วัฒน์ วรรลยางกูร นักเขียนชื่อดังของไทยมีอายุครบรอบ 61 ปีไปเมื่อวันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา แต่ปีนี้เป็นปีที่เขาไม่ได้อยู่ฉลองวันเกิดกับครอบครัวมิตรสหาย ด้วยสถานการณ์การเมืองระลอกล่าสุดผลักดันเขาออกไปจาก ‘บ้าน’ แทบไม่ต่างกับหลังเหตุการณ์ 6 ตุลา เพียงแต่ครั้งนี้ ปลายทางคือ “เสรีภาพ” ในช่วงปลายของชีวิตและไม่มีกองกำลังปฏิวัติให้ฝากความหวังเหมือนเก่า
เวลา พื้นที่ และความโดดเดี่ยว เปลี่ยนแปลงตัวเขาไปมากน้อยเพียงไหน 
ประชาไท: สภาพความเป็นอยู่ตอนนี้เป็นอย่างไร ?
วัฒน์: ตอนอยู่เมืองไทยเราเคยชินกับการอยู่ชนบท หลังบ้านก็เป็นป่าเป็นเขา แต่ออกไปนิดเดียวก็มีเซเว่นแล้ว ตอนนี้สภาพชีวิตประจำวันมันก็เปลี่ยนไปทำให้ช่วงแรกอึดอัดอยู่บ้าง ตอนหลังก็ไปอยู่ติดป่าติดเขา แต่ไม่มีตลาดใกล้ๆ โซดายังไม่มีขายเลย ไม่มีสัญญาณเน็ตก็ไม่มี ไม่มีปัญหา อยู่ได้ อ่านหนังสือเป็นปีๆ แล้ว
ตอนนี้ทำอะไรเป็นหลัก ?
เขียนหนังสือ จบร่างแรกไปแล้ว กำลังทิ้งไว้ให้ลืม ตอนนี้พอดีโน้ตบุ๊คมันเสียเพราะเราดูแลไม่ค่อยเป็น กระทั่งมีคนบริจาคโน้ตบุ๊คมาให้ใหม่ แต่ช่วงนี้ก็ยังไม่ได้เขียนต่อ ตอนนี้นั่งศึกษาอะไรไปเรื่อย ลิสต์นิยายที่เคยชอบเคยอ่าน เอามาอ่านใหม่ อ่านปีศาจ อ่านมังกรหยกอะไรแบบนี้
หนังสือเล่มใหม่ที่เขียนเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร ?
ก็ใกล้เคียงกับชีวิตของผมช่วงนี้ เป็นเรื่องของคนที่ต้องจากบ้านไปเพราะการเมือง มันก็ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่มาก แต่เราเขียนได้ในเงื่อนไขที่มีเสรีภาพมากขึ้น พยามที่จะไม่เซ็นเซอร์ตัวเอง แต่แน่นอนจะไปเขียนเต็มๆ บางทีมันก็เสียแฟนคนอ่าน มันก็ต้องมีวิธีเกลี่ยคำบ้าง ตัวละครก็จะใกล้ตัวผมนี่แหละ คนที่เคยเคลื่อนไหวการเมือง เข้าใจการเมือง แต่ว่าอายุมากขึ้น ชีวิตมีเงื่อนไขมากขึ้น บางคนไปทำอาชีพที่ตำแหน่งหน้าที่การงานสูงทำให้ไม่สามารถเคลื่อนไหวทำกิจกรรมอย่างเปิดเผยได้ ยังบ้ามาร์คซ์ เลนิน อยู่แต่มีความเห็นเปิดเผยไม่ได้ ก็ต้องยืมมือเพื่อนที่มันเหลือเดนหน่อยทำการแทน
ก่อนการลี้ภัยมีข้อหาอย่างชัดเจนไหม อะไรทำให้ตัดสินใจอย่างนั้น ?
ข้อหาชัดๆ ก็คือเรื่องไม่รายงานตัว ข้อหาทางอาวุธไม่มี ผมไม่ได้เกี่ยวข้องกับอะไรพวกนั้น แต่เวลาประกาศเรียกรายงานตัวชื่อผมไม่ว่าจะเป็นประกาศครั้งที่เท่าไหร่ก็จะแพ็คกับวงดนตรีไฟเย็น อาจด้วยความเข้าใจว่าผมเป็นหัวหน้าวงดนตรี และเป็นคนแต่งเพลง คือมันมีการพูดต่อๆ กันไปเรื่อย บางคนก็มาจับมือผมบอกแต่งเพลงนี้ดีมากเลย ซึ่งผมไม่ได้แต่ง ทุกคนในวงก็ยังไม่มีใครโดนข้อหา 112 อย่างเป็นทางการ แต่ว่ารัฐบาลเผด็จการเขาทำหนังสือรายชื่อขอตัวไปยังประเทศที่เขาเข้าใจว่าเราไปอยู่ประเทศนั้นแล้ว มีคนแจ้งมาว่ามีอยู่ 13 ชื่อซึ่งทางการไทยบอกว่าพวกนี้อยู่ในข่ายทำความผิด112 ซึ่งรวมชื่อผมอยู่ด้วย
ทางการไทยยังคงติดตามและมีความพยายามนำตัวตัวผู้ลี้ภัยกลับ มีความกังวลเรื่องนี้ไหม ?
ยังไม่กังวล
อยากกลับบ้านไหม ?
มันไม่ได้อยาก บรรยากาศแบบนั้น จ้างกลับก็ยังไม่กลับเลย ผมเอียนที่สุดแล้วกับบรรยากาศกาศพร็อพพากันดา ให้ผมไปรับรางวัลศิลปินแห่งชาติ ผมก็ไม่ไป ผมจะไม่ยอมอะไรเหล่านี้อย่างเด็ดขาดเลย