lördag 14 november 2015

จาก “ป๋าเปรม” ถึง “ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์” เรื่องเก่านำมาเล่าใหม่จะได้ทำความเข้าใจเรื่องราวความเป็นมาของเครือข่ายราชสำนักที่เข้ามามีส่วนชี้นำเกี่ยวข้องกับวิกฤติความวุ่นวายของประเทศอย่างไร?

จาก “ป๋าเปรม” ถึง “ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์” แผนทำลายกระทบชิ่ง ...
จาก “ป๋าเปรม” ถึง “ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์” แผนทำลายกระทบชิ่ง !!จาก “ป๋าเปรม” ถึง “ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์” แผนทำลายกระทบชิ่ง !!


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 22เม.ย. 53

ผ่าประเด็นร้อน
      
อย่าได้แปลกใจที่ต่อไปนี้จะได้เห็นเป้าหมายการเคลื่อนไหวของ ฝ่าย ทักษิณ ชินวัตร ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ที่เคยแอบแฝงซ่อนเร้นมานาน หลายอย่างก็จะเริ่มเปิดเผยให้เห็นตัวตนมากขึ้น

ก่อนอื่นจะแยกออกมาเฉพาะกรณีมีขบวนการทำลาย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ รวมทั้งองคมนตรีอีกบางราย และล่าสุดกำลังรุกคืบไปยัง ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ นางสนองพระโอษฐ์และรองราชเลขาธิการในสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ

สำหรับ พล.อ.เปรม ดำรงตำแหน่งประธานองคมนตรี และได้รับการโปรดเกล้าฯจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งหากมีการแต่งตั้งและให้พ้นจากตำแหน่งก็ต้องเป็นไปตามพระราชอำนาจ ตามพระราชอัธยาศัย ดังนั้นก่อนหน้านี้ที่มีแรงกดดันจากบรรดาแกนนำคนเสื้อแดงในสังกัดของ ทักษิณ ที่ได้เคลื่อนไหวกดดันในทุกวิถีทางทั้งปล่อยข่าวทำลาย ยกขบวนไปด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย เพื่อให้มีการลาออกหรือให้พ้นจากตำแหน่ง ถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่บังควรและเป็นการก้าวล่วง
      
หากจะว่าไปแล้วตามความเข้าใจแบบชาวบ้านนั้น ตำแหน่งประธานองคมนตรีก็เปรียบเหมือนประธานที่ปรึกษาของพระมหากษัตริย์ มีบทบาทในการกลั่นกรองเรื่องสำคัญก่อนที่จะถึงพระเนตรและกัณฐ์ ประกอบกับที่ผ่านมาการดำรงตำแหน่งทั้งทางทหารจนกระทั่งนายกรัฐมนตรีมาอย่างต่อเนื่องยาวนานและได้ถวายความจงรักภักดีจนเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัย
      
พล.อ.เปรม ถือว่าเป็นหนึ่งในเสาหลักสำคัญที่ค้ำยันและปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์มาตลอดหลายสิบปี หากเปรียบเทียบให้เห็นภาพก็เหมือนเป็น “ขาเก้าอี้” ดังนั้นถ้าจะไม่ให้ใครนั่งอยู่บนเก้าอี้ต่อไปได้ก็ต้องทำลายขาเก้าอี้เสียก่อน ซึ่งถือว่าเป็นแผนที่แยบยล และที่สำคัญยังสามารถอำพรางไพร่พลที่ยังมีความ “จงรักภักดี” แต่ถูกชักจูงมาด้วยข้อมูลที่คลาดเคลื่อนให้สามารถขับเคลื่อนมวลชนเพื่อเป้าหมายซ่อนเร้นต่อไปได้
      
ที่ผ่านมาอย่าได้แปลกใจที่ พล.อ.เปรม จะถูกโจมตี ใส่ร้าย ถูกข่มขู่ต่างๆนานา ซึ่งเหตุผลไม่มีอะไรมากไปกว่าความแค้นส่วนตัวที่ถูกขัดขวางในเรื่องไม่ชอบหลายเรื่อง โดยเฉพาะการขัดขวางในเรื่องสร้างเครือข่าย “ระบอบทักษิณ” ที่ต้องการรุกคืบเข้ามาครอบงำประเทศ ขณะเดียวกันความหมายที่แท้จริงของเครือข่ายระบอบทักษิณ ที่คนกลุ่มนี้ต้องการก็ย่อม “เหนือ” ไปกว่านั้นแน่นอน
      
ดังนั้นจึงช่วยไม่ได้ที่ประธานองคมนตรีต้องตกเป็นเป้าหมายโจมตีสำคัญ และกำลังเพิ่มดีกรีหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ
      
ขณะเดียวกัน เมื่อรุมถล่ม พล.อ.เปรม ซึ่งถือว่าเป็นประธานที่ปรึกษาพระมหากษัตริย์จนน่วมแล้วก็ต้องเล็งไปที่บุคคลสำคัญอื่นๆที่เหลือ ซึ่งในที่นี้ก็คือ ท่านผู้หญิง จรุงจิตต์ นั่นเอง

อย่างไรก็ดีเพื่อให้เข้าใจที่มาที่ไปก็ต้องพิจารณากันทีละประเด็นไล่เรียงกันไป โดยก่อนอื่นต้องไม่ลืมว่า ท่านผู้หญิงเป็นนางสนองพระโอษฐ์ และรองราชเลขาธิการในสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ คอยถวายงานรับใช้ใกล้ชิดมาตลอด
      
หากยังจำกันได้ ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ เคยออกมาเปิดโปงความไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับการจัดทำ “เสื้อสีฟ้า” ที่ดำเนินการโดย “วิระยา ชวกุล” เนื่องจากถูกร้องเรียนในเรื่องการ “บังคับขาย” จนสร้างความเดือดร้อนกับพนักงานและข้าราชการชั้นผู้น้อย และเกิดความ “เข้าใจผิด” กันอยู่นาน จนความทราบฝ่าละลองธุลีพระบาท จึงมีรับสั่งให้ยุติการจำหน่ายในลักษณะดังกล่าวในทันที ขณะเดียวกันยังมีความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือเงินจากจำหน่ายเสื้อดังกล่าวจำนวนหลายร้อยล้านบาทก็ไม่มีการนำขึ้นทูลเกล้าฯแต่อย่างใด ซึ่ง วิระยา ก็เคยยอมรับความจริง
      
ต่อมา วิระยา ที่มักทำให้สังคมทั่วไปเข้าใจว่าใกล้ชิดในรั้วในวังมานานก็ถูกเปิดโปงอีกว่า ไม่ได้เป็นนางสนองพระโอษฐ์ จากนั้น วิระยา คนเดียวกันนี้ก็ได้ขึ้นเวทีคนเสื้อแดงเมื่อวันที่ 18 มีนาคมการันตีความจงรักภักดีให้กับ ทักษิณ ชินวัตร หน้าตาเฉย จากนั้นวันที่ 25 มีนาคม ก็ได้มาเป็นผู้นำในการจุดเทียนชัยถวายพระพรในวาระที่พิลึกกึกกือ เนื่องจากไม่ได้อยู่ในช่วงที่คนไทยหรือทางการจัดงานถวายพระพรแต่อย่างใด แต่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นแค่พิธีกรรมอำพรางเพื่อตบตาให้สังคมเห็นว่ายังมีความจงรักภักดี หลังจากมีเสียงวิจารณ์ทั้งจากคนเสื้อแดงด้วยกันเองและสังคมทั่วไปมากขึ้นเรื่อยๆ
      
ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ถูกแกนนำคนเสื้อแดงที่ไร้ต้นทุนทางสังคม อย่าง ณัฐวุฒิ ใสเกื้อ และ จตุพร พรหมพันธุ์ กล่าวร้ายว่า ได้โทรศัพท์ไปกดดันให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบด้านฝ่ายปฏิบัติการแก้ปัญหาในสถานการณ์ฉุกเฉิน สลายการชุมนุมของคนเสื้อแดงหลายครั้ง หากพิจารณาจากเป้าหมายและเจตนาในการกล่าวหาครั้งนี้ถือว่ามีเจตนาซ่อนเร้นหลายชั้น
      
อย่างแรกน่าสังเกตก็คือด้วยอำนาจหน้าที่แล้ว ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ถือว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่แกนนำคนเสื้อแดงรู้อยู่แล้วว่าบุคคลที่ถูกกล่าวหานั้นอยู่ในฐานะที่ไม่สะดวกในการออกมาตอบโต้ชี้แจง และเจตนาก็เพื่อให้เกิดความคลุมเคลือ และหวังให้สังคมเกิดความเคลือบแคลงและคิดไปเองว่าคนที่อยู่เบื้องหลังคือ “ใคร” เป็นเจตนาซ่อนเร้นที่อุวบาทว์อย่างยิ่ง
      
ดังนั้น หากพิจารณาจากความเคลื่อนไหวต่างๆต่อเนื่องกันมาตั้งแต่การออกมาโหมโรงโจมตี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ต่อเนื่องมาจนถึง ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ ของ ทักษิณ และสั่งผ่านแกนนำคนเสื้อแดง หรือแม้กระทั่งการเหิมเกริมอย่างที่สุดของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ที่ล่าสุดใช้คำพูด ข่มขู่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยจะขอเข้าเฝ้าฯให้ทรงลงมาคลี่คลายปัญหา ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นแผนที่วางเอาไว้ล่วงหน้า มีการเคลื่อนไหวอย่างเป็นขั้นเป็นตอน

โดยเฉพาะการให้ร้าย พล.อ.เปรม และท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ที่เพิ่งเกิดขึ้นหากสังเกตให้ดีก็เป็นแผนกระทบชิ่งชนฟ้า มุ่งร้ายต่อสถาบัน ในความหมายก็คือ “โค่นขาเก้าอี้” เพื่อไม่ให้นั่งเก้าอี้ต่อไปได้ !!

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar