Somsak Jeamteerasakul
ปัญหาที่หลายคนมี ในการอธิบายการตัดสินใจหรือการกระทำของพระบรมฯ - ไม่ใช่เฉพาะเรื่องไม่รับตำแหน่งตอนนี้ ... http://goo.gl/gBpmKr
ปัญหาที่หลายคนมี
ในการอธิบายการตัดสินใจหรือการกระทำของพระบรมฯ -
ไม่ใช่เฉพาะเรื่องไม่รับตำแหน่งตอนนี้ ยังอีกหลายเรื่องในอดีต - คือ #โดยการใช้เหตุผลแบบปกติธรรมดา ที่เราๆใช้กัน "ท่าน" ไม่น่าจะตัดสินใจหรือทำแบบนั้น
ดังนั้น พอคิดจากการใช้เหตุผลแบบที่เราๆใช้กัน แล้วเห็นว่า มันไม่เม้กเซ้นซ์เลยที่ท่านจะตัดสินใจหรือทำแบบนั้น ก็เลยนำไปสู่การคิดว่า เออ แสดงว่า ต้องมีคนอื่นทำ (แล้วอ้างชื่อ "ท่าน") หรือไม่ก็ต้องมีคนอื่นบีบบังคับให้ท่านต้องทำแบบนั้น - นี่คือ "ฐาน" ที่ทำให้เกิดทฤษฎีสมคบคิด "แย่งบัลลังก์" อะไรขึ้นมา ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่แดงใต้ดิน
อย่างกรณีการไม่รับตำแหน่งกษัตริย์ตอนนี้ ซึ่งโดยการใช้เหตุผลธรรมดา โดยราชประเพณี และโดยข้อกำหนดของรัฐธรรมนูญ พระบรมฯไม่น่าทำเลย เพราะสร้างปัญหาเชิงกฎหมายสารพัด (ผมมองว่า เป็น "วิกฤติรัฐธรรมนูญ" หรือ constitutional crisis เลย ถ้าตามบรรทัดฐานสากล) ดังนั้น แสดงว่า พระบรมฯไม่ได้เต็มใจทำเองหรอก คนอื่น (เปรม ฯลฯ) เป็นคนบังคับให้ต้องทำ หรือไม่พวกนี้ก็ "อำ" กันขึ้นมา เช่นอ้างว่าพระบรมฯตัดสินใจแบบนั้น พระบรมฯไม่เคยพูดเอง บลา บลา
ล่าสุดที่ผมได้ฟังจากชูพงศ์ คือบอกว่า ที่จริงพระบรมฯกลับไทยก่อนวันที่ข่าวออกมาว่ากลับจริงๆ แล้วไปศิริราช เพื่อจะเยี่ยมในหลวง ปรากฏว่าไปถึงชั้น 14 พลเอกคนหนึ่ง - โดยคำสั่งของเปรม - ก็เข้าขวางไว้ #โดยชักปืนขู่ต่อพระบรมฯ บอกว่า พระบรมฯจะผ่านไปชั้น 16 ไม่ได้ พระบรมฯเลยต้องล่าถอยไป เยี่ยมในหลวงไม่ได้ .... ผมคิดว่า สักวัน น่าจะมีการทำเปเปอร์วิชาการ รวบรวมเรื่อง "มโน" ของแดงใต้ดิน เรื่องล่าสุดของชูพงศ์นี้ สามารถเอาขึ้นอันดับ คู่กับเรื่อง "ยูเอ็นส่งคนเจรจาพระบรมฯแล้ว ยื่นข้อเสนอที่พระบรมฯยอมรับ ฯลฯ" ของ "แอนตี้", เรื่อง "เจ้าประชุมกัน ตกลงเลือกพระเทพ เป็นกษัตริย์แทนพระบรมฯ" ของสุรชัย ฯลฯ
ด้วยวิธีคิดทำนองนี้ ในอดีต สุรชัยจึงยืนยันว่า การกวาดล้างศรีรัศมิ์กับครอบครัว พระบรมฯไม่ได้ทำเองหรอก พวกเปรมเป็นคนทำ เพราะโดยเหตุผลปกติธรรมดา ไม่มีทางที่พระบรมฯจะทำเองหรอก เสียชื่อเสียงของพระองค์มากๆที่ทำแบบนั้น (คือพูดราวกับว่า เปรมสามารถบังคับให้พระบรมฯ เซ็นชื่อหย่าเมีย เปรมสามารถจับพ่อตาแม่ยายพระบรมฯไปเข้าคุก โดยพระบรมฯไม่เต็มใจได้ ฯลฯ อะไรทำนองนั้น)
...............
ปัญหาคือ คนที่คิดแบบนี้ assume หรือคิดบนสมมุติฐานว่า พระบรมฯเป็นคนที่ใช้เหตุผลแบบธรรมดาๆ หรือทำอะไรด้วยเหตุผลแบบธรรมดาๆ หรือคำนึงถึงระเบียบแบบแผน หรือผลที่จะตามมาแบบที่เราๆคิดกัน
ความจริงคือ พระบรมฯไม่ได้เป็นคนแบบนั้น ที่ผมใช้คำว่า ทรงมี "พระสไตล์" ของพระองค์ ที่ "ไม่ทรงพระแคร์" ต่อประเพณีและระเบียบแบบแผน และกฎหมายอะไรเท่าไร (ถ้ามีปัญหาเกิดขึ้น ก็ให้คนอื่นไปคอยดีลกับปัญหาเอง) - พูดแบบสั้นๆคือ ไม่ได้ทรงคิดหรือใช้เหตุใช้ผลแบบที่เราๆใช้กัน
เอาตัวอย่างเฉพาะ 2 กรณีที่เกิดขึ้นก่อนในหลวงภูมิพลสวรรคตไม่นาน
- กรณีสนามบินมิวนิค
ลองคิดดูว่า โดยเหตุผลปกติธรรมดา เจ้าที่ไหนจะกล้าทำแบบนั้น (คร้อปท็อป+ลายสัก) เพราะอยู่ต่อหน้าเจ้าหน้าที่สนามบิน-สายการบิน ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ทูต เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เป็น 20-30 คน
- กรณีคำสั่งริบอำนาจดิสธร และสั่งให้ดิสธรไป "ซ่อม"
คำสั่งนั้น ในทางกฎหมาย ไม่มีกฎหมายรองรับเลย ไม่มีผลในทางกฎหมายใดๆ (พระบรมฯไม่ใช่ทั้งกษัตริย์ ไม่ใช่ทั้งนายกฯ "พระราชบัณฑูร" ในทางกฎหมาย ไม่สามารถสั่งข้าราชการสำนักพระราชวังได้)
หรือย้อนหลังไปถึงกรณี "คลิปริมสระ" ที่อื้อฉาว ผมเคยเล่าแล้วว่า ตอนที่คลิปนั้นออกมา ผมใช้เวลากว่าวัน จึงจะยอมรับว่า เป็นคลิปจริง (ไม่ใช่เกิดจากการตัดต่อ หรือบังเอิญโดยแอ๊กซิเด็นท์ เช่นกล้องมันบังเอิญถ่ายทะลุผ้า ทั้งๆที่คนใส่ผ้าปกติ เลยทำให้เห็นเป็นเหมือนโป๊) เพราะผมก็คิดด้วยเหตุผลธรรมดาว่า ไม่น่าเป็นไปได้เลย ที่พระบรมฯจะให้แฟนโป๊ขนาดนั้น ต่อหน้าคนรับใช้เป็นสิบคน
ความจริงคือ ทั้งหมดนี้ (และอีกสารพัดเรื่อง) พระบรมฯทรงทำเองทั้งนั้น เพราะทรงมี "พระสไตล์" ที่ "ไม่ทรงพระแคร์" ต่อเรื่องแบบแผน เรื่องกฎหมาย หรือระเบียบต่างๆ ไม่ได้ทรงใช้เหตุผลแบบปกติธรรมดาที่เราๆคิดกัน
ผมเชื่อว่า กรณียังไม่รับตำแหน่งในขณะนี้ก็เช่นกัน ไม่ว่าจะทำให้เกิดปัญหาทางกฎหมายอย่างไร ด้วยสาเหตุอะไรก็แล้วแต่ตามแบบของพระองค์เอง (ยังต้องมีธุระกลับไปจัดการที่เยอรมัน ฯลฯ) พระองค์ก็ทรงทำ ซึ่งตามเหตุผลปกติธรรมดา ไม่น่าทำเลย (แต่ผมสังหรณ์ว่า ตอนนี้ คงเกิดเร็วขึ้นกว่าที่พระบรมฯตั้งใจไว้เดิม เพราะเริ่มเป็นปัญหามากขึ้นๆ รวมถึงในต่างประเทศ เรื่องบัลลังก์ว่าง ประเทศไทยไม่มีกษัตริย์ .. ล่าสุดที่ทั้งประยุทธ์และวิษณุ ต้องมาพูดในลักษณะว่า จะเกิดเร็วกว่าที่เดิมเคยพูดไว้ - ที่เคยว่า "เป็นปี" - รวมถึงการยืนยันว่า ตกลงพระบรมฯจะเป็นคนเซ็นรัฐธรรมนูญเอง)
ในหลวงภูมิพล ตลอดรัชสมัยของพระองค์ ทรงทำผิดระเบียบแบบแผนรัฐธรรมนูญและกฎหมายหลายอย่าง ซึ่งในอนาคตข้างหน้า เรา (สังคมไทย) คงต้องมาร่วมประเมินกันอีกเยอะ แต่ความจริงคือ ในหลวงภูมิพล "โต" ขึ้นมาระหว่างที่ "คนอื่น" เป็นใหญ่ คือต้องทรงสู้และต่อรองอำนาจกับ จอมพล ป. กับทหาร และต่อมากับนักการเมือง กว่าที่พระองค์จะมีอำนาจสูงสุดอย่างที่เห็น ดังนั้น พระองค์จึงต้องระวังเป็นพิเศษ ที่จะไม่ทำอะไรนอกกฎระเบียบชนิดมากเกินไปจนเป็นจุดอ่อน
แต่พระบรมฯ "โต" ในขึ้นมาในสภาพที่สถาบันกษัตริย์ขึ้นสู่อำนาจสูงสุด พระบรมฯเองทรงโตขึ้นมาในลักษณะที่พระองค์ "ทรง untouchable" คือ ไม่มีใครสามารถ"แตะ"พระองค์ได้แล้ว จึงทรงทำอะไร "ตามพระใจตัวเอง" บ่อย (อย่างครั้งหนึ่งที่ทรงขับเครื่องบินไปขวางเครื่องบินผู้นำต่างประเทศ ฯลฯ โดยไม่ต้องทรงพระแคร์ว่า จะทำให้เกิดปัญหาเป็นเรื่องนานาชาติขึ้นมา และอีกสารพัดกรณีที่เคยทำ) คือ ไม่ทรงต้องรู้สึกระวังอะไรแบบที่ในหลวงภูมิพล อย่างน้อยต้องระวัง ในทุกจังหวะก้าว
ปัจจัยสำคัญอีกอย่างคือ ในหลวงภูมิพล "โต" ขึ้นมา โดยมี "ที่ปรึกษา" ที่เป็นญาติผู้ใหญ่อาวุโส คอย "แนะนำ-ควบคุม-ดูแล" (เช่นพระองค์เจ้าธานี ซึ่งเป็นลุงของพระองค์ ทำหน้าที่ที่ปรึกษาพระองค์ร่วม 20 ปี สมัยหนึ่ง คึกฤทธิ์ก็เคยมีบทบาทเป็นเชิงพี่เลี้ยงให้) แต่พระบรมฯโตขึ้นมา โดยไม่มีแบบนี้ จนถึงทุกวันนี้ ไม่มี "ที่ปรึกษา" ที่สามารถพูดกับพระองค์ได้จริงๆ
ดังนั้น พอคิดจากการใช้เหตุผลแบบที่เราๆใช้กัน แล้วเห็นว่า มันไม่เม้กเซ้นซ์เลยที่ท่านจะตัดสินใจหรือทำแบบนั้น ก็เลยนำไปสู่การคิดว่า เออ แสดงว่า ต้องมีคนอื่นทำ (แล้วอ้างชื่อ "ท่าน") หรือไม่ก็ต้องมีคนอื่นบีบบังคับให้ท่านต้องทำแบบนั้น - นี่คือ "ฐาน" ที่ทำให้เกิดทฤษฎีสมคบคิด "แย่งบัลลังก์" อะไรขึ้นมา ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่แดงใต้ดิน
อย่างกรณีการไม่รับตำแหน่งกษัตริย์ตอนนี้ ซึ่งโดยการใช้เหตุผลธรรมดา โดยราชประเพณี และโดยข้อกำหนดของรัฐธรรมนูญ พระบรมฯไม่น่าทำเลย เพราะสร้างปัญหาเชิงกฎหมายสารพัด (ผมมองว่า เป็น "วิกฤติรัฐธรรมนูญ" หรือ constitutional crisis เลย ถ้าตามบรรทัดฐานสากล) ดังนั้น แสดงว่า พระบรมฯไม่ได้เต็มใจทำเองหรอก คนอื่น (เปรม ฯลฯ) เป็นคนบังคับให้ต้องทำ หรือไม่พวกนี้ก็ "อำ" กันขึ้นมา เช่นอ้างว่าพระบรมฯตัดสินใจแบบนั้น พระบรมฯไม่เคยพูดเอง บลา บลา
ล่าสุดที่ผมได้ฟังจากชูพงศ์ คือบอกว่า ที่จริงพระบรมฯกลับไทยก่อนวันที่ข่าวออกมาว่ากลับจริงๆ แล้วไปศิริราช เพื่อจะเยี่ยมในหลวง ปรากฏว่าไปถึงชั้น 14 พลเอกคนหนึ่ง - โดยคำสั่งของเปรม - ก็เข้าขวางไว้ #โดยชักปืนขู่ต่อพระบรมฯ บอกว่า พระบรมฯจะผ่านไปชั้น 16 ไม่ได้ พระบรมฯเลยต้องล่าถอยไป เยี่ยมในหลวงไม่ได้ .... ผมคิดว่า สักวัน น่าจะมีการทำเปเปอร์วิชาการ รวบรวมเรื่อง "มโน" ของแดงใต้ดิน เรื่องล่าสุดของชูพงศ์นี้ สามารถเอาขึ้นอันดับ คู่กับเรื่อง "ยูเอ็นส่งคนเจรจาพระบรมฯแล้ว ยื่นข้อเสนอที่พระบรมฯยอมรับ ฯลฯ" ของ "แอนตี้", เรื่อง "เจ้าประชุมกัน ตกลงเลือกพระเทพ เป็นกษัตริย์แทนพระบรมฯ" ของสุรชัย ฯลฯ
ด้วยวิธีคิดทำนองนี้ ในอดีต สุรชัยจึงยืนยันว่า การกวาดล้างศรีรัศมิ์กับครอบครัว พระบรมฯไม่ได้ทำเองหรอก พวกเปรมเป็นคนทำ เพราะโดยเหตุผลปกติธรรมดา ไม่มีทางที่พระบรมฯจะทำเองหรอก เสียชื่อเสียงของพระองค์มากๆที่ทำแบบนั้น (คือพูดราวกับว่า เปรมสามารถบังคับให้พระบรมฯ เซ็นชื่อหย่าเมีย เปรมสามารถจับพ่อตาแม่ยายพระบรมฯไปเข้าคุก โดยพระบรมฯไม่เต็มใจได้ ฯลฯ อะไรทำนองนั้น)
...............
ปัญหาคือ คนที่คิดแบบนี้ assume หรือคิดบนสมมุติฐานว่า พระบรมฯเป็นคนที่ใช้เหตุผลแบบธรรมดาๆ หรือทำอะไรด้วยเหตุผลแบบธรรมดาๆ หรือคำนึงถึงระเบียบแบบแผน หรือผลที่จะตามมาแบบที่เราๆคิดกัน
ความจริงคือ พระบรมฯไม่ได้เป็นคนแบบนั้น ที่ผมใช้คำว่า ทรงมี "พระสไตล์" ของพระองค์ ที่ "ไม่ทรงพระแคร์" ต่อประเพณีและระเบียบแบบแผน และกฎหมายอะไรเท่าไร (ถ้ามีปัญหาเกิดขึ้น ก็ให้คนอื่นไปคอยดีลกับปัญหาเอง) - พูดแบบสั้นๆคือ ไม่ได้ทรงคิดหรือใช้เหตุใช้ผลแบบที่เราๆใช้กัน
เอาตัวอย่างเฉพาะ 2 กรณีที่เกิดขึ้นก่อนในหลวงภูมิพลสวรรคตไม่นาน
- กรณีสนามบินมิวนิค
ลองคิดดูว่า โดยเหตุผลปกติธรรมดา เจ้าที่ไหนจะกล้าทำแบบนั้น (คร้อปท็อป+ลายสัก) เพราะอยู่ต่อหน้าเจ้าหน้าที่สนามบิน-สายการบิน ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ทูต เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เป็น 20-30 คน
- กรณีคำสั่งริบอำนาจดิสธร และสั่งให้ดิสธรไป "ซ่อม"
คำสั่งนั้น ในทางกฎหมาย ไม่มีกฎหมายรองรับเลย ไม่มีผลในทางกฎหมายใดๆ (พระบรมฯไม่ใช่ทั้งกษัตริย์ ไม่ใช่ทั้งนายกฯ "พระราชบัณฑูร" ในทางกฎหมาย ไม่สามารถสั่งข้าราชการสำนักพระราชวังได้)
หรือย้อนหลังไปถึงกรณี "คลิปริมสระ" ที่อื้อฉาว ผมเคยเล่าแล้วว่า ตอนที่คลิปนั้นออกมา ผมใช้เวลากว่าวัน จึงจะยอมรับว่า เป็นคลิปจริง (ไม่ใช่เกิดจากการตัดต่อ หรือบังเอิญโดยแอ๊กซิเด็นท์ เช่นกล้องมันบังเอิญถ่ายทะลุผ้า ทั้งๆที่คนใส่ผ้าปกติ เลยทำให้เห็นเป็นเหมือนโป๊) เพราะผมก็คิดด้วยเหตุผลธรรมดาว่า ไม่น่าเป็นไปได้เลย ที่พระบรมฯจะให้แฟนโป๊ขนาดนั้น ต่อหน้าคนรับใช้เป็นสิบคน
ความจริงคือ ทั้งหมดนี้ (และอีกสารพัดเรื่อง) พระบรมฯทรงทำเองทั้งนั้น เพราะทรงมี "พระสไตล์" ที่ "ไม่ทรงพระแคร์" ต่อเรื่องแบบแผน เรื่องกฎหมาย หรือระเบียบต่างๆ ไม่ได้ทรงใช้เหตุผลแบบปกติธรรมดาที่เราๆคิดกัน
ผมเชื่อว่า กรณียังไม่รับตำแหน่งในขณะนี้ก็เช่นกัน ไม่ว่าจะทำให้เกิดปัญหาทางกฎหมายอย่างไร ด้วยสาเหตุอะไรก็แล้วแต่ตามแบบของพระองค์เอง (ยังต้องมีธุระกลับไปจัดการที่เยอรมัน ฯลฯ) พระองค์ก็ทรงทำ ซึ่งตามเหตุผลปกติธรรมดา ไม่น่าทำเลย (แต่ผมสังหรณ์ว่า ตอนนี้ คงเกิดเร็วขึ้นกว่าที่พระบรมฯตั้งใจไว้เดิม เพราะเริ่มเป็นปัญหามากขึ้นๆ รวมถึงในต่างประเทศ เรื่องบัลลังก์ว่าง ประเทศไทยไม่มีกษัตริย์ .. ล่าสุดที่ทั้งประยุทธ์และวิษณุ ต้องมาพูดในลักษณะว่า จะเกิดเร็วกว่าที่เดิมเคยพูดไว้ - ที่เคยว่า "เป็นปี" - รวมถึงการยืนยันว่า ตกลงพระบรมฯจะเป็นคนเซ็นรัฐธรรมนูญเอง)
ในหลวงภูมิพล ตลอดรัชสมัยของพระองค์ ทรงทำผิดระเบียบแบบแผนรัฐธรรมนูญและกฎหมายหลายอย่าง ซึ่งในอนาคตข้างหน้า เรา (สังคมไทย) คงต้องมาร่วมประเมินกันอีกเยอะ แต่ความจริงคือ ในหลวงภูมิพล "โต" ขึ้นมาระหว่างที่ "คนอื่น" เป็นใหญ่ คือต้องทรงสู้และต่อรองอำนาจกับ จอมพล ป. กับทหาร และต่อมากับนักการเมือง กว่าที่พระองค์จะมีอำนาจสูงสุดอย่างที่เห็น ดังนั้น พระองค์จึงต้องระวังเป็นพิเศษ ที่จะไม่ทำอะไรนอกกฎระเบียบชนิดมากเกินไปจนเป็นจุดอ่อน
แต่พระบรมฯ "โต" ในขึ้นมาในสภาพที่สถาบันกษัตริย์ขึ้นสู่อำนาจสูงสุด พระบรมฯเองทรงโตขึ้นมาในลักษณะที่พระองค์ "ทรง untouchable" คือ ไม่มีใครสามารถ"แตะ"พระองค์ได้แล้ว จึงทรงทำอะไร "ตามพระใจตัวเอง" บ่อย (อย่างครั้งหนึ่งที่ทรงขับเครื่องบินไปขวางเครื่องบินผู้นำต่างประเทศ ฯลฯ โดยไม่ต้องทรงพระแคร์ว่า จะทำให้เกิดปัญหาเป็นเรื่องนานาชาติขึ้นมา และอีกสารพัดกรณีที่เคยทำ) คือ ไม่ทรงต้องรู้สึกระวังอะไรแบบที่ในหลวงภูมิพล อย่างน้อยต้องระวัง ในทุกจังหวะก้าว
ปัจจัยสำคัญอีกอย่างคือ ในหลวงภูมิพล "โต" ขึ้นมา โดยมี "ที่ปรึกษา" ที่เป็นญาติผู้ใหญ่อาวุโส คอย "แนะนำ-ควบคุม-ดูแล" (เช่นพระองค์เจ้าธานี ซึ่งเป็นลุงของพระองค์ ทำหน้าที่ที่ปรึกษาพระองค์ร่วม 20 ปี สมัยหนึ่ง คึกฤทธิ์ก็เคยมีบทบาทเป็นเชิงพี่เลี้ยงให้) แต่พระบรมฯโตขึ้นมา โดยไม่มีแบบนี้ จนถึงทุกวันนี้ ไม่มี "ที่ปรึกษา" ที่สามารถพูดกับพระองค์ได้จริงๆ
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar