็ไม่พบอีก
ดูเหมือนความหวังจะเลือนราง เต็มที แต่เพื่อนสนิท
ของวิชิตชัยอาสามาช่วยดูอีก รอบ ในที่สุดเพื่อนก็
มาหยุดที่ร่างหนึ่งที่ใบหน้ าแหลกเหลว มีเชือกผูกคอ
เขาสังเกตเห็นรองเท้าที่มีร อยซ่อม รองเท้ากีฬาคู่โปรดของวิชิต ชัย
พ่อของเด็กหนุ่มเข่าอ่อนร่ว งลงที่ตรงนั้น
.......
36 ปีต่อมา
เขายังอยู่ที่ไหนสักแห่ง แม้จะซ่อนตัวอยู่ในความหลงล ืม
แน่ล่ะว่าเราอยากลืมเขา เราอยากหลอกตัวเอง
เราอยากบอกตัวเองว่าสังคมเร านี้ดี ไม่เคยมีสิ่งนี้เกิดขึ้น
ยิ่งกว่านั้น เรากลัวที่จะรู้ว่าเพราะอะไ รหรือใคร?
เราจึงซุกซ่อนมันเอาไว้ในมุ มที่ลึกที่สุด
แต่ยิ่งซ่อน มันกลับยิ่งผุดพราย
36 ปีผ่านไป บนโลกอีกใบที่เรียกว่า Facebook
เด็กหนุ่มคนนั้นก็กลับมามีช ีวิตอีกครั้ง.
------------
เรียบเรียงจาก ตุลากาล, ตุลาคม 2539
และ www.2519.net
จากบ้านเกิดที่ จ.อุบลราชธานี มาเรียนต่อ
ที่กรุงเทพมหานคร จากเตรียมอุดม
ปี 2518 สอบติดคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ท่ามกลางความดีใจของญาติพี่
“ไปมาแล้ว เดี๋ยวจะกลับไปอีก จะซื้อข้าวไปให้เขากิน”
เปี๊ยกคุยกับเพื่อนก่อนขนข้
เป็นอาหารมื้อเที่ยงของวันท
พอช่วงบ่ายๆเปี๊ยกเอารถมาคื
นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่เพื
แม้จะอยู่ไกลถึง จ.อุบล แต่พ่อของวิชิตชัย
รีบเดินทางจากอุบลมายังกรุง
ส่อเค้าความรุนแรงและข่าวถู
พ่อของเค้าไล่ค้นหาที่สถานี
แต่ไม่พบแม้เงาร่างของลูกชา
จนคุณพ่อตัดสินใจขอเข้าดูดู
ดูเหมือนความหวังจะเลือนราง
ของวิชิตชัยอาสามาช่วยดูอีก
มาหยุดที่ร่างหนึ่งที่ใบหน้
เขาสังเกตเห็นรองเท้าที่มีร
พ่อของเด็กหนุ่มเข่าอ่อนร่ว
.......
36 ปีต่อมา
เขายังอยู่ที่ไหนสักแห่ง แม้จะซ่อนตัวอยู่ในความหลงล
แน่ล่ะว่าเราอยากลืมเขา เราอยากหลอกตัวเอง
เราอยากบอกตัวเองว่าสังคมเร
ยิ่งกว่านั้น เรากลัวที่จะรู้ว่าเพราะอะไ
เราจึงซุกซ่อนมันเอาไว้ในมุ
แต่ยิ่งซ่อน มันกลับยิ่งผุดพราย
36 ปีผ่านไป บนโลกอีกใบที่เรียกว่า Facebook
เด็กหนุ่มคนนั้นก็กลับมามีช
------------
เรียบเรียงจาก ตุลากาล, ตุลาคม 2539
และ www.2519.net
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar