สงครามความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศไทยคงยาวนาน แต่รอบนี้ดูเหมือนรัฐบาลชนะชั่วคราว

ชัยชนะรอบที่หนึ่งสำหรับรัฐบาลยิ่งลักษณ์

ใจ  อึ๊งภากรณ์

ความปั่นป่วนในกรุงเทพฯ ดูเหมือนลดลง มีการพักสู้พักรบเพื่อเตรียมงานวันที่ 5 ธันวาคม

     สงครามความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศไทยคงยาวนาน แต่รอบนี้ดูเหมือนรัฐบาลชนะชั่วคราว

     รัฐบาลยิ่งลักษณ์ สามารถคุมสถานการณ์เพื่อไม่ให้เกิดการปราบปรามผู้ประท้วงและการเสียเลือดเนื้อจากมือเจ้าหน้าที่รัฐ ต่างกับสิ่งที่เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์ภายใต้สุเทพและอภิสิทธิ์  สถานการณ์เช่นนี้เพิ่มความชอบธรรมให้กับฝ่ายรัฐบาลซึ่งมีความชอบธรรมเหนือม๊อบสมบูรณาญาสิทธิราชย์อยู่แล้ว  เพราะรัฐบาลยิ่งลักษณ์มาจากการเลือกตั้ง และไม่ได้เปื้อนเลือดเหมือนรัฐบาลประชาธิปัตย์ของสุเทพ

     ฝ่ายม๊อบสุเทพ  ไม่สามารถเพิ่มความชอบธรรมให้ฝ่ายตัวเองในหมู่คนที่ไม่ได้คลั่งเผด็จการมาแต่แรก  เพราะข้อเสนอหยาบๆ ให้มีการแต่งตั้งสภา “เพื่อนสุเทพ” และรัฐบาล “เผด็จการคนดี” ดูเป็นเรื่องตลกร้ายสำหรับคนที่ปัญญาและอุดมการณ์ประชาธิปไตย ยิ่งกว่านั้นเมื่อทหารไม่ยอมเล่นด้วย สุเทพ ก็ต้องสร้างภาพชัยชนะปลอมๆ ในเชิงสัญลักษณ์เท่านั้น ซึ่งอาจจะไม่ได้เพิ่มบารมีให้กับเขาในสายตาคนเกลียดทักษิณเท่าไหร่นัก

     แต่เราไม่ควรนิ่งนอนใจ ในช่วงพักรบอาจจะมีผู้มีอิทธิพลในระดับชนชั้นปกครองหลายคนรวมถึงทหาร ที่อาจจะกดดันรัฐบาลให้หลีกทางเพื่อตั้ง “รัฐบาลแห่งชาติ” คำเห่าหอนของพวกที่ไม่มีอุดมการณ์ประชาธิปไตยในแวดวงวิชาการและ เอ็นจีโอ ที่เรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภา อาจจะเป็นส่วนหนึ่งของแรงกดดันที่รัฐบาลนี้ต้องเผชิญหน้า และแน่นอนการยุบสภาจะไม่แก้ปัญหาในเมื่อม๊อบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ไม่เห็นด้วยกับการเลือกตั้งแต่แรก

     “รัฐบาลแห่งชาติ” เป็นภัยต่อประชาธิปไตยในประเทศไทยและเราควรจะคัดค้านอย่างถึงที่สุด แต่อย่างหลงคิดว่าทหารและชนชั้นปกครองไทย จะคล้อยตามวาระเผด็จการของสุเทพ เพราะชนชั้นปกครองไทยโดยรวม เข้าใจว่าเผด็จการหยาบๆ แบบที่สุเทพเสนอ ครองอำนาจในสังคมไทยปัจจุบันไม่ได้ มันต้องมีการสร้างกระบวนการประชาธิปไตยในระดับหนึ่ง ชนชั้นปกครองไทยเข้าใจอีกด้วยว่า เขาจะหันหลังให้กับความต้องการของเสื้อแดงหรือประชาชนส่วนใหญ่ที่เลือกเพื่อไทยไม่ได้ แต่ปัญหาคือถ้ามีการฮั้วกันหลังไมค์เพื่อตั้งรัฐบาลแห่งชาติ  และเพื่อไทยกับ นปช. ออกมารณรงค์ให้เสื้อแดงและคนส่วนใหญ่ยอมรับ เราจะต่อต้านได้ยากขึ้น คนก้าวหน้าที่รักประชาธิปไตยต้องสู้ต่อไป เพื่อขยายพื้นที่เสรีภาพ และสร้างความเป็นธรรมทางสังคม โดยลดความเหลื่อมล้ำทั้งในเชิงการเมืองและเศรษฐกิจ