torsdag 18 februari 2016

Somsak Jeamteerasakul.....การแถลงข่าวของดีเอสไอ เรื่องรถวัดปากน้ำ





          





การแถลงข่าวของดีเอสไอ เรื่องรถวัดปากน้ำ

 
ผมดูคลิปการแถลงข่าวของดีเอสไอเรื่องตรวจสอบกรณีรถวัดปากน้ำแล้ว รู้สึกน่าสนใจ และขำๆดี

ก่อนอื่น ต้องย้ำว่า ถ้าใครอ่านที่ผมเขียนเรื่องตำแหน่งสังฆราชและกรณีสมเด็จช่วงมาตลอด ควรรู้ว่า ผมไม่สนใจในแง่ที่จะเบรคการขึ้นตำแหน่งสังฆราชของสมเด็จช่วง เพราะผมเห็นว่าไม่ควรมีตำแหน่งสังฆราชเลยด้วยซ้ำ (แน่นอน ผมรู้ว่าเรื่องนี้มันถูก politicized หรือถูกทำเป็นเรื่องการเมือง เร...
ื่องการแย่งตำแหน่งสังฆราช เรื่องการเบรค - และการหนุน - สมเด็จช่วง ฯลฯ แต่ผมเองไม่ได้คิดในแง่นั้น)

ผมสะดุดใจอยู่ 2 เรื่อง

เรื่องแรก ตามข้อมูลดีเอสไอ รถที่เป็นปัญหากันมากที่สุด เบ๊นซ์ เลขทะเบียน ขม 99 ผลการสอบที่แถลงคือ หลวงพี่แป๊ะ (ซึ่งมีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส) "ยอมรับว่าเป็นผู้จัดหารถคันนี้มาในราคา 4 ล้านบาท เพื่อถวายสมเด็จช่วง"

ในเรื่องนี้ ผมสะดุดใจสองประเด็น

ประเด็นแรกคือ ผมจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าคนทีดีเฟนด์หรือเชียร์สมเด็จช่วง (รวมทั้งคนเสื้อแดงจำนวนมาก) "อธิบาย" เรื่องรถนี้ทำนองว่า เป็นเรื่อง "ญาติโยมถวาย ท่านก็รับไว้" อะไรแบบนั้น เมื่อครู่ ผมลองเช็คอีกที ก็เป็นไปตามที่จำได้ คือมีการ "อธิบาย" แบบนี้จริงๆ เช่นดูข่าวนี้ ที่เจ้าคุณพิพิธ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสุทัต เคยอธิบายเรื่องนี้ ดังนี้
http://www.matichon.co.th/news/7112

"เรื่องต่อมาคือกรณีรถหรู ซึ่งความจริงน่าจะเรียกว่ารถบุโรทั่ง เพราะเป็นรถเบนซ์เก่าๆ ถามว่าถ้าเป็นรถหรู สมเด็จท่านเคยนั่งไปอวดคนมั้ย ก็ไม่เคยนั่ง เรื่องนี้มีอยู่ว่าสมเด็จท่านเคยนั่งรถเก่าๆ คันหนึ่งไปปฏิบัติหน้าที่ เมื่อมีคนมาเห็นก็ว่าสมเด็จท่านมีรถเก่ารักษาไว้ดี ก็มีคน 2 พวก คือ 1 เอามาถวายเพราะเก็บในบ้านไม่ได้แล้ว เนื่องจากต้องเสียภาษี สมเด็จท่านก็รับ เพื่อให้คนศึกษาเป็นประวัติศาสตร์ 2.คนที่มีปัญหาเรื่องเงิน เอามาขายให้ ท่านก็เมตตาซื้อไว้ ซึ่งความเมตตานี้ก็ได้กลายมาเป็นศาสตรา ที่จะมาบาดมือท่าน"

(เท่าที่ผมจำได้ เสื้อแดงหลายคนก็ใช้คำอธิบายทำนองนี้)

ถ้าความจริงเป็นไปตามที่ดีเอสไอบอกว่า "หลวงพี่แป๊ะ" ผู้ช่วยเจ้าอาวาสเอง ยอมรับว่าเป็นคนจัดหารถนี้มาด้วยราคา 4 ล้าน (ไม่รู้ว่าเงินนี้เป็นเงินจากไหน ตามข่าวไม่ได้บอก) ก็แสดงว่าคำอธิบายหรือแก้ตัวก่อนหน้านั้น "ญาติโยมถวาย ท่านก็รับไว้" ไม่เป็นความจริง ความจริงคือพระผู้ช่วยของ "ท่าน" (สมเด็จช่วง) เองเป็นคนไปจัดหามา (ส่วน "ท่าน" เองจะรับรู้หรือไม่ อันนี้ยังไม่เคลียร์ - มีเรื่องลายเซ็น "ท่าน" อยู่ แต่ยังไม่ชัดว่า เป็นลายเซ็นจริงลายเซ็นปลอม ฯลฯ)

อันนี้ก็นำมาสู่ประเด็นที่สองที่ผมสะดุดใจจากเรื่องนี้ คือ "หลวงพี่แป๊ะ" ซึ่งเป็นพระแท้ๆจะสนใจหารถมาทำไม(ฟะ)? นับว่าพิลึกดี

เรื่องทีสอง

อันนี้เป็นความรู้สึกรวมๆ ผมคิดว่ากรณีไม่โปร่งใสหรือไม่ค่อยชอบมาพากลทำนองนี้ เกี่ยวกับเงินๆทองๆ หรือถาวรวัตถุต่างๆ ผมคิดว่า เอาเข้าจริง น่าจะแพร่หลายไม่น้อยในวงการวัดและพระ โดยเฉพาะวัดที่ดังๆใหญ่ๆ รวยๆ

ผมเคยเขียนไปก่อนหน้านี้ว่า แวดวงไหนที่เราสมมุติไว้ล่วงหน้าเลยว่าเป็นเรื่องของคนดี เป็นแบบอย่างความดี อะไรทำนองนั้น - ที่สำคัญคือวงการพระ กับวงการเจ้า - แล้วก็ยกเว้นไม่ตั้งคำถาม ไม่ตรวจสอบตามมาตรฐาน โอกาสที่จะมีการปฏิบัติแบบไม่ชอบมาพากลก็สูงมาก คือถ้ามีการตรวจสอบขึ้นมา เรื่องทำนองนี้ก็จะเปิดเผยออกมา แต่ปกติ เนื่องจากถูกสมมุติไว้เรื่องเป็นวงการคนดี ความดี ฯลฯ ก็เลยไม่มีการตรวจสอบกัน

(อีกวงการหนึ่งคือทหาร แต่อันหลังนี้ แม้จะแชร์การสมมุติเรื่องเป็นคนดี ก็ยังอยู่ในระดับรองลงมาจากวงการสงฆ์และเจัาอยู่เยอะเหมือนกัน เช่นปัญหาหนึ่งทีเห็นชัดคือ มีแต่วงการเจ้าและพระเท่านั้น ที่มีการ "ถวาย" เงินทองกันชนิดไม่มีการตรวจสอบเลย - ซึ่งกองทัพอย่างน้อยยังมีระเบียบราชการบางอย่างบังคับอยู่ทำไม่ได้ตรงๆ แต่วงการเจ้าและพระนี่ทำกันโดยถือเป็นเรื่อง "ปกติ" เลย ถือว่า "ได้บุญ" ด้วยซ้ำ)

ผมเคยเขียนไปแล้วเช่นกันว่า ในสังคมไทย การตะโกนเรื่อง "คอร์รัปชั่นๆ" น่ะ เป็นอะไรที่ "กระจอก" ไม่เอาไหน คือ คนทีตะโกนไม่ได้ซีเรียสจริงๆเรื่องนี้หรอก แต่ซีเรียสเฉพาะเป็นคนๆหรือเป็นกลุ่มๆ ที่อาจจะมีเรื่องให้คนที่ตะโกนไม่ชอบ กรณีพระหรือวัดนี่ก็เหมือนกัน ความเห็นผมแต่ไหนแต่ไร ผมมองว่ากรณีวัดธรรมกายและวัดในเครือข่าย (วัดปากน้ำ หรือวัดอื่นๆก็ตาม) มองจากภายนอก ยังไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ น่าจะมีปัญหาความไม่ชอบมาพากลเรื่องเงินๆทองๆอยู่ (และนี่เป็นอะไรที่ผมว่าน่าเสียดายทีคนเสื้อแดงไม่น้อยทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นว่ามีปัญหา) แต่ว่า ปัญหามันไมใช่อยู่เฉพาะพระหรือวัดเหล่านี้ มันเป็นปัญหาทั้งระบบ

(แม้แต่กรณีเจ้านะ ก็เป็นที่รู้กันว่า คนจำนวนไม่น้อย แม้แต่คนชั้นกลางในเมืองที่ "รักเจ้า" ก็ไม่ชอบกรณีฟ้าชาย เรื่องการใช้จ่ายเงินทอง - ซึ่งก็เป็นเรื่องทีถูกต้องแล้วที่จะไม่พอใจ - และในกรณีนี้ ก็มีเสื้อแดงไม่น้อยทำไม่รู้ไม่ชี้เช่นกัน - ปัญหาคือ ไม่กล้าที่จะให้มีการสร้างระบบที่ให้มีการตรวจสอบอย่างถ้วนหน้ามาตรฐานเดียว ไม่ใช่เฉพาะฟ้าชาย แต่ไปถึงในหลวง ราชินี พระเทพ ฯลฯ)

พูดจริงๆ ประเทศไทยมันอย่างนี้แหละ - เรียกว่าแทบจะทั้งสองฝ่ายการเมืองปัจจุบันเลย - คือเป็นเรืองของการชอบใคร ไม่ชอบใคร มากกว่าสนใจที่จะให้มีการสร้างระบบที่ใช้มาตรฐานเดียวกัน ในการตรวจสอบ เอาผิดบุคคลหรือองค์กรสาธารณะในอำนาจรัฐ แน่นอนว่า เนื่องจากฝังเสือแดง เชียร์นักการเมือง และนักการเมืองโดยระบบที่เป็นอยู่ สามารถถูกตรวจสอบได้มากกว่า - มากกว่าเจ้าซึ่งตรวจสอบไม่ได้เลย - ดังนั้นในแง่หนึ่ง ฝังนี้ก็จะสามารถอ้างว่ายอมรับการตรวจสอบมากกว่า และสามารถชี้ไปที่ฝั่งเจ้า ที่ไม่มีการตรวจสอบเลย .. แต่โดยรวม ฝั่งนี้เองก็มีด้านทำนองเดียวกันอยู่นี้เหมือนกัน คือชูแต่ประเด็นให้ตรวจสอบคนทีตัวเองไม่ชอบ ... ฯลฯ

วัฒนธรรมการเมืองไทย มันมีลักษณะแบบนี้เยอะ

อ้าวจบแบบชวนเศร้าๆเสียนี่

.............................................................

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar